ชักเริ่มๆ ได้เวลา “ลงถนน” กันบ้างแล้ว...สำหรับบรรดา “ม็อบเด็กๆ” ในบ้านเรา โดยจะมีใครอยู่ “เบื้องหน้า-เบื้องหลัง” หรือไม่ อย่างไร? คงต้องลองไปสืบหา ค้นหา เอาเองก็แล้วกัน แต่ก็เรียกว่า...ยังไม่ถึงกับ “เละ” มากมายสักเท่าไหร่ แม้จะมีการ “ล้ำเส้น” การละลาบละล้วงจ้วงจาบ ล่วงละเมิดไปถึงสิ่งที่มิบังควร แต่โดยตัวบทกฎหมาย และโดยอารมณ์-ความรู้สึกของผู้คนโดยทั่วไปที่คงไม่มีใครคิดจะเอาด้วยกับพฤติกรรม การกระทำ อันไม่เหมาะ-ไม่ควร เหล่านี้ สุดท้าย...ก็คง “เอาอยู่” ได้ไม่ยากส์ส์ส์...
หรืออย่างน้อย...ก็น่าจะเบากว่า สบายใจกว่า ประเทศเสรีและประชาธิปไตยเสรีอย่างคุณพ่ออเมริกา ที่นับวันต้องเรียกว่า “เละ” ซะยิ่งกว่าขี้ กว่าโจ๊ก กว่าเต้าหู้ตกโต๊ะ ฯลฯ ยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...การลงถนนของพวกเด็กๆ ในเมือง “พอร์ตแลนด์” เมืองที่อยู่ไปทางด้านเหนือๆ ของรัฐ “โอเรกอน” เขานั่นแหละ ที่สามารถนำมาใช้เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความเละตุ้มเป๊ะของความเป็นเสรีนิยม ความเป็นประชาธิปไตยเสรี ตามแบบฉบับอเมริกา อันเป็นสิ่งที่เด็กๆ ในบ้านเราพยายามเพรียกหา เรียกหากันมาโดยตลอด ได้เป็นอย่างดี...
คือถ้านับจากการจุดระเบิด จุดชนวนประท้วงในอเมริกา ที่ลุกลามแพร่กระจายไปยังรัฐต่างๆ ตลอดทั่วทั้ง 50 รัฐ 400 กว่าเมือง อันเนื่องมาจากกรณีการฆาตกรรมเหยื่อชาวผิวสี โดยตำรวจแห่งเมืองมินนิอาโปลิสแล้ว บรรดาเด็กๆ แห่งเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอนนี่แหละ ที่ออกจะเอาเรื่อง เอาราว อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการพอสมควร คือออกมา “ลงถนน” ชนิดต่อเนื่องไม่เว้นแต่ละวัน ปาเข้าไปไม่ต่ำกว่า 52 วัน 52 คืนไปแล้วเป็นอย่างน้อย ออกประกอบกิจกรรมด้วยการเดินสายรื้อทิ้ง “อนุสาวรีย์” ต่างๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สัญลักษณ์” แห่งการเหยียดผิว เหยียดเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าอนุสาวรีย์ “จอร์จ วอชิงตัน” ผู้อาจถือเป็นบิดาของประเทศอเมริกา อนุสาวรีย์อดีตประธานาธิบดี “โธมัส เจฟเฟอร์สัน” ไปจนแทบไม่เหลืออนุสาวรีย์ใดๆ ให้รื้ออีกต่อไปแล้ว ก็ยังอุตส่าห์หันมาจุดไฟเผาอนุสาวรีย์ “กวางเอลค์” ที่ไม่น่าจะรู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย ฯลฯ จนกระทั่งค่อยๆ ยกระดับขึ้นมายึดอาคารสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะบรรดาหน่วยงาน องค์กรของ “รัฐบาลกลาง” ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับลิกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า” นั่นเอง...
โดยเหตุที่ทำให้บรรดาเด็กๆ หรือผู้ประท้วงในเมืองพอร์ตแลนด์ สามารถออกเดินสายยึดโน่น ยึดนี่ เผาโน่น เผานี่ พังโน่น พังนี่ ได้อย่างคล่องเนื้อ คล่องตัว อาจเป็นเพราะ “รัฐบาลท้องถิ่น” หรือบรรดาผู้บริหารจัดการ ทั้งในเมืองพอร์ตแลนด์ ไปจนถึงระดับรัฐโอเรกอนโน่นเลย ออกจะหนักไปทางประเภท “หัวเสรีนิยมก้าวหน้า” ซะเป็นหลักใหญ่ คือล้วนแล้วแต่มาจากพรรคเดโมแครตไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าตั้งแต่นายกเทศมนตรีเมืองพอร์ตแลนด์ “นายTed Wheeler” ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน “นางKate Brown” ตลอดไปจนวุฒิสมาชิกอย่าง “นายRon Wyden” “Jeff Merkley” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่าง “Earl Blumenauer” และ “Suzanne Bonamici” ฯลฯ เป็นต้น หรือพูดง่ายๆ ว่า...ถือเป็นฐานเสียง ฐานคะแนนพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามของ “ทรัมป์บ้า” และเป็นตัวส่งผลให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีตลอด 8 ครั้งหลังสุดที่ผ่านมา คะแนน “Electoral Votes” ของรัฐโอเรกอน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 7 เสียง ต่างหันไปเทให้กับผู้สมัครชิงประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตมาโดยตลอด แม้ว่าก่อนหน้านั้น...บรรดาผู้นิยมพรรครีพับลิกัน หรือบรรดาพวก “หัวอนุรักษนิยม” ที่กระจัดกระจายอยู่ทางแถบซีกตะวันออกของรัฐโอเรกอน จะเคยมีจำนวนและปริมาณมากมายมิใช่น้อย...
ดังนั้น...เมื่อบรรดาเด็กๆ เมืองพอร์ตแลนด์ ตัดสินใจ “ลงถนน” ประกอบกิจกรรมยั่วยวน กวนส้นตีน “รัฐบาลกลาง” ภายใต้การนำของ “ทรัมป์บ้า” อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ บรรดาผู้บริหาร จัดการเมืองพอร์ตแลนด์ ไปจนรัฐโอเรกอน เลยไม่ถึงกับคิดจะไปไล่ทุบ ไล่ขยี้ ให้ต้องเลือดนองท้องช้างกันสักเท่าไหร่นัก ตราบใดที่การประท้วงยังเป็นไปในขอบเขตที่พอเรียกได้ว่า “การประท้วงโดยสันติ” แต่จะเป็นเพราะมุมมองของพวก “หัวเสรีนิยมก้าวหน้า” ที่อาจผิดแผกแตกต่างไปจากพวก “หัวอนุรักษนิยม” หรือด้วยเหตุเพราะการคิดเจาะทะลวงฐานคะแนนพรรค “เดโมแครต” โดยพรรค “รีพับลิกัน” ก็แล้วแต่ การประท้วงในเมืองพอร์ตแลนด์ในสายตาของผู้นำประเทศอย่าง “ทรัมป์บ้า” จึงถูกมองเป็นการกระทำของพวก “อนาคิสต์” หรือพวก “ผู้ก่อกวน-ก่อการร้าย” ไปโน่นรัฐบาลอเมริกันจึงถึงกับต้องออกคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางถึง 4 หน่วยด้วยกัน คือ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ “DHS” (Department of Homeland Security) สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ “CBP” (US Custom and Border Patrol) หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หรือ US Marshals Service ไปจนถึงหน่วยงานรักษาความปลอดภัยรัฐบาลกลาง หรือ Federal Protective Service ลงไปลุยถั่ว ลุยแหลก ไล่ทุบ ไล่กระทืบ ไปจนถึงไล่ “อุ้ม” บุกจับพวกแกนนำ แกนนั่ง แกนนอนของผู้ประท้วงในเมืองพอร์ตแลนด์ อุ้มขึ้นรถแวน ไม่ต่างไปจากการ “อุ้มวันเฉลิม” แถวๆ ประเทศเขมร ทำนองนั้น...
แม้ว่าตัวผู้นำประเทศอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะออกมา “ทวีต” ไว้เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมาว่า... “เราต้องการช่วยเมืองพอร์ตแลนด์ ไม่ได้ต้องการทำร้าย ด้วยเหตุเพราะบรรดาผู้มีหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ ได้สูญเสียอำนาจการควบคุมให้กับพวกอนาคิสต์และพวกผู้ก่อกวนมาเป็นเดือนๆ โดยพวกเขาไม่คิดจัดการใดๆ ให้เกิดความสงบเรียบร้อยแม้แต่น้อย...” แต่ในสายตาของบรรดาพวกผู้นำท้องถิ่น ที่เริ่มรู้สึกว่าฐานเสียง ฐานคะแนน กำลังถูกเจาะทะลวง ถูกทำร้าย ทำลาย ย่อมไม่อาจอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปได้ นอกจากตัวเทศมนตรีเมืองพอร์ตแลนด์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน ไปจนวุฒิสมาชิก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต จะออกมากล่าวประณามตำหนิติเตียน การกระทำของประธานาธิบดี ว่าผิดหลัก ผิดกฎหมาย ไปจนถึงขั้นพยายามก่อ “อาชญากรรม” ในลักษณะเดียวกับการ “ลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่” อะไรทำนองนั้น อัยการทั่วไปของรัฐโอเรกอน “นางEllen Rosenblum” ยังได้ออกป่าวประกาศเมื่อช่วงวันเสาร์ (18 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่าจะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดทางกฎหมายกับหน่วยงานทั้ง 4 หน่วยของรัฐบาลกลาง เอาให้ถึงขั้นติดคุกหัวโตให้จงได้!!!
นี่...ต้องเรียกว่า อะไรจะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ไปได้ถึงปานนี้ย่อมไม่มีอีกแล้ว คือกลายเป็นการขัดแย้งแตกหักระหว่าง “รัฐบาลกลาง” กับ “รัฐบาลท้องถิ่น” อย่างชนิดไม่รู้ว่าใครถูก-ใครผิด หรืออะไรถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งๆที่อยู่ภายใน “ประเทศเดียวกัน” แท้ๆ พูดง่ายๆ ว่า...ไม่เพียงสิ่งเหล่านี้จะทำให้ “สถาบันทางสังคม” แต่ละหน่วย แต่ละระดับ ต้องเสื่อมโทรม เสื่อมสลาย ไปตามความขัดแย้ง แตกแยก ที่หาจุดลงตัวกันแทบไม่ได้ กระทั่งความศักดิ์สิทธิ์ของตัวบทกฎหมายที่ควรเป็นไปอย่างเสมอภาคไปด้วยกันถ้วนหน้า ก็พลอยขาดความศักดิ์สิทธิ์ ความน่าเชื่อ น่าศรัทธา อย่างมิอาจปฏิเสธ และจะด้วยเหตุเพราะอะไรต่อมิอะไรมีแต่เสื่อม...กับ...เสื่อมลงไปทุกที หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ การประท้วงของพวกเด็กๆ ในเมืองพอร์ตแลนด์ จึงต้อง “ยกระดับ” หรือ “ลดระดับ” ก็แล้วแต่ ไปสู่การมอบหมายให้ “เทพีเอเธนา” (Naked Athena) หรือให้สตรีรายหนึ่ง ออกมาเปลือยกายชนิดไม่คิดนุ่งผ้าอะไรเลย สวมแค่หน้ากากอนามัยไว้ชิ้นเดียว โดดมาแหกแข้ง แหกขา เล่นโยคะขณะเผชิญหน้ากับกองกำลังของรัฐบาลกลางสี่แยก แล้วให้ตายเถิด...กลับได้ผลอีกซะล่วย!!! คือเล่นเอาบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมสลายกำลังไปซะเฉยๆ เรียกว่า...ช่างเป็นอะไรที่ครีเอทีพ ไอเดีย ออกไปในแนวสร้างสรรค์ซะยิ่งกว่าการประท้วงในบ้านเรา ที่ออกจะ “อันตราย” และไม่ค่อยจะสร้างสรรค์ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...