รอยเตอร์ - ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซินในวันอังคาร (25 ส.ค.) ประกาศภาวะฉุกเฉิน และจะเสริมกำลังพลจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าประจำการเพิ่มเติม ในขณะที่ครอบครัวของชายผิวสีที่ถูกตำรวจสหรัฐฯรัวยิงในเมืองเคโรชา ต้นตอของสถานการณ์ความไม่สงบ วิงวอนให้เห็นค่าชีวิตของลูกชายและเรียกร้องให้ยุติการประท้วงรุนแรงที่ปะทุขึ้นภายในเมืองแห่งนี้
“พวเขายิงลูกชายของผม 7 นัด 7 นัด! ราวกับว่าชีวิตของเขาไม่สำคัญ” จาค็อบ เบลค ซีเนียร์ แถลงข่าวด้วยน้ำเสียงของคนใจแตกสลาย หลังจากเกิดเหตุลูกชายวัย 29 ปีของเขาถูกตำรวจรัวยิงเมื่อวันอาทิตย์( 23 ส.ค.) “ลูกชายของผมมีความสำคัญ เขาก็เป็นมนุษย์และเขาสำคัญ”
ถ้อยแถลงของครอบครัวมีขึ้นในขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและท้องถิ่น เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ความไม่สงบในคืนที่ 3 ในการประท้วงกรณีที่ จาค็อบ เบลค จูเนียร์ เผชิญหน้ากับตำรวจเมื่อวันอาทิตย์ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่จ่อยิงกลางหลัง 7 นัดในระยะประชิด
ก่อนหน้านี้ ในวันอังคาร (25 ส.ค.) โทนี เอเวอร์ส ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และบอกว่า เขาจะเสริมกำลังพลจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าประจำการเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับพวกก่อเหตุขโมย ปล้นสะดม และวางเพลิง ซึ่งก่อความเสียหายอย่างกว้างขวางแก่อาคารราชการต่างและย่านธุรกิจเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
บรรดาทนายความเผยว่า เบลค เป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไปและเป็นไปได้ที่จะพิการอย่างถาวร นอกจากนี้แล้ว ยังมีรูกระสุนบริเวณช่องท้อง ไตเสียและตับเสียหาย และจำเป็นต้องผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่และเล็กออกทั้งหมด
จูเลีย แจ็คสัน แม่ของจาค็อบ วิงวอนขอความเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยบอกว่า เธอสวดมนต์ภาวนาแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกล่าวด้วยว่า เธอรู้สึกผิดหวังที่เมืองเกิดความเสียหาย “มันไม่ได้สะท้อนลูกชายของฉันและครอบครัวของฉัน หาก จาค็อบ รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นเลยเถิดไปแล้ว ทั้งความรุนแรงและความเสียหาย เขาคงไม่พอใจอย่างมาก”
เบลค ซึ่งพยายามเข้าไปห้ามปรามเหตุทะเลาะวิวาทของผู้หญิง 2 คน ถูกรัวยิง 7 นัด ในนั้น 4 นัดพุ่งตรงเข้าร่างของเขา โดยทั้งหมดเป็นการลั่นไกของตำรวจนายเดียวและเป็นการลงมือต่อหน้าต่อตาลูกๆวัยเด็กของเขา 3 คน จากการเปิดเผยของ เบน ครัมป์ ทนายความด้านสิทธิพลเมือง ซึ่งเป็นตัวแทนของครอบครัวเบลค
ภาพของเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นตอนเวลาราวๆ 17.00 น.ของวันอาทิตย์ (23 ส.ค.) ซึ่งถูกโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็น เบลค เดินอ้อมบริเวณด้านหน้ารถเอสยูวีของเขา ไปยังบริเวณประตูด้านที่นั่งผู้โดยสาร โดยพวกเจ้าหน้าที่ใช้ปืนจี้เดินตามมาติดๆ พร้อมตะคอกใส่ ทันใดนั้นขณะที่ เบลค เปิดประตูและเอียงตัวเข้าไปภายใน ตำรวจนายหนึ่งก็คว้าเสื้อของเขาจากด้านหลัง แล้วรัวเป็นเข้าใส่เป็นชุดๆ ทั้งนี้ ตำรวจไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงต้องลงมือยิง เบลค
เหตุยิงครั้งนี้กำลังอยู่ภายใต้การสืบสวนของกระทรวงยุติธรรมของรัฐวิสคอนซิน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ
แต่เหตุการณ์นี้เป็นคดีล่าสุดที่ดึงดูดความสนใจไปยังแนวทางปฏิบัติกับคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันของตำรวจ โหมกระพือความโกรธแค้นในเคโนชา เมืองริมทะเลสาบมิชิแกนที่มีประชากรราวๆ 100,000 คน และตั้งอยู่ระหว่าง ชิคาโก กับ มิลวอกี
เหตุยิงเกิดขึ้น 3 เดือนตามหลังการเสียชีวิตด้วยน้ำมือตำรวจของ จอร์จ ฟลอยด์ ในมินนิโซตา ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันอีกคน ซึ่งโหมกระพือการประท้วงทั่วประเทศต่อต้านความป่าเถื่อนและพฤติกรรมเหยียดผิวของตำรวจ
เอเวอร์ส บอกว่า เขาจะอนุมัติเสริมประจำการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐวิสคอนซิน จากเดิมที่ประจำการอยู่ราวๆ 100 นายในวันจันทร์ (24 ส.ค.) เป็น 250 นาย ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่อื่นๆ เรียกร้องให้ตอบโต้ด้วยกำลังมากกว่าเดิม หลังจากค่ำคืนที่ผ่านมา เหตุปล้นสะดมและวางเพลิงบดบังการประท้วงอย่างสันติบนท้องถนน
สถานการณ์ความไม่สงบปะทุขึ้นอีกครั้งในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯในค่ำคืนวันจันทร์ (24 ส.ค.) โดยมีรายงานการปะทะกันในพอร์ทแลนด์ รัฐออริกอน, เมืองซีแอตเติล และ มินนิอาโปลิส ขณะที่ในวิดีโอบนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นผู้ประท้วงเดินขบวนขึ้นไปบนสะพานบรู๊คลิน ในเมืองนิวยอร์กด้วย
ในเมืองเคโนชา ประกาศเคอร์ฟิวที่กำหนดไว้ตอน 20.00 น.ของวันจันทร์ (24 ส.ค.) เป็นต้นไป ถูกเพิกเฉยเป็นส่วนใหญ่ โดยพอเริ่มเข้าสู่ช่วงค่ำ การประท้วงที่เป็นไปอย่างสันติส่วนใหญ่ ก็เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง โดยบางคนจุดพลุไฟ ส่วนคนอื่นๆ ก็ลงมือเผาอาคาร
ตำรวจท้องถิ่น ภายใต้การสนับสนุนของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และระเบิดควันเข้าสลายฝูงชน จากการเปิดเผยของ พอช เบนเนตต์ ผู้ประท้วงวัย 31 ปี ในเมืองเคโนชา
เบนเนตต์ เล่าว่า เปลวไฟได้เผาผลาญย่านธุรกิจส่วนใหญ่ของคนผิวสี และเธอเห็นพวกที่ลอบจุดไฟเผานั้นเป็นคนผิวขาว “พวกที่มาจากเมืองอื่นๆ เป็นคนทำเรื่องนี้ เราจับจ่ายซื้อของที่นั่นตั้งแต่เราเป็นเด็ก พวกเขาจุดไฟเผามัน”