“วิชา” เรียก “พ.ต.อ.วิรดล” อดีตหัวหน้า พนง.สอบสวน สน.ทองหล่อ แจงขั้นตอนทำคดี “บอส อยู่วิทยา” พบพิรุธ 2 จุด พยานงอก 2 ปาก ทั้งที่ยุติเรื่องขอความเป็นธรรมแล้ว อ้างสอบ “พ.ต.ท.ธนสิทธิ์” 2 ครั้งเรื่องความเร็วรถ ทั้งที่สอบจริงครั้งเดียว แถมพยานเคยโทร.หาขอเปลี่ยนคำให้การความเร็วรถเป็น 177 เหมือนเดิม กลับบอกว่ายุ่งคดีอื่น เรื่องจบแล้ว ด้านคณะทำงาน “เพิ่มพูน” ยอมรับทำตามสายงาน ไม่ได้ดูรายละเอียด-ข้อพิรุธ และไม่ได้ทำอะไรต่อ
วันนี้ (17 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาคารเทเวศร์ คณะทำงานชุดตรวจสอบตำรวจ โดย พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ในคณะกรรมการชุดของนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา (คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา) ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ได้เชิญคณะทำงานของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.จร บช.น.มาให้ข้อมูลด้วย โดย นายวิชา เดินทางเข้าร่วมรับฟังการประชุมด้วย
จากนั้นเวลา 16.45 น. นายวิชา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เดินทางมาให้ข้อมูล โดยในวันที่ 18 ส.ค. พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางมาให้ข้อมูล ส่วนคณะทำงานขอ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ที่มาให้ข้อมูล ซึ่งเป็นผู้ที่เห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ คณะกรรมการจึงอยากทราบความเป็นมาว่าเป็นอย่างไร ซึ่งได้ความว่า เขาดูแต่สำนวน แต่ไม่ได้ดูรายละเอียด ไม่ได้เปรียบเทียบกับของเดิมว่ามีความแตกต่างอย่างไร และไม่ได้ดูความเป็นพิรุธ ทำตามสายงาน ทางคณะกรรมการจึงได้บอกไปว่า ในข้อเท็จจริงก็โต้แย้งได้ ข้อกฎหมายก็โต้แย้งได้ และถ้าข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน ตำรวจสามารถสอบเพิ่มเติมอีกได้ แต่ปรากฏว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
นายวิชา กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้น ยังได้เชิญ พ.ต.อ.วิรดล ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ มาให้ข้อมูล เนื่องจากมีข้อสนใจว่า ทำไมจึงไปดึงพยานที่ปัจจุบันเรียกว่าพยานงอกมา 2 ปาก ซึ่งอธิบดีอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ และอดีตอัยการสูงสุดก็ปฏิเสธว่าหลักฐานไม่เพียงพอ จึงได้ยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรม โดยคณะกรรมการฯ ได้สอบถามประเด็นเหล่านี้ รวมถึงประเด็นที่ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ เคยให้ไทม์ไลน์เอาไว้ว่า ใครมาพบ พบกี่คน เป็นใครบ้าง ซึ่ง พ.ต.ท.วิรดล ให้ถ้อยคำแบ่งรับแบ่งสู้ บางอย่างก็ยอมรับว่าจริง บางอย่างก็บอกว่าไม่ใช่ ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่สุด คือ ไปลงวันที่สอบ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะไม่ได้สอบในวันที่ 2 มี.ค. 2559 แต่สอบจริงวันที่ 26 ก.พ. 2559 เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตรงนี้เขายืนยันแล้ว คณะกรรมการจะดูทุกรายละเอียด ทุกข้อสังเกต ไม่ได้สักแต่ว่าจะสอบไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่าจากจุดบกพร่องที่เห็น บอกได้เลยใช่หรือไม่ว่าความบกพร่องมาจากตำรวจ นายวิชา กล่าวว่า ลงวันที่เป็นเท็จ และพยายามจะทำให้เห็นว่า มีการสอบสวนถึง 2 ครั้ง แต่ทั้งที่จริงแล้ว ใช้ช่วงระยะเวลาสอบเพียงวันเดียว
เมื่อถามต่อว่า พ.ต.อ.วิรดล ยอมรับหรือไม่ว่าบกพร่อง นายวิชา กล่าวว่า ไม่ใช่เขายอมรับว่าบกพร่อง แต่เขายอมรับว่า ลงวันที่ไม่จริง ซึ่งจุดนี้ไม่ต้องไปสืบเจตนาอะไร แต่เป็นเจตนาของพฤติกรรม ซึ่งเขาบอกว่า เป็นเพราะอัยการเร่งรัดมา เขาเลยอยากจะลงวันที่ไว้ล่วงหน้า เผื่อว่า จะต้องเรียก พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ มาให้ถ้อยคำอีกครั้งหนึ่ง จะได้สมเหตุสมผล
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ พ.ต.อ.วิรดล นำพยานงอก 2 ปาก ใส่ไว้ในสำนวนคดี นายวิชา กล่าวว่า เขาบอกว่าเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเห็นว่าน่าเชื่อถือ เราก็ถามว่า ทราบหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ พยายามโทรศัพท์ เพื่อขอเปลี่ยนแปลงเรื่องความเร็วรถให้กลับมาเป็น 177 กม./ชม. เหมือนเดิม แต่ พ.ต.ท.วิรดล บอกว่า เขากำลังยุ่งคดีอื่นที่สำคัญเช่นกัน เขาจึงบอกว่าจบแล้ว ทั้งที่จริงไม่จบ
ส่วนจะเชิญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้อง มาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการด้วยหรือไม่นั้น คณะกรรมการขอปรึกษากันหลังจาก พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ มาให้ข้อมูลในวันที่ 18 ส.ค.ก่อน ขณะที่การเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานคนสำคัญคดีเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่จะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลอีกครั้ง และจะต้องขอดูผลชันสูตรพลิกศพ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อน