ใครจะครองทำเนียบขาว...?

การขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกากำลังเข้าใกล้โค้งสุดท้าย ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งต้องการอยู่ต่ออีกหนึ่งสมัย กับผู้ท้าชิงคือโจไบเดน ผู้ท้าชิงชายชราวัย 77 ปีจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำเล็กน้อย

คนทั้งโลกกำลังลุ้นอยู่ด้วยความรู้สึกระทึกใจ ว่าใครจะมากุมชะตากรรมสหรัฐฯ

คนอเมริกันส่วนใหญ่ดูเหมือนตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะเลือกใคร คงจะเป็นพรรคใครพรรคมัน มันหมายความว่า คนรีพับลิกันก็เลือก โดนัลด์ ทรัมป์ และพรรคเดโมแครต ก็เลือก โจ ไบเดน การชิงครั้งนี้ไม่มีผู้ท้าชิงอิสระเข้ามาให้เลือกได้

โพลต่างๆ ยังชี้ว่าโจ ไบเดน นำโดนัลด์ ทรัมป์อยู่หลายจุดแต่ระยะห่างเริ่มกระชับชิดเข้ามาหลังจากที่ ทรัมป์ทุ่มหนักด้วยลีลาต่างๆ ซึ่งกระชากใจคนอเมริกันซึ่งมีแนวคิดอนุรักษนิยม โดยเฉพาะคนผิวขาวซึ่งในใจมีความรู้สึกเหยียดสีผิวอยู่

ขณะเดียวกัน ก็มีคนเชื่อว่าถึงอย่างไร โดนัลด์ ทรัมป์ ยังจะชนะเพราะคนส่วนหนึ่งเชื่อว่าเอาคนเก่าไว้ก่อนดีกว่าเอาคนใหม่ ซึ่งแก่แล้ว ดูแล้วหมดไฟแล้ว ทั้งในภาวะวิกฤตสารพัดเช่นนี้ ควรเอาคนที่มีประสบการณ์ คุ้นกับงานแล้ว น่าจะดีกว่า

ลำพังถ้าผู้นำอเมริกันไม่มีอิทธิพลต่อโลก ทั้งการเมือง การค้า เศรษฐกิจ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และด้านอื่นๆ คงไม่มีคนใส่ใจมากนัก แต่ที่ผ่านมาเกือบ 4 ปี ผู้นำทำเนียบขาวมีอิทธิพลมากมาย วุ่นวายไปแทบทุกทวีป เพราะความกร่างของทรัมป์

สร้างปัญหาจากสงครามการค้ากับจีนและประเทศอื่น ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

สำหรับคนอเมริกันที่ไม่ชอบผู้นำที่โกหกพกลม พล่ามโม้ มีพฤติกรรมไม่ซื่อ ปกปิดซ่อนเร้นข้อมูลเกี่ยวกับภาษี มีปัญหาเรื่องการทุจริตการช่วยเหลือพวกพ้อง และปัญหาอื่นๆ มองว่าถ้าอยู่ต่ออีกหนึ่งสมัยโดนัลด์ ทรัมป์จะสร้างวิกฤตอีกอย่างไร

ที่เห็นชัดเจนคือ ความล้มเหลวในการจัดการปัญหาการระบาดของโคโรนาไวรัส ความแตกแยกเรื่องสีผิวของคนอเมริกัน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งและตัวผู้นำเองก็เป็นคนสร้างความขัดแย้งทำให้ปัญหาเร็วร้ายกว่าที่ควรจะเป็น

คนทั้งโลกมองว่าทรัมป์เป็นตัวปัญหา ไม่น่าเชื่อถือแม้แต่พันธมิตรนาโตในยุโรป และส่วนอื่นๆ ก็มองว่าผู้นำอเมริกันคนนี้ ไม่มีความน่าเชื่อถือและมีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหาโดยขาดจิตสำนึก ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ โดยตลอด

มีหนังสือเปิดโปงจากหลานสาวของตัวเอง แมรี ทรัมป์ และคำพูดของพี่สาวเรื่องพฤติกรรมของ ทรัมป์ แต่ก็ไม่สร้างผลกระเทือนอย่างไรต่อคนอเมริกันที่ยังชื่นชมผู้นำ เหมือนกับว่าทรัมป์จะเป็นอย่างไรก็ช่าง จะขอเลือกเพราะความชอบ

ด้านพฤติกรรมชั่วร้ายอย่างไรไม่สำคัญ ขอให้มีผลงานถูกใจก็ใช้ได้ ว่างั้น!

สหรัฐฯ มีปัญหาทั้งเรื่องการระบาดของโคโรนาไวรัส การแตกแยกของผิวสี ความรุนแรงในการปะทะกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ประท้วง และระหว่างกลุ่มพวกเอาทรัมป์ กับพวกไม่เอาทรัมป์ คนอเมริกันส่วนหนึ่งยังไม่มองว่านี่คือความแตกแยก

ประเด็นสำคัญก็คือ นอกจากคนอเมริกันหลายล้านคนยังตกงาน อยู่ในสภาวะยากจน โดยที่ยังมองไม่เห็นทางออก แต่ผู้นำทำเนียบขาวยังจะอยากมีบทบาทต่างประเทศซึ่งสามารถสร้างชนวนวิกฤตต่อเนื่อง

ไปวุ่นทั้งในคาบสมุทรเกาหลี ในทะเลจีนใต้ และในย่านละตินอเมริกา

จากผลงาน 4 ปีของผู้นำจอมห้าวอย่างน้อยมี 3 ประเทศซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับชาติมหาอำนาจอันดับ 1 ซึ่งต่างก็ลุ้นว่าใครจะเป็นผู้นำคนต่อไป ว่ากันว่าประเทศรัสเซีย ต้องการให้ทรัมป์อยู่ต่ออีกหนึ่งสมัยเพราะรู้ทางกันอยู่

ดูเหมือนว่าผู้นำทำเนียบขาวทำท่าจะยำเกรงผู้นำหมีขาวอยู่ ตามคำร่ำลือว่าผู้นำรัสเซียมีทีเด็ดอุบไต๋ไว้ช่วงตอนที่ทรัมป์ไปเยือนมอสโกและมีอะไรกับกลุ่มนางแบบรัสเซีย มีเสียงร่ำลือว่ามีคนแอบถ่ายภาพวิดีโอไว้ด้วย แต่ยังไม่หลุดออกมา

โดยส่วนตัวแล้ว ทรัมป์ชื่นชอบวลาดิมีร์ ปูติน เพราะเป็นผู้นำเด็ดขาดและใช้อำนาจออกแนว ไปทางเผด็จการ ซึ่งทรัมป์อยากจะเอาอย่างด้วย ขณะที่รัสเซียมองว่าผู้นำอเมริกันคนปัจจุบันมีศักยภาพที่จะทำให้ประเทศสหรัฐฯ อ่อนแอต่อเนื่อง

และรัสเซียมองว่าถ้าโจ ไบเดน มาเป็นผู้นำก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ ต้องศึกษาท่าทีกันใหม่และนโยบายใหม่ ซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดีต่อรัสเซียก็ได้

ฝ่ายจีนนั้นต้องการให้ทรัมป์ไปให้พ้นหน้า เพราะได้สร้างผลกระทบอย่างมากมายต่อประเทศจีน ในด้านสงครามการค้าที่ยังมีผลต่อเนื่อง และยังไม่เลิกราที่จะหาเรื่องต่อไปกับจีน ทั้งภาคเอกชน และคนจีนที่มีบทบาทสำคัญ

ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทรัมป์ไม่แยกแยะ! ถ้าโจ ไบเดน เข้ามาจีนก็หวังว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าที่ผ่านมาแล้ว และยังพอจะพูดคุยเจรจาด้วยเหตุและผลได้ อย่างน้อยก็จะยังสามารถเริ่มต้นเจรจาในบรรยากาศใหม่

ด้านอิหร่านนั้น อยากให้ทรัมป์ไปพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมานั้นทรัมป์เป็นตัวการที่ทำให้อิหร่านต้องเสียหายมากมายจากการพยามขัดขวางนโยบายต่างๆ รวมทั้งการคว่ำบาตรทางการค้า และด้านอื่นๆ ด้วย

ถ้าทรัมป์ไม่อยู่ อิหร่านหวังว่าจะมีโอกาสได้รับการผ่อนปรนหรือมีท่าทีดีขึ้นของสหรัฐฯ แต่ใครจะคิดจะอ่านอย่างไรก็ตาม วันที่ 3 พฤศจิกายนจะเป็นตัวตัดสิน

และยังมีผลต่อเนื่องอีกว่า ถ้าทรัมป์ จอมอหังการแพ้เลือกตั้งแล้ว ไม่ยอมออกจากตำแหน่งง่ายๆ จะเกิดอะไรขึ้น และคนอเมริกันจะหาทางออกอย่างไร วิธีการทางศาลหรือรัฐสภาตามที่กฎหมายว่าไว้ กองทัพสหรัฐฯ นั้นประกาศแล้วว่าไม่ขอยุ่ง