ในสังคมอเมริกัน การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินเป็นเรื่องธรรมดาภายใต้สิทธิที่ให้ไว้โดยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ดังนั้นคนอเมริกันจึงมีปืนหลากหลายชนิด มีเหตุร้ายจากการใช้ปืน อาชญากรรม การสังหารหมู่แบบก่อการร้าย
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอเมริกันจึงต้องพร้อมรับเหตุร้าย มีปืน และอุปกรณ์เสริม ยานพาหนะพร้อม เป็น “สิงห์ปืนไว” โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่นตำรวจ มีคำเปรียบเปรยว่า arrest-happy, trigger-happy cop คือ ตำรวจประเภท “จับไว ยิงไว”
กฎหมายอเมริกันมักจะให้อำนาจและดุลพินิจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนในกรณีที่มีประเด็นสงสัยว่าบุคคลที่ถูกตรวจค้นหรือเฝ้าระวังมีอาวุธร้ายแรง
การ “จับไว ยิงไว” นี่แหละ ที่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างตำรวจกับประชาชน ในสังคมอเมริกันมีความเชื่อโดยทั่วไปว่าตำรวจผิวขาวมักจะมองคนผิวสี โดยเฉพาะคนผิวดำ ว่าเป็นคนน่าสงสัย มีแววว่าจะกระทำผิดกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ
ตำรวจผิวขาวใช้ปืนยิงคนผิวดำ บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตเกิดขึ้นหลายครั้ง และมักจะตามมาด้วยการชุมนุมเดินขบวนประท้วงว่าตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่ากฎหมายให้อำนาจไว้ ในบางกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นการฆ่าคนตายมีทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา
กรณีตำรวจเมืองมินนิโซตาจับกุมชายผิวสี จอร์จ ฟลอยด์ ใช้เข่ากดต้นคอนาน 9นาทีทำให้ จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตและกลายเป็นชนวนประท้วงทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ มีการจลาจลเผาอาคารบุกเข้าฉกชิงสินค้าในร้านต่างๆ เป็นสภาวะมิคสัญญี
คนอเมริกันประสบเหตุอย่างนี้ จนแทบเป็นเรื่องปกติ แต่กรณี จอร์จ ฟลอยด์ ถือว่ารุนแรงที่สุด มีการประท้วง การปะทะกัน ความเสียหายมากมายเป็นวงกว้างที่สุด
เรื่องของ จอร์จ ฟลอยด์ ยังไม่จบ ยังมีการประท้วงค้างคาอยู่ในหลายเมืองโดยเฉพาะในรัฐโอเรกอน และรัฐวอชิงตัน ซึ่งมีทั้งความรุนแรง มีการใช้กองกำลังนอกจากหน่วยรักษาดินแดน หรือ National guard เข้ารักษาความสงบ
ภายหลังมีการสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยอื่น เช่นทหารประจำการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ แต่งชุดปราบจลาจล ไม่ติดชื่อและเครื่องหมายประจำหน่วยเข้าควบคุมฝูงชนและใช้ความรุนแรง ทั้งทำร้ายร่างกายผู้ประท้วงด้วย
เรื่องเก่ายังไม่ทันหายก็เกิดเรื่องใหม่ เมื่อตำรวจในเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน ใช้ปืนยิงชายผิวดำ วัย 29 ปี ชื่อ จาค็อบ เบล็ก ติดต่อกันถึง 7 นัด เป็นการยิงข้างหลังโดยที่ไม่ปรากฏว่าเป้าหมายมีอาวุธหรือมีท่าทีจะทำร้ายตำรวจ และไม่มีโอกาสได้หลบกระสุน
ช่วงที่ตำรวจกระหน่ำยิงนายจาค็อบ เบล็ก นั้น ลูกทั้ง 3 คนก็นั่งอยู่ในรถมองเห็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตลอด รวมทั้งฝูงชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ในบริเวณนั้นก่อนที่ตำรวจจะตัดสินใจลั่นไก ภาพวิดีโอจึงเป็นหลักฐานมัดตัว ดีกว่าพยานบุคคล
ช่วงก่อนเจ้าหน้าที่จะยิงนั้นตำรวจได้ชักปืนและจ่อไปที่นายเบล็ก แม้กระทั่งเวลาที่หันหลังเดินไปเปิดประตูรถด้านคนขับก็ตาม มีเสียงตำรวจเรียกให้หยุดแต่นายเบล็กไม่สนใจเมื่อเปิดประตูรถและก้มตัวลงไป นั่นเป็นเวลาที่ตำรวจยิงกระหน่ำแบบไม่เลี้ยง
จาค็อบ เบล็กน่าจะเสียชีวิตคาที่ กระสุนเข้าจุดสำคัญ แต่รอดได้เป็นปาฏิหาริย์
ยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมตำรวจนายนั้นจึงยิงมากถึง 7 นัดและตำรวจ 2 นายก็ถูกย้ายไปอยู่หน่วยอื่นชั่วคราวเพื่อรอการสอบสวน
การยิงถึง 7 นัด มีคนบันทึกภาพไว้ได้และแพร่กระจายผ่านสื่อโซเชียล มีเดีย และทีวี จากนั้นอีกไม่นานคนในเมืองเคโนชาและส่วนอื่นๆ ของวิสคอนซินก็เดินขบวนประท้วง ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกิดการจลาจล มีคนเผาอาคารย่านธุรกิจ
และย่านร้านค้าก็เป็นของคนผิวดำโดยมีข้อสันนิษฐานว่าผู้กระทำการมาจากรัฐอื่นเพื่อก่อความไม่สงบ และให้คนผิวดำโกรธแค้นจากความเสียหายต่อทรัพย์สิน
หรืออาจจะเป็นการล้างแค้นเพราะการเดินขบวนในเมืองอื่นๆ นั้นจะเห็นภาพคนผิวดำและคนผิวสีบุกเข้าไปในร้านแล้วฉกฉวยขโมยทรัพย์สินสร้างความเสียหาย
หลังจากการยิง กระสุนของตำรวจเจาะตับ ไต และกระดูกสันหลัง ทำให้นายเบล็กอยู่ในอาการโคม่า แพทย์สรุปผลในขั้นนี้ว่านายเบล็กคงจะไม่มีโอกาสได้เดินอีกแล้วเพราะช่วงล่างเป็นอัมพาตตลอด เว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์เท่านั้น
คาดว่าจะได้รับการชดใช้อย่างเต็มที่และคงมีคดีฟ้องร้องเป็นเงินมหาศาล แต่การประท้วงยังไม่จบ ความรุนแรงขยายตัว รวมทั้งการเผาอาคารและทรัพย์สินของคนผิวดำสร้างความโกรธแค้นมากขึ้นโดยที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ยังมีการเดินขบวนประท้วงในเมืองนิวยอร์ก และวอชิงตัน ดี.ซี. และคาดว่าอาจจะลามไปถึงเมืองอื่นๆ อีกด้วยเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะมากสำหรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอยู่ในระหว่างพิธีการรับการแต่งตั้งเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2
หรือจะใช้วิกฤตนี้เป็นโอกาสแสดงความเป็นผู้นำก็ได้ แต่คนอเมริกันอาจไม่เชื่อ
ทรัมป์บอกว่าก่อนหน้านี้ ได้ถามผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิ นและนายกเทศมนตรีเมืองเคโอชาแล้วว่าจะให้รัฐบาลกลางช่วยเหลือด้านกำลังเจ้าหน้าที่ไปควบคุมสถานการณ์หรือไม่ แต่ได้รับการปฏิเสธโดยทรัมป์อ้างว่าคนของพรรคเดโมแครตเป็นผู้บริหารรัฐ
ตอนนี้เท่ากับว่าการเดินขบวนประท้วงการเหยียดสีผิว การแตกแยกระหว่างคนอเมริกันต่างสีผิว และความเชื่อทางการเมือง ปัญหาการระบาดของโคโรนาไวรัส และวิกฤตเศรษฐกิจกำลังทำให้คนอเมริกันต้องลำบากในด้านชีวิตความเป็นอยู่อย่างรุนแรง
การเลือกตั้ง โดยทรัมป์หรือ โจ ไบเดน เป็นผู้นำ จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ ต้องรอดูผลการเลือกตั้งที่จะมีในวันที่ 3 เดือนพฤศจิกายนนี้เสียก่อน