xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ม็อบเลยเถิด ระเบิดตัวเอง จาบจ้วง ก้าวร้าว เบื้องสูง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปรากฏการณ์การชุมนุมของนักศึกษา เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ผลที่ตามมายังร้อนแรงทั้งในโลกโซเชียลมีเดีย และโลกแห่งความเป็นจริง

โดยเนื้อหาคำปราศรัยของนักศึกษา แถลงการณ์ ในวันดังกล่าวมีผลต่อสังคมอย่างมาก เพราะทำให้สถานการณ์ในประเทศกลับมาสู่สถานการณ์ที่แหลมคม

ขณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และฝ่ายความมั่นคง แค่มีแอ็กชั่นในลักษณะของความเป็นห่วง ไม่สบายใจต่อการชุมนุมในวันดังกล่าว

แต่ไม่ได้มีท่าทีขึงขัง หรือออกอาการรุนแรง โดยเฉพาะการเข้าจับกุม แจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อแกนนำการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ทั้งที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ดำเนินการ เพราะสร้างความไม่สบายใจให้กับสังคม

ทว่า ท่าทีอ่อนนุ่มของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ไม่ใช่เพราะไม่สนใจ แต่เป็นเพราะเป็นยุทธวิธีที่ตั้งใจที่จะไม่ปะทะกับม็อบที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา

บางฝ่ายประเมินว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่กล้าแตะต้องม็อบนักศึกษาที่เป็นดังของแสลง อาจจะใช่ส่วนหนึ่ง และไม่ใช่ส่วนหนึ่ง 

แน่นอนว่า รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่กล้าใช้ไม้แข็งกับม็อบนักศึกษา แม้เนื้อหาการชุมนุมจะรุนแรงและผิดกฎหมายชัดเจน แต่นั่นก็เพราะรู้ว่านาทีนี้การทำในลักษณะอย่างนั้นอาจจะเข้าทางแกนนำ หรือไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุม

อาจเป็นการเข้าทาง ให้แกนนำและไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังใช้เรื่องนี้ปลุกระดม ทำให้สถานการณ์โดยรวมในประเทศจะกลับสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่อย่างรุนแรงในรอบหลายปี อันจะเป็นการตอกลิ่มสถานการณ์ทำให้แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เลวร้ายลงกว่าเก่า 

ดังนั้น จึงปล่อยให้แกนนำและผู้อยู่เบื้องหลังม็อบนักศึกษากระหยิ่มยิ้มย่องสะใจ ประหนึ่งคิดว่าตัวเองจุดม็อบเพื่อทำการใหญ่สำเร็จ

แต่อย่างไรก็ดี ท่าทีที่นิ่งของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้หมายความว่าไม่รับรู้ ไม่รู้สึก ที่สำคัญไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่กำลังใช้บทเรียนการชุมนุมในอดีตเพื่อแก้ปัญหา

การดำเนินคดีการห้ามชุมนุม พิสูจน์มาแล้วว่าไม่สามารถป้องปรามม็อบได้สำเร็จและมีแต่ความเสียหายและการสูญเสียเท่านั้น มันจึงไม่ถูกเลือกนำมาใช้กับการชุมนุมดังกล่าว

ขณะเดียวกัน กลับดูเหมือนเปิดกว้าง ดังจะเห็นว่ายังมีการปล่อยให้นักศึกษาได้แสดงออกต่อไปโดยไม่ได้เข้าไปกีดกันเท่าไหร่นัก

รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงรู้ว่าการเอาเรือไปขวางในจังหวะที่น้ำยังเชี่ยวมีแต่เสียกับเสีย ดังนั้นจึงปล่อยให้น้ำไหลเชี่ยวต่อไป โดยยังไม่คิดเอาอะไรไปขวางตอนนี้ แต่หากน้ำนิ่งเมื่อไหร่ นั่นจะถึงคิวของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงที่จะดำเนินการอะไรบางอย่าง

เรื่องนี้ไม่มีปล่อยผ่านแน่นอน เพียงแต่แค่รอจังหวะ

ขณะเดียวกัน การปล่อยให้“ม็อบไปให้สุด”ก็เพื่อจะรอดูว่า เมื่อม็อบเดินไปสุดตามสิ่งที่ตัวเองต้องการแสดงออกแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อ จะมีการชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ เพราะเมื่อได้แสดงออกแบบสุดโต่งเท่าที่จะทำได้แล้วก็จบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในเมื่อรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้ปิดกั้นและไม่ใช้ไม้แข็งเข้าไปไล่หวดนักศึกษา ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดเข้ารุนแรงได้ สุดท้ายจะเป็นม็อบเองต่างหากที่ถึงทางตันเอง ยกเว้นยกระดับการชุมนุมด้วยการสร้างความวุ่นวายในสังคม ซึ่งถ้าไปถึงจุดนั้นอาจจะเป็นม็อบที่ได้รับผลกระทบมากกว่า

จะเห็นว่า หลังวันที่ 10 ส.ค.เป็นต้นมา แค่เพียงข้ามคืน กระแสม็อบนักศึกษาที่เคยร้อนแรง กลับเริ่มแผ่วบางลงและมีปฏิกิริยาไม่เอาด้วยจากสังคมอย่างล้นหลาม

กระแสม็อบถูกตีกลับจากการลามปาม จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงของประเทศ กลายเป็นม็อบที่ดูก้าวร้าว รุนแรง หัวแข็ง และขาดความชอบธรรมลงไปมาก 

ผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมอาจคิดว่า นี่คือปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่และทำสำเร็จแล้วที่จุดไฟกองนี้ขึ้นมาได้ เป็นประวัติศาสตร์การชุมนุม แต่กลับลืมคิดไปว่า มันทำให้การชุมนุมของนักศึกษาดูขาดความชอบธรรมลงไป จากเดิมที่เป็นดังพลังบริสุทธิ์

ม็อบเยาวชนปลดแอก เริ่มการเคลื่อนไหวด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชน แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภา แน่นอนว่า หลายฝ่ายเห็นแม้แต่ฝ่ายรัฐบาลบางพรรคการเมืองเอง

แต่การชุมนุมกลับหลุดกรอบออกไป กลายเป็นการจาบจ้วงและหมิ่นสถาบัน จนกระทั่งการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ซึ่งถือว่ารุนแรงและน่าหวาดเสียว

ผู้ชุมนุมหลายคนมาชุมนุมเพื่อจะขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่สิ่งที่แกนนำอยู่เบื้องหลังม็อบนั้นดำเนินการ ดูจะล้ำเส้นเลยไปเยอะ

หลายคนที่มาร่วมการชุมนุมในวันที่ 10 ส.ค.ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีเนื้อหารุนแรงขนาดนั้น แต่ภาพที่ออกมาทำให้ดูเหมือนมีคนเห็นด้วยกับสิ่งที่แกนนำทำ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น

คนในสังคมเริ่มจะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับม็อบมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาแตะต้องสถาบันหลักของชาติ ที่อยู่เหนือการเมืองทั้งหมด เมื่อม็อบหยิบเรื่องนี้มาเป็นธง มันจึงไม่ต่างอะไรกับการระเบิดตัวเอง

ยิ่งการชุมนุมครั้งต่อไปถ้ามีเนื้อหารุนแรงยิ่งทำให้คนเริ่มถอยห่าง ในขณะเดียวกันจากเดิมที่กลุ่มคนซึ่งไม่เห็นด้วยกับม็อบยังนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ กลับรู้สึกมีอารมณ์เดือดดาลและอยากจะมาเคลื่อนไหวปกป้องสิ่งที่เขารัก

ยิ่งม็อบรุกหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งจุดเชื้อไฟมากขึ้นเท่านั้น และจุดหมายที่หวังไว้จะยิ่งไกลออกห่างไปเรื่อยๆเพราะท่าทีที่เลยเถิด

นอกจากลดแนวร่วมของตัวเองแล้วยังประกาศเป็นศัตรูกับคนส่วนใหญ่ในประเทศที่รักและเทิดทูนสถาบัน ดังนั้นไม่มีทางไหนเลยที่เป็นบวกกับม็อบ

บางทีรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงอาจรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ จึงปล่อยให้ม็อบเดินไปให้สุด โดยที่ตัวเองไม่ต้องเข้าไปแตะต้อง ให้เข้าทางใครบางคน ที่หวังจะสร้างความวุ่นวาย.


กำลังโหลดความคิดเห็น