ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการ้อนแรงตามลำดับ เมื่อนายโจ ไบเดน ได้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อสู้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำทำเนียบขาวที่หวงเก้าอี้ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ทั้งมีท่าทีว่าจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ถ้าแพ้และจะสู้ถึงขั้นศาล
วันแรกของการจัดงานนางมิเชล โอบามา อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง ถือว่าเป็นคนดังที่สุดในการออกมาสนับสนุนโจ ไบเดน ด้วยถ้อยคำที่ทำให้คนอเมริกันมองเห็นผลงานของโดนัลด์ ทรัมป์ว่าได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างไรบ้าง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เช่น การระบาดของโคโรนาไวรัส ความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความแตกแยกของคนต่างผิวสี ทั้งเป็นตัวหลักของการสร้างความแตกแยกในกลุ่มคนอเมริกัน
ผู้กล่าวปราศรัยคนอื่นๆ ก็ชี้ให้เห็นจุดบกพร่องต่างๆ ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์และโอกาสที่คนอเมริกันมีทางเลือกที่จะหวนกลับไปสู่ความถูกต้อง การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบภายใต้รัฐบาลของโจ ไบเดน
ถือว่าเป็นจังหวะดีที่หลายฝ่ายจะออกมารุมยำโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งก็ปักหลักตอบโต้แทบจะทุกเม็ด และสิ่งที่คนอเมริกันคาดไม่ถึงก็คือ ทรัมป์จะใช้ทำเนียบขาวเป็นเวทีสำหรับประกาศตัวสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ต้องไปจัดเวทีข้างนอกให้เสียเงินและเสียเวลา
เหมือนกับเป็นการประกาศให้ใครรู้ว่าทำเนียบขาวเป็นของข้าใครอย่าเข้ามาเป็นอันขาดแล้วจะอยู่ต่อไปต่อให้เอาช้างมาลากก็ไม่ออก
ถือว่าเป็นการเอาเปรียบอย่างซึ่งหน้า อาศัยการดำรงตำแหน่งและใช้ทำเนียบขาวเป็นฐาน และการแถลงข่าวทุกวันนี้ทรัมป์มุ่งเน้นการหาเสียงและโจมตีคู่แข่ง ไม่ตั้งใจแถลงข่าวด้วยเนื้อหาสาระ แต่จะเป็นการให้ข้อมูลเล่นงานฝ่ายตรงข้าม
นี่คือการเมืองแบบใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ที่ไม่ต้องคำนึงถึงกฎกติกามารยาท ธรรมเนียมปฏิบัติ และมุ่งหวังประการเดียวคือต้องชนะให้ได้
ก่อนหน้านี้โดนัลด์ ทรัมป์แสดงอาการกระหายอำนาจอย่างมากถึงขั้นโยนหินถามทางว่าคนอเมริกันควรจะยอมให้ตัวเองเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 หรือไม่
ตอนนี้คนอเมริกันมองว่าทรัมป์เองไม่ได้มุ่งเอาชนะสมัยที่สอง แต่จะอยู่ต่อถึงสมัยที่สามแม้จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นี่คือความทะเยอทะยาน และความโอหังลำพองทางการเมืองแบบไร้ขอบเขตของโดนัลด์ ทรัมป์
ดังนั้นพรรคเดโมแครตต้องระดมพลเป็นหนึ่งเดียวในการเอาชนะให้ได้
ส.ส.รุ่นใหม่ที่ออกมาสนับสนุนก็จะไม่แยกกันพูด แต่จะออกมาเป็นคำประกาศ ของกลุ่มแสดงให้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ที่น่าสนใจก็คือคนดังจากพรรครีพับลิกันเช่นโคลิน พาวเวลล์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและประธานคณะเสนาธิการร่วมของกองทัพก็จะมาพูดสนับสนุนโจ ไบเดนด้วย และมีนักการเมืองจากพรรค รีพับลิกันก็ออกมาด้วย
ถ้าวันที่โดนัลด์ ทรัมป์ แพ้อย่างหมดรูป ก็อาจจะไม่เป็นปัญหาแต่ถ้าเฉียดฉิวก็จะต้องสู้ เพราะทุกวันนี้ทรัมป์อ้างว่าจะต้องมีการโกงในระบบการลงคะแนนเสียงผ่านไปรษณียบัตร
ทรัมป์อ้างเรื่องการโกงโดยที่ตัวเองไม่มีหลักฐานยืนยัน แม้จะถูกซักถามว่าตัวเองรู้ได้อย่างไร และก็เป็นคนกุมอำนาจรัฐด้วย แต่ทรัมป์ไม่ตอบเพียงแต่บอกว่าอาจจะต้องตัดงบประมาณสำหรับหน่วยงานไปรษณีย์ ซึ่งก็มีเสียงโวยวายจากผู้บริหารไปรษณีย์แล้วว่าการนับคะแนนหรือการตรวจรับบัตร จะมีปัญหาถ้ามีบัตรมาก
นี่จะเป็นเรื่องสำคัญที่คนอเมริกันส่วนมากจะต้องไปลงคะแนนใช้สิทธิเลือกประธานาธิบดีผ่านระบบไปรษณีย์ด้วยสาเหตุจากการระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมากขณะที่คนอเมริกันติดเชื้อวันละ 5-60,000 รายและยอดคนเสียชีวิตมากกว่าวันละ 1,000 ราย
ความล้มเหลวในการจัดการการระบาดของโคโรนาไวรัสถือว่าเป็นจุดอ่อนทางการเมืองอย่างมากนอกเหนือจากการถดถอยทางเศรษฐกิจ คนว่างงานที่ยังไม่ลดลง รวมถึงวิกฤตจากการประท้วงและความรุนแรงต่อเนื่องจากความขัดแย้งด้านผิวสี
ไบเดนก็ไม่ได้เปรียบมากมายนักเพราะอายุ 77 ปีสุขภาพย่อมโรยราไปตามวัย แม้โดนัลด์ ทรัมป์ อายุน้อยกว่าไม่กี่ปีก็ยังได้เปรียบเพราะอยู่ในตำแหน่ง คนอเมริกันส่วนหนึ่งยังชอบใจโดยเฉพาะคนผิวขาวแนวคิดอนุรักษนิยม
การสำรวจโดยโพสต์ล่าสุดแสดงให้เห็นตัวเลขว่า โจ ไบเดน นำเป็นตัวเลขเพียงหน่วยเดียวและการเลือกตั้งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 100 วันระยะห่างอาจจะแคบลง นั่นหมายถึงโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์จะรักษาตำแหน่งไว้ก็มีความเป็นไปได้
คนอเมริกันคาดเดาได้ยากกับอารมณ์ คนส่วนหนึ่งก็เบื่อโดนัลด์ ทรัมป์แต่ก็เห็นว่าโจ ไบเดน ไม่มีจุดเด่นมากมาย มีคนส่วนหนึ่ง มองว่าจุดขายที่แท้จริงคือนางกมลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดี ซึ่งดูท่าทีแล้วน่าไว้ใจในกรณีที่ต้องมารับช่วงต่อจากโจ ไบเดน
ดังนั้นช่วงจะตัดสินจริงๆ ก็คือใกล้วันลงคะแนนและคนอเมริกันตัดสินใจเลือกผ่านการใช้สิทธิทางไปรษณีย์
ที่น่าเกลียดก็คือบัตรสำหรับลงคะแนนทางไปรษณีย์มีภาพของโดนัลด์ ทรัมป์และคำชักชวน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่น่าเกลียดอย่างยิ่ง เป็นการเอาเปรียบคู่แข่งและก็ทำได้อย่างไม่อายเหมือนในกรณีอื่นๆ
ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาคนเดียวที่สื่อรวบรวมคำพูดโกหกหรือข้อมูลไม่ถูกต้องมากกว่า 20,000 ครั้ง และยังไม่มีใครทำอะไรได้ คนอเมริกันส่วนหนึ่งอาจจะไม่รู้สึกว่าเป็นความเสียหาย ทำให้ทรัมป์อยู่ในสภาพย่ามใจจึงใช้คำพูดโกหกและข้อมูลเท็จหลอกคนอเมริกันส่วนหนึ่งได้สำเร็จ
และคนอเมริกันส่วนหนึ่งก็คงจะบอกว่า รู้ว่าเค้าหลอกแต่ก็เต็มใจให้หลอกเพราะความชอบและความลุ่มหลง
วันที่ 3 พฤศจิกายนจะได้รู้กันว่าคนอเมริกันตัดสินชะตากรรมประเทศหรือการเลือกใครเป็นผู้นำทำเนียบขาว คนทั้งโลกก็เฝ้ามองด้วยใจระทึกเช่นกัน