ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -โควิด-19 เป็นแล้วหาย ป้องกันได้ แต่โรคชังชาติ เป็นแล้วไม่หาย สัญญาณเจ็บๆเหน็บตรงๆ ของ“บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่พูดกับนักเรียนจปร. ระหว่างร่วมงานวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 133 ปี ที่ จ.นครนายก ดูเผินๆเหมือนเอาสะใจ แต่มีนัยยะสำคัญ
โดยเฉพาะเป็นจังหวะที่ม็อบเยาวชนปลดแอก กำลังแผ่รัศมีการจัดกิจกรรมไปทั่วประเทศ มีการแต่งตายล้อเลียนฝ่ายบริหาร เรื่อยไปถึงการชูป้ายที่มีข้อความในลักษณะที่อ่านแล้วใจหายวาบ
เป็นปฏิกิริยา ที่เผอิญพอดีกับที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กระแอมก่อนหน้า 1 วัน ถึงม็อบเยาวชน
“จะชุมนุมอะไรก็แล้วแต่ก็ว่ากันไปตามสิทธิ ตามกำฎหมาย แต่ทุกคนต้องเคารพกติกากฎหมายซึ่งกันและกัน ผมไม่ได้ขู่อะไรใครทั้งสิ้น แต่ผมเป็นห่วงหลายคนที่พูดจาแล้วมันเลยเถิด อาจจะไม่ใช่การบริสุทธิ์ใจแท้จริง ก็เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไป”
เป็นสัญญาณที่สอดรับกันระหว่าง “พี่ตู่”และ“น้องแดง”ที่มีท่าทีแข็งขึ้น หลังปล่อยให้ม็อบชุมนุมแบบแฟลชม็อบมาสักระยะ
ถอดรหัส “บิ๊กตู่-บิ๊กแดง”จุดมุ่งหมายไม่ได้พุ่งเป้าไปที่นักศึกษาแน่ เพราะเมื่อวันก่อน พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งจะสั่งการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการเปิดเวทีรับฟังนักศึกษา เยาวชน คนรุ่นใหม่
และไม่ใช่สภาพัฒน์ฯ เพียงแห่งเดียว แต่หมายถึงทุกกระทรวงต้องเดินหน้าเปิดพื้นที่รับฟังความเห็น หรือให้นักศึกษา เยาวชน มีส่วนร่วมด้วย
นั่นแสดงให้เห็นว่าในสายตาฝ่ายบริหาร และฝ่ายความมั่นคง แม้จะมีการชุมนุมโดยนักศึกษา แต่ไม่ได้เป็นศัตรูหมายจะเล่นงาน
เป้าหลักที่ต้องการจะสื่อถึง น่าจะหมายถึง“อีแอบ”ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังม็อบเยาวชน เพราะย้อนไปก่อนหน้านี้อีกนิด “บิ๊กตู่”เคยส่งสัญญาณแรงๆ เตือนมาแล้วครั้งหนึ่ง ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“นายกฯได้กำชับเรื่องสถานการณ์การชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองในช่วงนี้ว่า ให้ตำรวจดำเนินคดีเด็ดขาดกับกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุม ที่มีหมายจับค้างเก่า มีคดีติดตัว หรือได้รับการประกันตัวออกมา แล้วกลับมายุยงปลุกปั่นให้การชุมนุมไม่เป็นไปตามกฎหมาย กลับมากระทำผิดซ้ำ ด้วยการจัดการชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ”
เจาะจง พุ่งเป้าไปที่พวกหน้าเดิมๆ ขาประจำที่เคยมีคดีติดตัวแต่ยังซ่าไม่เลิก ซึ่งก็มีหลายคนที่เคยเคลื่อนไหวกับม็อบเยาวชน แต่หนนี้ไม่ปรากฏตัว แต่ไปอยู่ข้างหลังแทน โดยทำหน้าที่สร้างแฮชแท็ก วาทกรรม ปั่นกันในโซเชียลมีเดีย เพื่อปลุกอารมณ์นักศึกษา เยาวชน ให้คล้อยตาม เพื่อออกมาร่วมชุมนุมกับม็อบ
เรียกว่า แม้ไม่ได้ออกมาด้วยตัวเอง แต่สังคมก็รู้ว่าเป็นใคร !!
อย่างที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ท้าให้ออกมาปรากฏตัวข้างหน้า อย่าแอบอยู่ใต้กระโปรงเด็ก
ในสัญญาณที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กแดง”แรงๆ ใส่พวกอยู่เบื้องหลัง และประนีประนอมกับเยาวชน ก็ชัดว่าไม่ต้องการปะทะกับเยาวชน และนักศึกษา แต่กำลังเตือนให้รู้ว่า ไม่ได้ปล่อยผ่าน เพราะในระยะหลังๆ มานี้ ข้อความหมิ่นเหม่มันเริ่มจะเลยเถิดขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าเยาวชน นักศึกษา มีความคิด แต่เทรนด์พวกนี้มักมีตัวจุดกระแส เพาะเชื้อ ประดิษฐ์วาทกรรมสุ่มเสี่ยงกันในโซเชียลมีเดีย นำร่องก่อนเสมอ
โดยเฉพาะคณะก้าวหน้า ที่วันนี้ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ แกนนำคนสำคัญแทบไม่เคยปรากฏตัวในม็อบ ไม่ว่าจะเป็นธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล แต่กลับไปเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย หรือตามเวทีสัมมนาเพื่อให้ล้อกับการเคลื่อนไหวข้างนอก
แน่นอนว่า อาจจะกลัวถูกมองว่า เป็นผู้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมครั้งนี้ แต่การไม่มาปรากฏตัวเลย ยิ่งกลับตอกย้ำให้เห็นว่า ยิ่งเกี่ยว !!
โดยนิสัยคณะก้าวหน้า กับการเคลื่อนไหวบนท้องถนนแทบเป็นของคู่กัน ธนาธร ถือเป็นขาม็อบตัวยง การที่เยาวชนเคลื่อนไหวขนาดนี้ มีหรือจะอดรนทนได้ ยกเว้นตั้งใจไม่มา เพื่อหวังจะให้ม็อบเหล่านี้ดูเป็นพลังบริสุทธิ์
แต่ถือว่า เป็นการกระทำที่ไม่ค่อยแฟร์ เพราะสุดท้ายแล้วม็อบยิ่งแรงเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำหรือการเคลื่อนไหว คนที่จะถูกดำเนินคดีคือนักศึกษา ไม่ใช่แกนนำที่แอบอยู่หลังม่าน
นี่คือ สิ่งที่ฝ่ายบริหาร และฝ่ายความมั่นคง พยายามไม่พูดเรื่องการชุมนุมของนักศึกษามากนัก เพื่อไม่ให้เป็นการยั่วยุในช่วงที่ผ่านมา เพราะสุดท้ายแล้ว เด็กๆ เหล่านี้ต่างตกเป็นเหยื่อของฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น
ซึ่งการขยับครั้งนี้ของ “บิ๊กตู่-บิ๊กแดง”เป็นการเตือนไปยังแกนนำและผู้อยู่เบื้องหลังโดยเฉพาะ ในทำนองว่า... อย่าคิดว่าไม่กล้าทำ
ขณะเดียวกัน ก็พยายามลดแรงกระแทกจากนักศึกษา ด้วยการไม่เข้าไปดำเนินคดีและพยายามเปิดพื้นที่มากขึ้น เป็นการใช้น้ำเย็นเข้าสู้ เพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรง
แต่หากมันเลยเถิดชนิดว่าประชาชนในประเทศชักจะไม่ไหว บรรดาแกนนำที่อยู่เบื้องหลังก็เตรียมเสียวสันหลังได้เลย เพราะฝ่ายความมั่นคงน่าจะต้องออกแอ็กชั่น
เพราะต้องไม่ลืมว่า อีกฝ่ายที่เห็นป้ายข้อความหมิ่นเหม่ แล้วรู้สึกไม่สบายใจ ก็จะยิ่งอึดอัดกับรัฐบาลที่ปล่อยให้มีการกระทำที่หักหาญน้ำใจคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องทำอะไรสักอย่าง และแน่นอนว่า กับนักศึกษา เยาวชน ฝ่ายความมั่นคงไม่ทำแน่ แต่จะล่อบรรดาหัวโจกแบบแรงๆ
ตอนนี้เหมือนกำลังนับหนึ่งถึงร้อยอยู่