xs
xsm
sm
md
lg

วิธีการรับมือกับม็อบมุ้งมิ้ง

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ความเร่าร้อนเป็นอาภรณ์ของคนหนุ่มสาว ชีวิตกบฏที่ท้าทายเป็นความหมายของวัยเยาว์ การกล่อมเกลาด้วยอำนาจไม่มีวันได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนไม่เคยผ่านวัยนี้มา ย่อมรู้ว่า วันเวลาต่างหากที่จะทำให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เขาแสวงหา

การลุกขึ้นมาตื่นตัวทางการเมืองของคนหนุ่มสาวของนักเรียน นักศึกษา แม้จะมีผู้ใหญ่บางคนคาดผลทางการเมืองแอบยุยงส่งเสริมผลักเด็กๆ ให้มาอยู่ข้างหน้า หวังสั่นคลอนรัฐบาลประยุทธ์ แต่ต้องนับเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่รัฐบาลนั่นแหละที่ต้องตอบคำถามของพวกเขาให้ได้ว่าสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องนั้น มีเหตุผลกลไกอะไรที่รัฐบาลต้องกระทำลงไป เพื่อทำลายความหวังของผู้ใหญ่ที่จะใช้เด็กเป็นเครื่องมือให้หมดไป

ถ้าพิจารณาจาก 3 ข้อเรียกร้องของพวกเขา ก็นับว่ามีเหตุผลที่พอจะรับฟังได้ 1. คือ การเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ 2. เลิกคุกคาม และ 3. ยุบสภาฯ

หากพิจารณาให้ถ่องแท้แล้วต้องยอมรับว่าทั้ง 3 เรื่องนี้มีที่มาจากความพยายามที่จะทำให้คณะรัฐประหารรักษาอำนาจเอาไว้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้แม้จะอ้างว่ามาจากประชามติ แต่เป็นการทำประชามติที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะให้รณรงค์เพียงฝ่ายเดียว และยังมีคำถามที่ซ่อนเงื่อนซับซ้อนเกินคนทั่วไปจะตามทัน

รัฐธรรมนูญนี้กลายเป็นเครื่องมือของการสืบทอดอำนาจ เพราะอนุญาตให้ ส.ว.250 คน ที่มาจากการแต่งตั้งลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ส.ได้ และคนที่แต่งตั้ง ส.ว.ก็ลงแข่งขันในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งเป็นการขัดกันกับผลประโยชน์อย่างชัดเจน เพราะ ส.ว.ทั้ง 250 คนมีพันธสัญญาว่าจะต้องยกมือให้กับผู้ที่แต่งตั้งตัวเองนั่นเอง

อาจจะพยายามอ้างได้ว่ามีความจำเป็นของการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยที่ต้องการเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเมือง แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันสะท้อนชัดว่า หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะสุดท้ายความไม่ชอบธรรมดังกล่าวกลับเป็นการซ้ำเติมวิกฤตและสร้างความวุ่นวายทางการเมืองเสียยิ่งกว่าเก่า

ความสงบในช่วง 5 ปีของรัฐบาลรัฐประหารนั้น เป็นเพียงการกวาดขยะไว้ใต้พรม เพราะกดไว้ด้วยปากกระบอกปืนเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายเมื่อกลับมาสู่การเลือกตั้ง ปัญหาที่หมักหมมเอาไว้ก็ปะทุขึ้นมาอีก และมีทีท่าว่าจะรุนแรงกว่าเก่า กลายเป็นปัญหาของของคนต่างรุ่น จนคนหนุ่มสาวนักเรียน นักศึกษาต้องลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบ้านแปงเมืองด้วยกำลังของพวกเขา

ม็อบนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศต้องยอมรับว่าจุดติดแล้ว และมีผู้ใหญ่บางคนกำลังฉวยโอกาสใช้นักเรียน นักศึกษา และคนหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นเครื่องมือ ดังนั้นอะไรที่เป็นปัญหา สิ่งที่ต้องทำก็คือ แก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดไป ย้อนกลับไปดูว่า 3 ข้อเรียกร้องของพวกเขานั้นจะทำให้คลี่คลายลงไปได้อย่างไร

ต้องยอมรับนะครับว่า บุคลิกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น เป็นโลกคู่ขนานกับความปรารถนาของวัยเยาว์ เพราะพล.อ.ประยุทธ์นั้นแสดงลักษณะของการใช้อำนาจอันอาจจะเป็นอุปนิสัยที่บ่มเพาะมาจากโรงเรียนทหารตั้งแต่เด็กและตลอดชีวิตในกองทัพ กระทั่งอาจกลายเป็นความเคยชินจนไม่รู้ตัวเองว่าได้แสดงออกถึงความเป็นอำนาจนิยมออกมา แต่การมีลูกสาว 2 คนที่เลี้ยงดูมาก็หวังว่าอาจจะทำให้เข้าใจช่วงวัยของคนหนุ่มสาวได้บ้าง

เมื่อเห็นชัดแล้วว่า รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาเพื่อเอาเปรียบทางการเมือง แม้บางคนพยายามจะอ้างว่าการให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้นั้นมีบทเฉพาะกาลกำหนดไว้เพียง 5 ปี แต่แท้จริงแล้วกติกาที่ไม่เป็นธรรมนั้นมันก็ไม่ควรจะเขียนเอาไว้แม้แต่วรรคเดียวในรัฐธรรมนูญ เพราะเราบอกตัวเองว่าเป็น “นิติรัฐ” ดังนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศยังเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่ควรจะบอกใครต่อใครได้ว่า เราเป็น “นิติรัฐ”

การคุกคามหนุ่มสาวที่ออกไปชุมนุม เช่น การติดตามตัวการไปข่มขู่ตักเตือนพ่อแม่นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ตราบที่เขาใช้สิทธิของเขาอย่างชอบธรรมและรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ทำได้ หรือการไปแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็เป็นสิ่งไม่ควรทำ ในเมื่อนายกรัฐมนตรีพยายามบอกต่อสังคมตลอดเวลาว่า ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิดไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาทางการชุมนุม แต่กลายเป็นว่า ผู้ชุมนุมยังถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเหล่านี้

ส่วนเรื่องการยุบสภาฯ นั้น เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วก็เป็นเรื่องที่จำเป็นที่รัฐบาลต้องยุบสภาฯ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ ถ้ากติกาที่ร่างขึ้นมาเป็นธรรมแล้ว หากรัฐบาลนี้ชนะเลือกตั้งสามารถกลับมาตั้งรัฐบาลก็จะมีความสง่างาม และเมื่อนั้นความชอบธรรมในการออกมาชุมนุมก็จะหมดสิ้นไป

ดังนั้นทั้ง 3 เรื่องที่นักเรียน นักศึกษาเขาเรียกร้องนั้น ไม่ใช่เรื่องเกินเลยอะไรที่จะทำไม่ได้ และเป็นเรื่องดีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 สภาผู้แทนราษฎรพร้อมคณะกรรมาธิการแถลงว่าที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิและมีความเป็นเจ้าของมากขึ้น โดยมีหลายเรื่องที่จะต้องแก้ไขเพื่อให้เกิดการปฏิรูปบ้านเมือง และระบบกฎหมายจึงมีความเห็นว่าจะต้องแก้ไขในมาตรา 256 ก่อน เนื่องจากหลักเกณฑ์ในมาตรานี้ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยากลำบาก

นอกจากนี้กรรมาธิการฯ ยังมีความเห็นตรงกันว่าหากเป็นไปได้จะต้องมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับและอาจจะต้องเสนอตั้ง ส.ส.ร.หรืออะไรก็แล้วแต่รัฐบาลจะพิจารณาและหากเป็นไปได้ทางกรรมาธิการฯ จะเพิ่มเติมหมวดการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเข้าไปอีกหนึ่งหมวด

ผมเชื่อว่า ถ้ารัฐบาลมองด้วยสายตาของคนปกติจะต้องมองเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตในชาติของเรา อาจจะมีคนโวยวายเพราะเสียประโยชน์จากการแก้รัฐธรรมนูญ แต่เราต้องนึกถึงส่วนรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ

นอกจากข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหาทางคลี่คลายวิกฤตความขัดแย้งที่ยาวนานเกือบ 2 ทศวรรษของคนในชาติด้วยการนิรโทษกรรมทางการเมืองแล้ว การแก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นทางออกที่แท้จริงอีกทางหนึ่งในการแก้วิกฤตของประเทศให้ออกจากความขัดแย้ง เพราะทำให้เงื่อนไขของความขัดแย้งหมดไป

เมื่อกติกาของประเทศเป็นธรรม เรากลายเป็นนิติรัฐที่แท้จริง ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร สุดท้ายคนทุกกลุ่มก็จะยอมรับ เงื่อนไขความชอบธรรมที่ผู้ใหญ่บางคนจะดันหลังให้นักเรียน นักศึกษา และคนหนุ่มสาวออกมาชุมนุมก็จะหมดไป

ไม่ต้องกลัวหรอกว่า บางพรรคบางกลุ่มอาจชนะเลือกตั้งแล้วจะแสวงหาผลประโยชน์และใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลอีก เพราะในระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนมีสิทธิที่จะออกมาขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมเสมอ

คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพีระพันธุ์ เป็นประธานนั้นเดินมาถูกทางแล้ว ทำให้ประเทศมีทางออกจากความขัดแย้ง

อย่าลืมนะครับว่า โลกข้างหน้าเป็นโลกของคนหนุ่มสาว เขาเป็นคนที่อยู่ต่อไปในประเทศนี้เมื่อคนรุ่นเราร่วงโรยจากไป เราจะทิ้งมรดกแห่งความขัดแย้งเหล่านี้ให้ดำรงอยู่ตลอดไปไม่ได้ อย่าไปคิดเชียวว่า อำนาจและปากกระบอกปืนนั้นจะใช้ปกครองประชาชนได้ เพราะมีบทเรียนมากมายอยู่แล้ว

การตอบรับข้อเสนอ 3 ข้อของม็อบมุ้งมิ้ง ซึ่งเป็นข้อเสนอที่รับฟังได้ จะช่วยทำลายความพยายามของคนที่ต้องการให้การชุมนุมลุกลามไปเป็นการก้าวล่วงต่อสถาบันหยุดชะงักลง

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น