เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวแสดงความ ‘เคารพสูงสุด’ ต่อนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ซึ่งประกาศสละตำแหน่งด้วยปัญหาด้านสุขภาพเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.) พร้อมยกย่องผู้นำแดนปลาดิบวัย 65 ปีว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุด
“ผมขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ หนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดของผม” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สื่อบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ขณะเดินทางกลับจากหาเสียงที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์
“เรามีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมต่อกัน และผมรู้สึกเสียใจมาก เพราะรู้ว่าการสละตำแหน่งคงเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมากสำหรับเขา”
“เขารักประเทศของเขามาก และการที่ต้องลงจากตำแหน่งเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่อาจจินตนาการได้เลย เขาเป็นสุภาพบุรุษที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นผมจึงขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อเขา”
อาเบะ ซึ่งเป็นนายกฯ ญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดได้ประกาศสละตำแหน่งเมื่อวานนี้ (28) เนื่องจากปัญหาสุขภาพรุมเร้า ซึ่งการลาออกของเขาจะนำไปสู่การแข่งขันภายในพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เพื่อเลือกประธานพรรคคนใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อจนครบเทอม
อาเบะ ยอมรับว่า โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (ulcerative colitis) ที่เขาเป็นมานานหลายปีได้กลับมารุนแรงขึ้นอีก จนทำให้ตนรู้สึกว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศต่อไปได้
ทรัมป์ มีโอกาสได้พบกับ อาเบะ หลายครั้งหลังจากที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายและนักการทูตญี่ปุ่นเองก็ยอมรับว่าผู้นำทั้งสองมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ ได้ทวีตข้อความว่า “@AbeShinzo ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่หลายด้านในฐานะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ทั้งต่อประเทศของเขาและทั่วโลก ความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นเติบโตก้าวหน้าทั้งในด้านการค้า การป้องกันประเทศ และสายสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมภายใต้การนำของเขา ผมขอขอบคุณท่านที่ได้อุทิศตนทำงานเพื่อประเทศชาติตลอดหลายปีที่ผ่านมา และขอให้ท่านมีสุขภาพที่ดี”
ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ยกย่องการทำงานร่วมกันระหว่าง อาเบะ กับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่าเป็นสิ่งที่ “ยอดเยี่ยม” ขณะที่ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวัน กล่าวชื่นชมผู้นำญี่ปุ่นรายนี้ว่า “นายกรัฐมนตรี อาเบะ มีความเป็นมิตรต่อไต้หวันเสมอมา ไม่ว่าจะในด้านนโยบายหรือสิทธิและผลประโยชน์ของชาวไต้หวัน ท่านก็ให้การสนับสนุนอย่างยิ่ง เรารู้สึกซาบซึ้งในมิตรภาพที่ท่านมีต่อไต้หวัน และขออวยพรให้ท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง”
อาเบะ เคยสละเก้าอี้นายกฯ กลางคันมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2007 ด้วยปัญหาสุขภาพเช่นกัน โดยขณะนั้นเขาเป็นผู้นำญี่ปุ่นที่อายุน้อยที่สุดและเพิ่งจะดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 ปี ทว่าต่อมา อาเบะ ก็ได้หวนคืนสู่ทำเนียบอีกครั้งในปี 2012 และสร้างสถิติเป็นนายกฯ ที่รั้งตำแหน่งยาวนานที่สุดของแดนอาทิตย์อุทัย
การที่ อาเบะ ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลในกรุงโตเกียวถึง 2 ครั้งในรอบสัปดาห์ทำให้สื่อญี่ปุ่นเริ่มตั้งข้อสังเกตถึงอนาคตทางการเมืองของเขา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่านายกฯ จะลาออกอย่างกะทันหันเช่นนี้
อาเบะ ยังเหลือวาระดำรงตำแหน่งจนถึงเดือน ก.ย. ปี 2021 และจนกระทั่งเช้าวันศุกร์ (28) โฆษกรัฐบาลก็ยังปฏิเสธความกังวลเรื่องสุขภาพของนายกฯ และยืนยันว่า อาเบะ จะยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
สำหรับบุคคลซึ่งถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมารั้งเก้าอี้นายกฯ แทน อาเบะ นั้นมีอยู่หลายคนด้วยกัน เช่น ชิเงรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมวัย 63 ปี ซึ่งมักได้รับคะแนนโหวตสูงสุดเมื่อมีการสำรวจความคิดเห็นชาวญี่ปุ่นว่าอยากจะให้ใครเป็นนายกฯ คนต่อไป ทว่า อิชิบะ กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในพรรค LDP เท่าที่ควร, ฟุมิโอะ คิชิดะ วัย 63 ปี ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศระหว่างปี 2012-2017, โยชิฮิเดะ สุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น วัย 71 ปี, ทาโร โคโนะ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น วัย 56 ปี รวมถึงนักการเมืองหนุ่มไฟแรงอย่าง ชินจิโร โคอิซุมิ วัย 39 ปี บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรี จุนิชิโร โคอิซุมิ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม และมีแนวคิดอนุรักษนิยมบางอย่างคล้ายๆ กับ อาเบะ
