“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563 ตอน ม็อบคัมแบ็ก ลงถนนราชดำเนิน ทำแผนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เดินยาก
การชุมนุมใหญ่ของ กลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท. และ กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free YOUTH ที่นัดรวมตัวกัน ที่ผ่านมาบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่19 ก. ค. ที่ผ่านมา
สนท. และกลุ่มเยาวชนปลดแอก ก็คือกลุ่มที่เคยทำ แฟลชม็อบ มาแล้ว ตอนก่อนช่วงเกิดโควิด-19 ระบาดตอนนั้นทำเอา รัฐบาลหัวร้อน พอสมควร
การกลับมาชุมนุม บนถนนราชดำเนิน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีคนมาร่วมชุมนุมไม่น้อย เครือข่ายที่อยู่ต่างจังหวัดก็ออกมารวมตัวกัน เช่นที่จังหวัดเชียงใหม่ และขอนแก่น เป็นการชุมนุมทางการเมืองที่ท้าทายต่อกฎหมาย พรก. ฉุกเฉิน ที่เสี่ยงต่อการถูกจับข้อหาฝ่าฝืน พรก. ฉุกเฉิน
ก่อนยุติ กลุ่มคนชุมนุม ประกาศจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งภายในสองสัปดาห์ต่อจากนี้ โดยยื่นข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม3 ข้อ ถ้าหากรัฐบาลไม่มีการตอบสนองสามข้อเรียกร้องของกลุ่ม
ถึงตอนนั้น จะกลับมาจริงหรือไม่ คงต้องดูว่า ข้อเรียกร้องนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล จะตอบสนองให้ภายในสองสัปดาห์ หรือไม่
สำหรับข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อที่แกนนำ ผู้เคลื่อนไหว ประกาศ ก็คือ
1. ต้องประกาศยุบสภา
โดยกลุ่มผู้เคลื่อนไหวอ้างว่า รัฐบาลชุดนี้ สืบทอดอำนาจมาจากรัฐประหารคสช. และตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ล้มเหลวในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะช่วง Covid-19 รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและออกมาตรการ Lockdown ส่งผลให้มีคนตกงานและขาดรายได้เป็นจำนวนมาก
แต่รัฐบาลก็มิได้เยียวยาอย่างทั่วถึง มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจอย่างหนัก และล่าสุด ปล่อยให้มีแขก VIP ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยที่ไม่ได้กักตัว ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อโอกาสที่จะมีการแพร่เชื้อได้ ดังนั้น จึงควรที่ นายกรัฐมนตรีต้อง ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
2. หยุดคุกคามประชาชน
ด้วยเหตุผลว่า แม้ประเทศไทยจะกลับมามีการเลือกตั้งไปแล้วเมื่อ มีนาคม ปีที่แล้ว แม้ประชาชนคาดหวังว่า ประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยที่ไม่ถูกคุกคามและยัดข้อกล่าวหาหรือคดีความ แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ ยังมีการคุกคามต่อไปไม่ต่างจากยุคสมัยคสช.
3.ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่เป็นประชาธิปไตย เปิดทางให้มีการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ มีการเขียนรัฐธรรมนูญ ที่วางโครงสร้างต่างๆที่ไม่เป็นธรรม จึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่
จะเห็นได้ว่า ข้อเรียกร้องทั้งหมด ไม่มีทางเลยที่พลเอกประยุทธ์จะยอมรับ และตอบสนองได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุมคามสิทธิเสรีภาพประชาชน และไม่มีทางเลยที่ พลเอกประยุทธ จะยอมยุบสภาฯ เพราะรัฐบาลประยุทธ์ 2/1 เพิ่งอยู่มาจะครบหนึ่งปี ปลายเดือนกรกฎาคม จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมายุบสภาฯ
ยิ่งเรื่อง แก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีทางออกให้กับ พลเอกประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล ที่จะเด้งเชือกว่า ไม่ใช่เรื่องของนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล เพราะตอนนี้ เป็นเรื่องของสภาฯ ไปแล้ว
เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อยู่ระหว่างการดำเนินการของสภาฯ จึงไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร
ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง ข้อเรียกร้อง สามข้อของกลุ่ม สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย และ กลุ่มเยาวชนปลดแอก ทั้งการยุบสภาฯ -การยกร่างรธน.ใหม่ และขอให้รัฐบาลเลิกคุมคามประชาชน เป็นเรื่องยากที่นายกรัฐมนตรี จะมาเอาด้วย
สถานการณ์ในวันข้างหน้า ก็เลยหนีไม่ออกที่กลุ่มนี้ คงต้องออกมาเคลื่อนไหว บนท้องถนนอีกหลายระลอก โดยดูจากเงื่อนไข จะกลับมาชุมนุมอีกครั้งภายในสองสัปดาห์ หรือรับไป 14 วัน ก็จะตรงกับวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมพอดี
ขณะเดียวกัน จังหวะนั้น พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน จะครบกำหนดการประกาศใช้รอบนี้ ในวันศุกร์ที่ 31 ก.ค. พอดี
นัยยะนี้นับว่าน่าสนใจ คือ หากศบค.และพลเอกประยุทธ์ ตัดสินใจ ต่ออายุพรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีกหนึ่งเดือน ก็เท่ากับ การนัดชุมนุมที่บอกจะกลับมาในอีกสองสัปดาห์ คือประมาณ 1 สิงหาคม ก็จะเกิดขึ้นในช่วงที่มีการต่ออายุพรก.แล้ว
ซึ่งมีข่าวว่า กรรมการชุดเล็กของศบค.ที่มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธาน จะตัดสินใจเคาะเรื่องนี้ภายในสัปดาห์นี้ว่าจะเสนอนายกฯต่อหรือไม่ต่อ พรก.ฉุกเฉิน
โดยหากศบค.และครม.เห็นชอบให้ต่ออายุพรก.ฉุกเฉินอีกหนึ่งเดือน โดยอ้างเหตุผลทางการแพทย์เพื่อป้องกันโควิด แต่ฝ่ายเคลื่อนไหว ก็จะฉีกไปในประเด็นว่า ต่อพรก.ฉุกเฉิน เพราะกลัวม็อบจุดติด เลยต้องสกัด ไม่ให้เคลื่อนไหวสะดวก
แต่หากว่า ศบค.-รัฐบาล ทำเซอร์ไพรส์ ไม่ต่ออายุพรก.ฉุกเฉิน ก็ยังเข้าทางกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ดี เพราะทำให้การเคลื่อนไหว ทำได้เต็มที่มากขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาโดนเอาผิดโทษฐานฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน
การต่อหรือไม่ต่ออายุพรก.ฉุกเฉิน ไม่ว่าเคาะออกมาแบบไหน ก็ล้วนเข้าทาง กลุ่มเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลกลุ่มนี้ ทั้งสองทาง