รอยเตอร์ – ทรัมป์ประณามการประท้วงในพอร์ตแลนด์ ชี้ความรุนแรงในหลายเมืองเป็นผลจากการบริหารที่โง่เง่าของเดโมแครต ด้านนายกเทศมนตรีพอร์ตแลนด์และผู้ว่าการรัฐโอเรกอน ตอบโต้ว่า รัฐบาลกลางลุแก่อำนาจ ส่งกำลังเข้าแทรกแซงทำให้สถานการณ์ลุกลาม พร้อมยื่นฟ้องหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลละเมิดสิทธิประชาชน
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายติดอาวุธที่ได้รับคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่ในการปกป้องอนุสาวรีย์ เริ่มต้นสลายการชุมในพอร์ตแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลังคืนแห่งความวุ่นวายในพอร์ตแลนด์ที่อาคารที่เกี่ยวข้องกับตำรวจถูกเผา และเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มแม่ที่รวมตัวกันประท้วงการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ เท็ด วีลเลอร์ นายกเทศมนตรีพอร์ตแลนด์ ออกมาดวลฝีปากกันเรื่องว่า ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว
เมื่อวันอาทิตย์ (19 ก.ค.) ทรัมป์ทวิตว่า คณะบริหารพยายามช่วยพอร์ตแลนด์และปกป้องประชาชน หลังจากรัฐบาลท้องถิ่นไม่สามารถควบคุมกลุ่มผู้นิยมอนาธิปไตยและผู้ปลุกปั่นนานนับเดือน
ในสภาพที่คะแนนนิยมกำลังร่วงหนักก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ทรัมป์จึงชู “กฎหมายและความสงบเรียบร้อย” เป็นประเด็นหาเสียงสำคัญเพื่อดึงดูดผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในพื้นที่ชานเมืองที่สำคัญ
การปราบปรามผู้ประท้วงในพอร์ตแลนด์ ซึ่งเป็นฐานเสียงของฝ่ายเสรีนิยม ทำให้เกิดการวิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมถึงการขู่ฟ้องร้อง ขณะที่ปรากฏวิดีโอมากมายเป็นภาพเจ้าหน้าที่สวมชุดพรางแต่ไม่มีตราประจำตัวที่ชัดเจนใช้กำลังกับผู้ประท้วง และรถที่ไม่มีเครื่องหมายของทางการเข้าจับกุมผู้ประท้วงโดยปราศจากคำอธิบาย
วันเดียวกันนั้น เท็ด วีลเลอร์ นายกเทศมนตรีพอร์ตแลนด์ ให้สัมภาษณ์รายการ “สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” ของซีเอ็นเอ็น โจมตีคณะบริหารว่า เป็นตัวการทำให้สถานการณ์ลุกลาม เพราะการส่งกำลังไปพอร์ตแลนด์ทำให้เกิดความรุนแรงและการทำลายทรัพย์สินมากขึ้น พร้อมสำทับว่า คนพอร์ตแลนด์ไม่ต้องการและไม่ได้เรียกร้องกองกำลังจากรัฐบาลกลาง แต่ต้องการให้กลับไปมากกว่า
เท็ด วีลเลอร์ และเคต บราวน์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครตทั้งคู่ กล่าวหาว่า การกระทำของคณะบริหารเป็นการลุแก่อำนาจ และโอเรกอนได้ยื่นฟ้องหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องแล้ว
นอกจากนั้น สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนภายในว่า กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิใช้อำนาจฉุกเฉินในทางที่ผิดจากกรณีการจัดการกับการประท้วงในพอร์ตแลนด์หรือไม่
มาร์ก มีโดว์ หัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาว แก้ต่างว่า วิลเลียม บาร์ รัฐมนตรียุติธรรม และแชด วูล์ฟ รักษาการรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ดำเนินการมาตรการต่างๆ ที่คณะบริหารสามารถทำได้เพื่อรับมือการประท้วง และเสริมว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของชุมชนต่างๆ
ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการที่มีโดว์กล่าวถึงจะเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากที่กระทรวงยุติธรรมส่งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางไปเผชิญหน้ากับผู้ประท้วงในเมืองต่างๆ
ระหว่างให้สัมภาษณ์รายการ “ฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์” ทรัมป์ย้ำว่า ความรุนแรงที่ลุกลามในเมืองต่างๆ เช่น ชิคาโกและนิวยอร์กเป็นผลจากการที่เดโมแครตบริหารเมืองเหล่านั้นอย่างเสรีและโง่เง่า
เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ขู่ส่งทหารของรัฐบาลกลางไปจัดการการประท้วงต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจและลัทธิเหยียดเชื้อชาติที่ปะทุขึ้นหลังจากที่ตำรวจมินนิอาโปลิสฆาตกรรมจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำ ด้วยการใช้เข่ากดทับคอนานเกือบ 9 นาที
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ก.ค.) เอลเลน โรเซนโบลม อัยการรัฐโอเรกอน ยื่นฟ้องกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ หน่วยงานฝ่ายปกครอง และหน่วยงานศุลกากรและป้องกันพรมแดน ข้อหาละเมิดสิทธิพลเมืองของประชาชนด้วยการจับกุมและควบคุมตัวโดยไม่มีการแสดงหลักฐานที่น่าเชื่อว่ากระทำผิด