ผู้จัดการรายวัน 360 - “วิชา" เรียก “เพิ่มพูน-ธนสิทธิ์”แจงคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงคดี "บอส อยู่วิทยา" ขณะที่ "ธนสิทธิ์" ยันให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนครั้งเดียว ยอมรับกังวลความปลอดภัย ปูดถูกกดดัน จ่อเรียก"สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง" แจง 20 ส.ค.นี้ ด้าน มติก.อ.เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยตั้งอนุกรรมการสอบดุลพินิจ "เนตร นาคสุข"รองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง "บอส" ส่วน ตร.เตรียมออกหมายจับ 'บอส อยู่วิทยา'ข้อหาเสพโคเคนขณะขับรถ "จารุวัฒน์" แจงขอขยายเวลาสอบคดี "บอส กระทิงแดง" อีก 7 วัน เพราะมีเรื่องต้องตรวจสอบเยอะ ทำไม่ทัน พบตำรวจบางรายยังทำผิดซ้ำหลังถูกป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้ว กมธ.กฎหมายเรียก 'สมยศ-ธานี" ชี้แจง
วานนี้ (18 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ได้เชิญพล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลด้วย
นายวิชา ให้สัมภาษณ์ภายหลังสอบข้อเท็จจริงพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ถือเป็นพยานที่มีน้ำหนักทำให้อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งไม่ฟ้อง ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ จาก 177 เป็น 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพียงครั้งเดียวคือ ในวันที่ 26 ก.พ. 2559 และยืนยันว่าไม่ได้เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าพนักงานสอบสวนในวันที่ 2 มี.ค.2558 ตามที่ถูกกล่าวอ้าง และไม่ทราบว่านายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบและการผลิตยานยนต์เข้ามาได้อย่างไร ทราบว่าเพียงเป็นผู้ทำข้อมูลในคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง จึงทำให้เชื่อถือในข้อมูล แต่เมื่อกลับมาทบทวน และเชื่อว่าไม่ถูกต้องจึงพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลกลับไปอยู่ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.จร บช.น.อ้างว่าคำคดีอื่นซับซ้อน ทำให้เกิดความสับสน จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
"พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ยอมรับว่ากังวลเรื่องของความปลอดภัย โดยอ้างว่ามีบุคคลติดตามและถูกกดดัน"
เมื่อถามว่าถูกกดดันจากใคร นายวิชา กล่าวว่าพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่บอกว่าคนที่พานายสายประสิทธิ์มาคือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ดังนั้นคณะกรรมการฯจะเชิญมาให้ข้อมูลชี้แจงในวันที่ 20 ส.ค.เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาคารเทเวศร์ รวมถึงเชิญอัยการสูงสุดมาด้วย
เมื่อถามต่อว่าจะต้องเชิญ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ที่ถูกกล่าวอ้างในรายงานเข้าชี้แจงด้วยหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คงไม่ต้อง เพราะวันนี้ชี้แจงแล้วว่า ใช้เพียงห้องทำงานของพล.ต.ท.มนูเท่านั้น ซึ่งจะตรวจสอบว่าในการทำสำนวน จะต้องมีใครเกี่ยวข้องและรับผิดชอบ ส่วนข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบทั้งหมดพ.ต.อ.วิรดล เหมือนจะต้องรับผิดคนเดียวใช่หรือไม่นั้น อยู่ในกระบวนการ แต่ไม่เปิดเผยว่ามีบุคคลใดบ้าง ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบฝ่ายตำรวจจะเชิญผู้บังคับการกองต่างประเทศ ที่รับผิดชอบการออกหมายแดง (อินเตอร์โพล)และการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ข้อมูลต่อข้อมูลในวันที่ 20 ส.ค.นี้ รวมถึงตำรวจที่เชียงใหม่ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง และการชันสูตรพลิกศพด้วย
เมื่อถามอีกถึงการเข้าให้ข้อเท็จจริงของพล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายวิชา กล่าวว่า เจ้าตัวได้ชี้แจงเรื่องการมอบอำนาจ ว่าเป็นไปตามระบบ คำสั่งเป็นเด็ดขาดไม่รับคืน และที่ไม่เห็นแย้งกับอัยการเพราะไม่มีข้อมูลใดผิดปกติ แต่ยอมรับว่า เพิ่งทราบว่ามีการกดดัน พ.ต.อ.ธนสิทธิ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่ามีการกดดัน และทำสำนวนอันเป็นเท็จ ตนไม่ยอม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะต้องนำไปพิจารณากระบวนการทำงานของตำรวจต่อไป นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลจากคณะทำงานทั้งหมดจนถึงขณะนี้ เห็นได้ชัดแล้วถึงหรือไม่ว่าเป็นกระบวนการเอื้อในทางคดี ให้กับนายวรยุทธ อยู่วิทยา นายวิชา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่คดีรถชนคนตาย แต่จริงๆ แล้วไม่ปกติ สมแล้วที่นายกรัฐมนตรีจะต้องตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบโดยเฉพาะ ส่วนกรณีโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ว่าคณะกรรมการเป็นขบวนการสอบ เพื่อช่วยกันนั้น ถ้าช่วยกัน ตนจะออกมาเปิดเผยข้อมูลพิรุธและบอกว่าผิดปกติทำไม มีหรือไม่ที่ตนบอกว่าไม่มีผิดปกติเลย
มติก.อ.โหวต ไม่ตั้งอนุกรรมการสอบดุลพินิจ "เนตร นาคสุข"
วานนี้ (18 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอัยการ (กอ.) ครั้งที่ 82 /2563 โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ เรื่องการตั้งกรรมการสอบดุลยพินิจนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาคดีขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อเสียชีวิต
นายอรรถพล เผยว่า วันนี้มีการเสนอชื่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้อง คดีนายวรยุทธ หรือบอส เพื่อตรวจสอบดุลพินิจของนายเนตร ตนได้ทำเอกสารเสนอเข้าที่ประชุม พร้อมร่างคำสั่ง จัดตั้งผู้ที่เป็นอนุกรรมการในการตรวจสอบ โดยผลการโหวต เสียงส่วนใหญ่ที่ประชุมไม่เห็นชอบ จึงตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวไม่ได้ โดยเหตุผลในที่ประชุม ก.อ. บางส่วนบอกให้มีการชะลอการตั้งอนุกรรมการดังกล่าวไว้ก่อน บางคนไม่มีการอภิปรายแต่โหวตไม่เห็นชอบ โดยมีมติเห็นชอบอยู่ 5 เสียง ส่วนที่เหลือก็มีไม่ออกเสียงและไม่เห็นชอบ จากทั้งหมด 15 เสียง ทั้งนี้ขั้นตอนในการโหวตดังกล่าว นายเนตรต้องเดินออกจากที่ประชุม ส่วนเรื่องที่นายเนตรยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นรองอัยการสูงสุด ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้าสู่ที่ประชุม ก.อ. และการที่นายเนตรมาประชุมในวันนี้แสดงว่าอัยการสูงสุดก็ยังไม่ได้อนุญาตให้ลาออก
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การสอบสวนชั้นต้น และการสอบสวนวินัยข้าราชการอัยการสูงสุด ได้ผ่านการเห็นชอบ รอประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะคล้ายกับของปีพ.ศ. 2554 ในการสอบวินัยข้าราชการอัยการตามมาตรา 74 ซึ่งระดับรองอสส.และ อสส. จะเป็นไปตามมาตรา 82 แต่ในวันนี้ที่เสนอเป็นเฉพาะ รอง อัยการสูงสุด ส่วน อัยการสูงสุด จะเป็นการประชุมคราวหน้า
เมื่อถามว่าการประกาศราชกิจจาฯจะช้า จนไม่สามารถดำเนินการทางวินัยนายเนตร นาคสุขหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า น่าจะประกาศเร็ว และต้องตั้งสอบสวนชั้นต้น และถ้าตั้งแล้วพบว่าผิดวินัยก็จะไปสอบว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ หากกรรมการสอบเห็นว่านายเนตรไม่ผิดเลยก็สอบไม่ได้ ส่วนเรื่องที่มีการอนุญาตให้ลาออกก่อนประกาศในราชกิจจาฯจะสอบวินัยไม่ได้นั้น ต้องคิดในแง่หลักธรรมชาติ ว่าจะต้องรอให้หลักเกณฑ์ประกาศราชกิจจาฯก่อน เพราะขณะนี้ อัยการสูงสุด เอง ก็ตั้งคณะทำงานตรวจสอบอยู่คณะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อ ก.อ. ในวันนี้ไม่มีอนุกรรมการตรวจสอบ ส่วนที่อัยการตั้งก็ยังดำเนินการได้ แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คณะทำงานได้เสนอในวันนี้ อัยการสูงสุดอาจจะนำไปพิจารณาเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า มติไม่ตั้งอนุกรรมการในวันนี้ จะมีการเสนอตั้งอีกหรือไม่ นายอรรถพล เผยว่า มติในวันนี้ ถือว่าจบแล้ว เมื่อเสียงส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นก็ต้องเคารพ แต่หลักเกณฑ์กำหนดให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้น หรือสอบสวนวินัย โดยปกติกรรมการที่มาตรวจสอบจะต้องเป็นข้าราชการอัยการ แต่ในวันนี้เป็นเพียงคณะอนุกรรมการที่เราเสนอจากอดีตรองอัยการสูงสุด แต่หากระเบียบที่กำลังเตรียมจะประกาศราชกิจจาฯออกมาแล้ว ก็จะให้มีการตั้งสอบชั้นต้น เว้นแต่คณะกรรมการที่อสส.ตั้งในปัจจุบันจะมีความเห็นว่าการกระทำของนายเนตรไม่มีความผิดเลย ถึงตอนนั้นต้องไปดูอีกว่าเราจะตรวจสอบได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอัยการที่มีความเห็นให้ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบในวันนี้ 5 เสียงวันนี้ ประกอบด้วย นายอรรถพล ประธาน กอ. นายชาติพงษ์ จิระพันธุ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจฯ นายไพรัตน วรปาณิ กอ.(คนนอก) นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักคดีอาญาธนบุรี นายชาตรี สุวรรณิน ผู้ตรวจการอัยการ
เตรียมออกหมายจับ'บอส'ข้อหาเสพโคเคนขณะขับรถ
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ จะประชุมเพื่อพิจารณาเตรียมการออกหมายจับนายวรยุทธ ในข้อหา“เสพสารเสพติดประเภท 2 หรือโคเคนขณะขับรถ” ภายหลังได้นำสำนวนคดีมาพิจารณาประกอบกับข้อมูลการตรวจพิสูจน์สารเคมีจากผู้เชี่ยวชาญ และพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม พร้อมเรียกสอบปากคำพยาน 3 ปากที่เกี่ยวข้องในประเด็นความเร็วรถ ได้แก่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเข้าปากคำประกอบสำนวนภายในสัปดาห์นี้ต่อไป
"จารุวัฒน์" ชี้พบตร.ทำผิดซื้อหลัง ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว
วานนี้ (18 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องและตร.ไม่แย้งคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตปี 2555 กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการฯ ได้เสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ขอขยายเวลาการตรวจสอบอีก 7 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันนี้ (18 ส.ค.) ซึ่งระบุว่าที่จำเป็นต้องขอขยายเวลาเพิ่มเติมเนื่องจากมีเรื่องต้องตรวจสอบเยอะทำไม่ทัน
โดยเฉพาะเรื่องวินัยว่าใครผิดอะไรบ้าง เพราะบางคนทำผิดหลายอย่าง บางคนก็ทำผิดอย่างเดียว ซึ่งพบว่ามีความซ้ำซ้อน อย่างบางคนตอนที่โดนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ชี้มูลไปแล้ว แต่ยังมาทำผิดซ้ำอีก และช่วงนั้นที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว เมื่อคณะกรรมการฯ มาตรวจสอบก็พบความผิดที่ยังไม่ส่งไปอีกจึงต้องรวบรวมให้ครบถ้วน ส่วนใครจะมีความผิดข้อหาอะไรบ้าง ทางผบ.ตร.ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอีกครั้ง รวมถึงการทำเรื่องส่งเอกสารไปที่อัยการสูงสุดที่ต้องใช้เวลาด้วย.
'ธนสิทธิ์' เข้าชี้แจงคณะทำงานชุดตรวจสอบตำรวจคดีบอส
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน คดีบอส อยู่วิทยา เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญากรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนที่มี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน โดยขณะที่เดินทางมาถึง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ นายวิชา ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเช่นกัน
สำหรับการเรียก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาชี้แจงในวันนี้คาดว่าเป็นประเด็นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถหลังจากที่เมื่อวานนี้คณะทำงานชุดย่อย ได้เรียกคณะทำงานของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูล รวมถึงไทม์ไลน์ที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ได้ให้ข้อมูลไว้ กรณีคนที่เข้ามาพบ รวมถึงการให้การของตน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายวิชา เปิดเผยว่าพบข้อพิรุธและความบกพร่องหลายประการในสำนวนที่ตำรวจทำ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายนี้คณะกรรมการชุดใหญ่จะเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาชี้แจงกรณีไม่แย้งคำสั่งอัยการไม่ฟ้อง นายวรยุทธ
โดยบรรยากาศล่าสุด พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ อยู่ระหว่างชี้แจงกับคณะกรรมการ
กมธ.กฎหมายเรียก 'สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง'แจงคดีบอส
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า กมธ.กฎหมายจะมีการพิจารณาเรื่องคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถยนต์เฟอรารี่ ชน ดต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิตต่อ โดยจะมีการเชิญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. เข้าชี้แจงต่อกมธ. รวมถึงเชิญนายธานี อ่อนละเอียด ส. ว. อดีตเลขานุการ กมธ.กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) ด้วย
“หากนายธานีที่เป็น ส.ว.ไม่ให้ความร่วมมือกับ กมธ.ฯ ก็คงจะต้องตั้งคำถามว่านายธานีสมควรที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ว.ต่อหรือไม่ หากไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วน พล.อ.ท. จักรกฤช ถนอมกุลบุตร พยานคดีนายวรยุทธ ซึ่งไม่ได้ติดต่อเข้าชี้แจง ดังนั้น กมธ.จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.เรียก ให้ พล.อ.ท.จักรกฤช มาชี้แจง” นายสิระ กล่าว
วานนี้ (18 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ได้เชิญพล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลด้วย
นายวิชา ให้สัมภาษณ์ภายหลังสอบข้อเท็จจริงพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ถือเป็นพยานที่มีน้ำหนักทำให้อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งไม่ฟ้อง ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ จาก 177 เป็น 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพียงครั้งเดียวคือ ในวันที่ 26 ก.พ. 2559 และยืนยันว่าไม่ได้เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าพนักงานสอบสวนในวันที่ 2 มี.ค.2558 ตามที่ถูกกล่าวอ้าง และไม่ทราบว่านายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบและการผลิตยานยนต์เข้ามาได้อย่างไร ทราบว่าเพียงเป็นผู้ทำข้อมูลในคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง จึงทำให้เชื่อถือในข้อมูล แต่เมื่อกลับมาทบทวน และเชื่อว่าไม่ถูกต้องจึงพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลกลับไปอยู่ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.จร บช.น.อ้างว่าคำคดีอื่นซับซ้อน ทำให้เกิดความสับสน จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
"พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ยอมรับว่ากังวลเรื่องของความปลอดภัย โดยอ้างว่ามีบุคคลติดตามและถูกกดดัน"
เมื่อถามว่าถูกกดดันจากใคร นายวิชา กล่าวว่าพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่บอกว่าคนที่พานายสายประสิทธิ์มาคือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ดังนั้นคณะกรรมการฯจะเชิญมาให้ข้อมูลชี้แจงในวันที่ 20 ส.ค.เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาคารเทเวศร์ รวมถึงเชิญอัยการสูงสุดมาด้วย
เมื่อถามต่อว่าจะต้องเชิญ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ที่ถูกกล่าวอ้างในรายงานเข้าชี้แจงด้วยหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คงไม่ต้อง เพราะวันนี้ชี้แจงแล้วว่า ใช้เพียงห้องทำงานของพล.ต.ท.มนูเท่านั้น ซึ่งจะตรวจสอบว่าในการทำสำนวน จะต้องมีใครเกี่ยวข้องและรับผิดชอบ ส่วนข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบทั้งหมดพ.ต.อ.วิรดล เหมือนจะต้องรับผิดคนเดียวใช่หรือไม่นั้น อยู่ในกระบวนการ แต่ไม่เปิดเผยว่ามีบุคคลใดบ้าง ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบฝ่ายตำรวจจะเชิญผู้บังคับการกองต่างประเทศ ที่รับผิดชอบการออกหมายแดง (อินเตอร์โพล)และการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ข้อมูลต่อข้อมูลในวันที่ 20 ส.ค.นี้ รวมถึงตำรวจที่เชียงใหม่ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง และการชันสูตรพลิกศพด้วย
เมื่อถามอีกถึงการเข้าให้ข้อเท็จจริงของพล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายวิชา กล่าวว่า เจ้าตัวได้ชี้แจงเรื่องการมอบอำนาจ ว่าเป็นไปตามระบบ คำสั่งเป็นเด็ดขาดไม่รับคืน และที่ไม่เห็นแย้งกับอัยการเพราะไม่มีข้อมูลใดผิดปกติ แต่ยอมรับว่า เพิ่งทราบว่ามีการกดดัน พ.ต.อ.ธนสิทธิ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่ามีการกดดัน และทำสำนวนอันเป็นเท็จ ตนไม่ยอม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะต้องนำไปพิจารณากระบวนการทำงานของตำรวจต่อไป นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลจากคณะทำงานทั้งหมดจนถึงขณะนี้ เห็นได้ชัดแล้วถึงหรือไม่ว่าเป็นกระบวนการเอื้อในทางคดี ให้กับนายวรยุทธ อยู่วิทยา นายวิชา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่คดีรถชนคนตาย แต่จริงๆ แล้วไม่ปกติ สมแล้วที่นายกรัฐมนตรีจะต้องตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบโดยเฉพาะ ส่วนกรณีโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ว่าคณะกรรมการเป็นขบวนการสอบ เพื่อช่วยกันนั้น ถ้าช่วยกัน ตนจะออกมาเปิดเผยข้อมูลพิรุธและบอกว่าผิดปกติทำไม มีหรือไม่ที่ตนบอกว่าไม่มีผิดปกติเลย
มติก.อ.โหวต ไม่ตั้งอนุกรรมการสอบดุลพินิจ "เนตร นาคสุข"
วานนี้ (18 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอัยการ (กอ.) ครั้งที่ 82 /2563 โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ เรื่องการตั้งกรรมการสอบดุลยพินิจนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาคดีขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อเสียชีวิต
นายอรรถพล เผยว่า วันนี้มีการเสนอชื่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้อง คดีนายวรยุทธ หรือบอส เพื่อตรวจสอบดุลพินิจของนายเนตร ตนได้ทำเอกสารเสนอเข้าที่ประชุม พร้อมร่างคำสั่ง จัดตั้งผู้ที่เป็นอนุกรรมการในการตรวจสอบ โดยผลการโหวต เสียงส่วนใหญ่ที่ประชุมไม่เห็นชอบ จึงตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวไม่ได้ โดยเหตุผลในที่ประชุม ก.อ. บางส่วนบอกให้มีการชะลอการตั้งอนุกรรมการดังกล่าวไว้ก่อน บางคนไม่มีการอภิปรายแต่โหวตไม่เห็นชอบ โดยมีมติเห็นชอบอยู่ 5 เสียง ส่วนที่เหลือก็มีไม่ออกเสียงและไม่เห็นชอบ จากทั้งหมด 15 เสียง ทั้งนี้ขั้นตอนในการโหวตดังกล่าว นายเนตรต้องเดินออกจากที่ประชุม ส่วนเรื่องที่นายเนตรยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นรองอัยการสูงสุด ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้าสู่ที่ประชุม ก.อ. และการที่นายเนตรมาประชุมในวันนี้แสดงว่าอัยการสูงสุดก็ยังไม่ได้อนุญาตให้ลาออก
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การสอบสวนชั้นต้น และการสอบสวนวินัยข้าราชการอัยการสูงสุด ได้ผ่านการเห็นชอบ รอประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะคล้ายกับของปีพ.ศ. 2554 ในการสอบวินัยข้าราชการอัยการตามมาตรา 74 ซึ่งระดับรองอสส.และ อสส. จะเป็นไปตามมาตรา 82 แต่ในวันนี้ที่เสนอเป็นเฉพาะ รอง อัยการสูงสุด ส่วน อัยการสูงสุด จะเป็นการประชุมคราวหน้า
เมื่อถามว่าการประกาศราชกิจจาฯจะช้า จนไม่สามารถดำเนินการทางวินัยนายเนตร นาคสุขหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า น่าจะประกาศเร็ว และต้องตั้งสอบสวนชั้นต้น และถ้าตั้งแล้วพบว่าผิดวินัยก็จะไปสอบว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ หากกรรมการสอบเห็นว่านายเนตรไม่ผิดเลยก็สอบไม่ได้ ส่วนเรื่องที่มีการอนุญาตให้ลาออกก่อนประกาศในราชกิจจาฯจะสอบวินัยไม่ได้นั้น ต้องคิดในแง่หลักธรรมชาติ ว่าจะต้องรอให้หลักเกณฑ์ประกาศราชกิจจาฯก่อน เพราะขณะนี้ อัยการสูงสุด เอง ก็ตั้งคณะทำงานตรวจสอบอยู่คณะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อ ก.อ. ในวันนี้ไม่มีอนุกรรมการตรวจสอบ ส่วนที่อัยการตั้งก็ยังดำเนินการได้ แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คณะทำงานได้เสนอในวันนี้ อัยการสูงสุดอาจจะนำไปพิจารณาเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า มติไม่ตั้งอนุกรรมการในวันนี้ จะมีการเสนอตั้งอีกหรือไม่ นายอรรถพล เผยว่า มติในวันนี้ ถือว่าจบแล้ว เมื่อเสียงส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นก็ต้องเคารพ แต่หลักเกณฑ์กำหนดให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้น หรือสอบสวนวินัย โดยปกติกรรมการที่มาตรวจสอบจะต้องเป็นข้าราชการอัยการ แต่ในวันนี้เป็นเพียงคณะอนุกรรมการที่เราเสนอจากอดีตรองอัยการสูงสุด แต่หากระเบียบที่กำลังเตรียมจะประกาศราชกิจจาฯออกมาแล้ว ก็จะให้มีการตั้งสอบชั้นต้น เว้นแต่คณะกรรมการที่อสส.ตั้งในปัจจุบันจะมีความเห็นว่าการกระทำของนายเนตรไม่มีความผิดเลย ถึงตอนนั้นต้องไปดูอีกว่าเราจะตรวจสอบได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอัยการที่มีความเห็นให้ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบในวันนี้ 5 เสียงวันนี้ ประกอบด้วย นายอรรถพล ประธาน กอ. นายชาติพงษ์ จิระพันธุ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจฯ นายไพรัตน วรปาณิ กอ.(คนนอก) นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักคดีอาญาธนบุรี นายชาตรี สุวรรณิน ผู้ตรวจการอัยการ
เตรียมออกหมายจับ'บอส'ข้อหาเสพโคเคนขณะขับรถ
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ จะประชุมเพื่อพิจารณาเตรียมการออกหมายจับนายวรยุทธ ในข้อหา“เสพสารเสพติดประเภท 2 หรือโคเคนขณะขับรถ” ภายหลังได้นำสำนวนคดีมาพิจารณาประกอบกับข้อมูลการตรวจพิสูจน์สารเคมีจากผู้เชี่ยวชาญ และพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม พร้อมเรียกสอบปากคำพยาน 3 ปากที่เกี่ยวข้องในประเด็นความเร็วรถ ได้แก่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเข้าปากคำประกอบสำนวนภายในสัปดาห์นี้ต่อไป
"จารุวัฒน์" ชี้พบตร.ทำผิดซื้อหลัง ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว
วานนี้ (18 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องและตร.ไม่แย้งคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตปี 2555 กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการฯ ได้เสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ขอขยายเวลาการตรวจสอบอีก 7 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันนี้ (18 ส.ค.) ซึ่งระบุว่าที่จำเป็นต้องขอขยายเวลาเพิ่มเติมเนื่องจากมีเรื่องต้องตรวจสอบเยอะทำไม่ทัน
โดยเฉพาะเรื่องวินัยว่าใครผิดอะไรบ้าง เพราะบางคนทำผิดหลายอย่าง บางคนก็ทำผิดอย่างเดียว ซึ่งพบว่ามีความซ้ำซ้อน อย่างบางคนตอนที่โดนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ชี้มูลไปแล้ว แต่ยังมาทำผิดซ้ำอีก และช่วงนั้นที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว เมื่อคณะกรรมการฯ มาตรวจสอบก็พบความผิดที่ยังไม่ส่งไปอีกจึงต้องรวบรวมให้ครบถ้วน ส่วนใครจะมีความผิดข้อหาอะไรบ้าง ทางผบ.ตร.ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอีกครั้ง รวมถึงการทำเรื่องส่งเอกสารไปที่อัยการสูงสุดที่ต้องใช้เวลาด้วย.
'ธนสิทธิ์' เข้าชี้แจงคณะทำงานชุดตรวจสอบตำรวจคดีบอส
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน คดีบอส อยู่วิทยา เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญากรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนที่มี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน โดยขณะที่เดินทางมาถึง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ นายวิชา ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเช่นกัน
สำหรับการเรียก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาชี้แจงในวันนี้คาดว่าเป็นประเด็นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถหลังจากที่เมื่อวานนี้คณะทำงานชุดย่อย ได้เรียกคณะทำงานของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูล รวมถึงไทม์ไลน์ที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ได้ให้ข้อมูลไว้ กรณีคนที่เข้ามาพบ รวมถึงการให้การของตน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายวิชา เปิดเผยว่าพบข้อพิรุธและความบกพร่องหลายประการในสำนวนที่ตำรวจทำ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายนี้คณะกรรมการชุดใหญ่จะเชิญ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาชี้แจงกรณีไม่แย้งคำสั่งอัยการไม่ฟ้อง นายวรยุทธ
โดยบรรยากาศล่าสุด พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ อยู่ระหว่างชี้แจงกับคณะกรรมการ
กมธ.กฎหมายเรียก 'สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง'แจงคดีบอส
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า กมธ.กฎหมายจะมีการพิจารณาเรื่องคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถยนต์เฟอรารี่ ชน ดต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิตต่อ โดยจะมีการเชิญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. เข้าชี้แจงต่อกมธ. รวมถึงเชิญนายธานี อ่อนละเอียด ส. ว. อดีตเลขานุการ กมธ.กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) ด้วย
“หากนายธานีที่เป็น ส.ว.ไม่ให้ความร่วมมือกับ กมธ.ฯ ก็คงจะต้องตั้งคำถามว่านายธานีสมควรที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ว.ต่อหรือไม่ หากไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วน พล.อ.ท. จักรกฤช ถนอมกุลบุตร พยานคดีนายวรยุทธ ซึ่งไม่ได้ติดต่อเข้าชี้แจง ดังนั้น กมธ.จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.เรียก ให้ พล.อ.ท.จักรกฤช มาชี้แจง” นายสิระ กล่าว