วิกฤตเขย่าฐานอำนาจ ‘ลุง’

การเมืองน้ำเน่าไร้น้ำใจ ไร้จิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี การหักหลัง ยึดตัวประกัน ตามแบบ “สามานย์ใหม่” กำลังเข้าสู่แดนใหม่ ซึ่งมีประเด็นร้อนแรง เขย่าเก้าอี้คณะ 3 ลุง ผู้กุมอำนาจรัฐมานานกว่า 6 ปี เป็นการท้าทายความสามารถว่าจะอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่

ถึงขั้นที่ว่าวิกฤตที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้เป็นตัวชี้วัดว่า ถ้าคณะ 3 ลุง อยู่รอดได้ จะเป็นด้วยกลเกม เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงประการใด บ้านเมืองคงรอดยาก

ผลของการหักดิบ หักหลัง ซ่อนเงื่อนในเกมรักษาอำนาจ ทำให้คณะ 3 ลุงได้เพิ่มศัตรูทางการเมืองซึ่งพร้อมจะชำระบัญชีด้วยการซ้อนแผน ตลบหลัง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์โดยรวมไม่น่าจะทำให้คณะ 3 ลุงได้ยืนหยัดต่อได้เพราะวิกฤตรุนแรงเกิน

ยิ่งมีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทนไม่ได้ ออกมาชุมนุมแทบทุกวันในหลายจังหวัด เป็นรูปแบบใหม่ รับการเมืองน้ำเน่าใหม่ สถานการณ์ของ 3 ลุงเริ่มเข้าตาร้าย การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจไม่เห็นหนทางสู่ความสำเร็จ โทษใครไม่ได้เต็มที่

ส่วนใหญ่ของปัญหาเรื้อรังสะสมมาตลอดกว่า 6 ปี เป็นผลงานของรัฐบาลคุมและกำกับโดยคณะ 3 ลุง ซึ่งเน้นการหาทางสร้างฐานอำนาจและความต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างประเทศบิดเบี้ยว ความอุดมสมบูรณ์ ทรัพยากรถูกใช้อย่างไร้ประโยชน์

ชาวบ้านอยู่อย่างลำบาก มีแต่หนี้เพิ่มและปัญหา พวกอยู่กับลุงมีแต่หนทางกอบโกยความมั่งคั่ง สร้างความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ เป็นความอัปยศประจานความล้มเหลวในการบริหาร สะสมหนี้ภาครัฐ การทุจริตคอร์รัปชัน เล่นพวก เบิกบานเต็มที่

ที่น่าอดสูคือการมุ่งเน้นรักษาอำนาจ เล่นเกมยืมมือนักเลือกตั้งในพรรคแกนนำออกมาเลื่อยขาเก้าอี้กลุ่ม 4 กุมารอ้วนพี ซึ่งเป็นฐานอำนาจ 3 ลุงจนเข้าที่เข้าทาง แต่ยังขาดโอกาสกุมผลประโยชน์เต็มที่จากธุรกิจพลังงาน ต้องใช้แผนยืมดาบฆ่าคน

การให้นักเลือกตั้งหิวผลประโยชน์ออกมาขับไล่กลุ่ม 4 กุมารจนทนไม่ได้ หัวหน้ารัฐบาลทำเฉย เหมือนรู้เห็นเป็นใจด้วย เป็นความอำมหิตเลือดเย็นของการเมืองน้ำเน่า ออกลีลาหลั่งน้ำตาจระเข้ทำนองเห็นใจ อ้างแรงกดดันทางการเมือง

แต่แปลก ตัวเองทนแรงกดดันไม่ได้ ต้องให้ 4 กุมารเป็นแพะบูชายันต์ ความเป็นผู้นำไม่มีให้เห็น ไม่ปกป้องลูกทีมที่รับใช้มาอย่างเต็มใจ เป็นหนังหน้าไฟตลอด ซ้ำร้ายเมื่อเอา 4 กุมารออกไป ชาวบ้านก็เห็นแผนดัดหลังกลุ่มผู้เป็นแรงดันขับไล่

แกนนำกลุ่มขับไล่โดนย้อนเกล็ดอย่างแรง เมื่อเมียสุดที่รักของ 1 ใน 2 มีดซุยโดน ป.ป.ช.เล่นงานด้วยข้อกล่าวหาทุจริตฝายน้ำล้น มองได้ง่ายว่าเป็นแผนแบล็กเมล์ผสมกับการจับตัวประกัน ไม่ให้กลุ่ม 2 มีดซุยเคลื่อนไหวตลบหลัง เพราะต้องห่วงเมีย

อีก 1 มีดซุยที่อ้างสัญญาใจจากผู้กุมอำนาจว่าจะได้นั่งเก้าอี้พลังงาน ต้องรับทานแห้วผสมน้ำใบบัวบกต่อเนื่องซ้ำสอง เมื่อถูกปัด ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไยว่า ไม่มีสัญญาใจระหว่างลุงกับใครทั้งนั้น 2 มีดซุยโดนอย่างนี้เท่ากับถูกแทงข้างหลังจังเบอร์

กลุ่มนักเลือกตั้งที่โดนทาบทามมาเป็นฐานให้ 3 ลุง จึงเข้ามาโดยเงื่อนไขเลี่ยงไม่ได้เพราะมีชนักปักหลัง คดีค้างคาที่ ป.ป.ช.ไม่มีใครเดาได้ว่าจะมีการชี้มูล หรือตีตกไป องค์กรอิสระหลวมๆ บางแห่ง ถูกสงสัยว่ามีมือที่มองไม่เห็นชักใยอยู่ข้างหลัง

ดังนั้น กลุ่มมีดซุยจึงต้องกลืนเลือด เพราะเก้าอี้ที่หวังไว้ก็ไม่ได้ และคดีที่ปูดออกมาอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างให้ต้องเสียเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ถ้าออกอาการพยศ ไม่ยอมสยบ ต้องรอหาจังหวะเอาคืน เมื่อเรือแป๊ะของ 3 ลุงต้องมรสุมหนักอยู่กลุ่มในหินโสโครก

ความสำเร็จในการเล่มเกมกุมอำนาจและผลประโยชน์ใช่ว่าจะทำให้คณะ 3 ลุงทำอะไรได้สะดวก การหาคนมานั่งเก้าอี้สำคัญ คือกระทรวงการคลังไม่ใช่ง่าย คนดีมีฝีมือ ใจซื่อ มีคุณธรรม เห็นความอำมหิตเลือดเย็นแล้วต่างโบกมือไม่เอาด้วย

อย่างน้อยก็มี 3 รายซึ่งดูดี ได้อ้างครอบครัวห่วงใย คงไม่อยากให้เอาชื่อเสียง เกียรติภูมิมาเสี่ยงกับขบวนการแสวงหาผลประโยชน์ เป็นแพะรับบาปอาจทำให้ต้องเผชิญกับคดีอาญาหลังจากการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลุงต้องไปอ้อนวอนหาคนยินยอม

นั่นเป็นความเสี่ยง คนที่มาคงพร้อมรับ และคงได้ต่อรองอะไรต่างๆ แล้ว แต่ฉุกคิดหรือไม่ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” และที่เห็นคาตาคือการหักเหลี่ยม หักหลัง ซ้อนกล โจรเห็นยังต้องอาย ดังนั้น ภาระหนักด้านกอบกู้เศรษฐกิจยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก

แต่ความยั่งยืนของ 3 ลุงกำลังถูกทดสอบและท้าทายโดยกลุ่มนักเรียน นักศึกษา มีชุมนุมเรียกร้องมากเป็นดอกเห็ดหน้าฝนทั่วประเทศ และแสดงให้เห็นว่าจะลุกลามแบบยื้อไม่หยุด ฉุดไม่อยู่เพราะความต่างด้านวัย มุมมอง ความคิด ฯลฯ

กลุ่มเยาวชนให้เห็นพฤติกรรมชั่วร้ายของพวกสูงอายุที่ย่ำยีบ้านเมือง ดูดกินทรัพยากรความมั่งคั่งของแผ่นดินย่อมทนไม่ได้ เพราะอาจไม่เหลืออะไรสำหรับคนรุ่นตัวเพราะผลของการสร้างหนี้สินมหาศาล ประชาชนยากไร้ คนขายชาติกุมอำนาจรัฐ

คณะ 3 ลุงจะมีเล่ห์กลเกมการเมือง หรือแผนซ้อนอย่างไรในการหยุดการเคลื่อนไหวของเยาวชนที่อาจขยายเป็นการลุกฮือ มีประชาชนทั่วประเทศเข้าร่วม เพราะขณะนี้ เป็นการ “จุดติด” แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย พร้อมกับไฟสุมหัวอกรุนแรง

ไม่ง่ายแล้วที่พวกลุงจะใช้คำหวาน คำมั่นสัญญาลมๆ แล้งๆ หลอกเด็กกว่า 6 ปีกับความเสียหายของบ้านเมืองเป็นหลักฐานที่เยาวชนประกาศว่า “ต้องให้จบในรุ่นเรา” ผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งคงเอาใจช่วย และชี้แนะว่าการรณรงค์อย่าก้าวล่วงสถาบันสำคัญ

ยิ่งมีกรณีกระทิงแดง ที่แสดงถึงความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมให้เห็น ก็จะเป็นเชื้อไฟอย่างดีสำหรับข้อเรียกร้องให้ยุบสภา เลือกตั้งภายใต้กฎที่ดีต่อบ้านเมือง

“ถ้าลุงรอด บ้านเมืองไม่รอด ถ้าลุงไม่รอด บ้านเมืองรอด” ชาวบ้านมองอย่างนี้