เมื่อวานไปว่ากันเรื่อง “แนวรบตะวันออกกลาง” ที่ทำท่ากำลังใกล้ “ฝีแตก” ไปเรียบร้อยแล้ว...วันนี้เลยคงต้องเปลี่ยนบรรยากาศหันไปตรวจสอบ “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน หรือเป็นพื้นที่ที่สามารถ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ อีกทั้งช่วงระหว่างนี้ โดยสีสัน บรรยากาศของบางจุด บางพื้นที่ เช่นแถวๆ อดีตประเทศในเครือ “สหภาพโซเวียตรัสเซีย” เมื่อครั้งอดีต อย่างประเทศ “เบลารุส” ก็ชักเริ่มดุเดือด เลือดพล่าน ไม่น้อยไปกว่าบ้านเรา คือเกิดรายการแฟลชม็อบ แฟลชแดนซ์ เกิด “ม็อบปลดแอก” ที่ดาหน้าลงถนนกันเป็นหมื่นๆ แสนๆ อันอาจหยิบมาใช้เป็นข้อสังเกต เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ ให้ใครต่อใครในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ได้มั่ง...
คืออาจด้วยเหตุเพราะผู้นำประเทศเบลารุส อย่างประธานาธิบดี “อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก” (Alexander Lukashenko) นั้น ท่านออกจะ “เราจะทำตามสัญญา...ขอเวลาอีกไม่นาน ฮึ๊มฮึม ฮึ๊มหึ่ม” แบบค่อนข้างยืดเยื้อ ยาวนานพอสมควร คือดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี ต่อเนื่องมาถึง 6 สมัยซ้อนๆ หรือตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 โน่นเลย ดังนั้น...ไม่ว่าท่านจะเก่ง จะฉลาด จะลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ไม่น้อย หรือมากไปกว่า “บิ๊กตู่” หรือไม่ อย่างไร ก็ตาม แต่เมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ท่านยังสามารถเอาชนะนักการเมืองคู่แข่ง ที่เป็นประเภทพวกหัวก้าวหน้า พวกเสรีนิยมทั้งหลาย อย่าง “นางสเวตลานา ติคานอฟสกายา” (Svetlana Tikhanovskaya) ได้แบบ “ไม่น่าเชื่อ-ก็ต้องเชื่อ” คือได้คะแนนเสียงถล่มทลายระดับ 80-90 เปอร์เซ็นต์ เอาเลยถึงขั้นนั้น ขณะฝ่ายตรงข้ามได้คะแนนเสียงแค่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง การตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นการเลือกตั้งที่สกปรก ไม่ยุติธรรม จึงออกจะเป็นอะไรที่มี “น้ำหนัก” มิใช่น้อย...
หรือได้ถูกนำไปใช้เป็น “เงื่อนไข-เหตุปัจจัย” ให้บรรดาชาวเบลารุส โดยเฉพาะบรรดาเยาวชนคนหนุ่ม-สาว หรือหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย ที่ค่อนข้างโน้มเอียงไปในแนว “เสรีนิยม” หรือค่อนข้างหลงใหล คลั่งไคล้ต่อเสรีภาพและประชาธิปไตยตามแบบฉบับตะวันตก เกลียดเผด็จการ เกลียดคอมมิวนิสต์ และอดีตคอมมิวนิสต์ที่ออกจะ “เชยซ์ซ์ซ์แสนเชยซ์ซ์ซ์” ก็เลยตัดสินใจ “ลงถนน”กันเป็นหมื่นๆ แสนๆ โดยเฉพาะเมื่อช่วงอาทิตย์ (16 ส.ค.) ที่ผ่านมา ชนิดแน่นขนัดไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ “Pushkinskaya” ในกรุงมินสก์ หรือไม่น้อยไปกว่าที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในบ้านเราช่วงวันเดียวกัน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ให้จัดเลือกตั้งครั้งใหม่ หรือให้จัดตั้ง “สภาเพื่อการเปลี่ยนผ่านอำนาจ” ตามข้อเสนอของบรรดาพวกผู้นำฝ่ายค้าน ที่เผ่นหนีออกไป “ชักใย” อยู่นอกประเทศ แถวๆ ประเทศลิธัวเนีย โปแลนด์ โดยมีผู้นำประเทศนั้นๆ ต่างออกมาให้การสนับสนุนอย่างออกหน้า ออกตา รวมทั้งประเทศในเครือสหภาพยุโรป ที่นอกจากจะประกาศไม่รับรองผลการเลือกตั้งในเบลารุสแล้ว ยังออกมาตรการ “แซงชั่น” บรรดาเจ้าหน้าที่เบลารุส อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ...
การลุกฮือ ลงถนน แฟลชม็อบ แฟลชแดนซ์ ในเบลารุสคราวนี้...เลยถูกนำไปโยงกับ “การแทรกแซงจากต่างชาติ” อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เพราะออกจะคล้ายๆ กับการ “ปฏิวัติสี” (Color Revolution) ที่มักถูกนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศยุโรปตะวันออก อย่างจอร์เจีย ยูเครน ฯลฯ ให้หันมาเอียงข้างตะวันตกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง โดยเฉพาะตัวประธานาธิบดี “ลูคาเชนโก” ถึงกับออกมากล่าวย้ำ ตอกย้ำ ต่อ “มวลชน” ของตัวเอง ที่ออกอาการคล้ายๆ “ม็อบปกป้อง” บ้านเรานั่นแหละ หรือที่พยายามออกมาสนับสนุนผู้นำของตัวเอง แบบค่อนข้าง “หะรอม-หะแรม” อยู่สักหน่อย เมื่อเทียบกับม็อบต่อต้าน หรือ “ม็อบปลดแอก” โดยสรุปเอาไว้ถึงขั้นว่า...บรรดาชาติตะวันตก หรือ “นาโต”นั้น ต้องการที่จะขยายแนวรุก ด้วยการกลืนเบลารุสให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวพรมแดนประชิดติดพันในการเผชิญหน้ากับรัสเซีย หรือกลับไปสู่ยุคอดีตเมื่อปี ค.ศ. 1939 โน่นเลย โดยถ้าหากบรรดาชาวเบลารุสยอมศิโรราบให้กับข้อเรียกร้องของม็อบ ของฝ่ายค้าน รวมทั้งของบรรดาประเทศตะวันตก ที่ต้องการให้จัดเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ “ความเป็นชาติหรือความเป็นประเทศของเรา ย่อมมีอันต้อง...ตาย...ลงไปทันที!!!” นี่...ว่ากันไปถึงขั้นนั้น...
แต่ดูเหมือนว่า...คงไม่ใช่แค่เฉพาะประธานาธิบดีเบลารุส อย่าง “นายลูคาเชนโก” เท่านั้น ที่เห็นไปในแนวนี้ เพราะผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ก็ดูจะ “เห็นพ้องต้องกัน”ว่ามีความพยายามแทรกแซงจากต่างชาติ หลังจาก 2 ผู้นำได้ยกหูพูดคุยทางโทรศัพท์ เมื่อช่วงวันเสาร์ (15 ส.ค.) ที่ผ่านมา หรือหลังจากประธานาธิบดีเบลารุส หันไป “ขอความช่วยเหลือ” จากรัสเซีย ให้ช่วยปกป้องประเทศเบลารุสจากแรงกดดัน การแทรกแซงของชาติตะวันตก ตามข้อตกลงด้านความมั่นคงที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกันและกัน ซึ่ง “ความเห็นพ้องต้องกัน” ในลักษณะที่ว่านี้ คงไม่ถึงกับเป็นการ “มโน” ไปตามเรื่อง ตามราว เพราะอย่างน้อย...เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง ได้มีการลงนามในข้อตกลงที่เรียกว่า “EDCA” หรือ “Enhanced Defense Cooperation Agreement” ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “นายไมค์ ปอมเปโอ” กับรัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์ “นายMariusz Blaszczak” ที่กรุงวอร์ซอว์ ในอันที่จะเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯ ในโปแลนด์ จากที่เคยมีอยู่ประมาณ 4,500 นาย ขึ้นไปอีก 1,000 นาย หลังจากได้โยกย้ายทหารอเมริกันจำนวน 12,000 นายออกจากประเทศเยอรมนีเมื่อเร็วๆ นี้ หรือพูดง่ายๆ ว่า...แทบไม่ต่างอะไรไปจากความพยายามเขยิบ “แนวรุก” ของตะวันตก ให้ลึกเข้าไปในแนวพรมแดนรัสเซียยิ่งเข้าไปทุกทีนั่นเอง...
การก่อม็อบ หรือการก่อการประท้วง ซึ่งกำลังอุบัติขึ้นมา “ภายใน” ประเทศต่างๆ ช่วงนี้...จึงออกจะเป็นอะไรที่ยากส์ส์ส์เอามากๆ ในอันที่จะแยกออกไปจากความเกี่ยวพัน เชื่อมโยง กับ “ภายนอก” ยิ่งเข้าไปทุกที เพราะท่ามกลางภาวะที่โลกกำลังเต็มไปด้วยการ “แบ่งข้าง-แบ่งฝ่าย” หรือทำให้ “สงครามเย็นยุคใหม่” ออกจะเป็นจริง เป็นจัง และเป็นเรื่อง เป็นราว ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น “ม็อบฮ่องกง” “ม็อบอิรัก” “ม็อบเลบานอน” ไปจนถึง “ม็อบเบลารุส” ฯลฯ ก็แล้วแต่ จึงออกจะมีกลิ่นอาย มีสีสัน บรรยากาศ ค่อนข้างคลับคล้าย คลับคลึงกันและกันมิใช่น้อย ไม่ว่าจะโดยอาศัยความโหยหา ความปรารถนาและต้องการ ในสิ่งที่ดูสูงส่ง วิเศษวิเสโสในสายตาบรรดาเด็กๆ หรือ “คนรุ่นใหม่” ทั้งหลาย เช่นสิ่งที่เรียกว่า “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภารดรภาพ” ตามแบบฉบับตะวันตก หรือตามแบบพวก “เสรีนิยมหัวก้าวหน้า” ในแต่ละราย หรือบางครั้ง บางครา แม้แต่ “เงินๆ-ทองๆ” ก็ยังพร้อมจะจ่าย พร้อมจะแจก เพื่อให้แต่ละประเทศเป็นไปในแนวที่ตัวเองต้องการ มาใช้เป็น “เงื่อนไข-เหตุปัจจัย” ในการก่อม็อบแต่ละม็อบขึ้นมาจนได้...
อย่างที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศด้านกิจการการเมืองของสหรัฐฯ “นายDavid Hale” ได้ป่าวประกาศเอาไว้กับ “ม็อบเลบานอน” และรัฐบาลเลบานอน เมื่อช่วงวันเสาร์ (15 ส.ค.) ที่ผ่านมา ระหว่างการเดินทางไปเยือนเลบานอนหลังเหตุการณ์ระเบิดวินาศสันตะโรกลางกรุงเบรุต นั่นแหละว่า “สหรัฐฯ คือหุ้นส่วนระหว่างประเทศ...ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่เลบานอน ถ้าหากรัฐบาลและชาวเลบานอนต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริง”หรือถ้าชาวเลบานอนและพวก “เฮซบอลเลาะห์” ไม่คิดจะหันไป “Look East” หันไปหาคุณพี่จีน อย่างที่เคยคิดๆ เอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยเตรียมการช่วยเหลือขั้นแรก ด้วยการส่งข้าวมูลค่าประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ไปให้ก่อนถึงที่ และอาจตามมาด้วย “เงินกู้ไอเอ็มเอฟ” ที่ยังคงคาราคาซังอยู่จนบัดนี้ ดังนั้น...สำหรับ “ม็อบปลดแอก” บ้านเรา ไม่ว่าจะม็อบกันด้วยเหตุผลกลใด ด้วยความปรารถนา ความต้องการใดๆ ก็แล้วแต่ ยังไงๆ...คงต้องพยายามห่างๆ “ต่างชาติ” เอาไว้ก่อนนั่นแหละดี อย่าถึงกับต้องเรียกร้องกันในระดับอาจส่งผลให้ “ความเป็นชาติ” เป็นอันต้อง “ตาย...ลงไปโดยทันที” แบบบ้านอื่น เมืองอื่น เท่าที่เห็นเป็นตัวอย่างอยู่ ณ ขณะนี้ หรือเผลอๆ...อาจมี “ฐานขีปนาวุธ”โผล่ขึ้นมาในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม เอาเลยก็ไม่แน่!!!