xs
xsm
sm
md
lg

มนุษย์คุณภาพ“ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ”! (ตอนแปด) อำนาจ-ไม่ชอบธรรมย่อมไม่ยั่งยืน!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ | ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ
“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”


ตอนที่แล้วจบลงตรง “นายกฯน้าชาติ” พูดว่า “ผมถูกรัฐประหารครั้งนั้นโชคดี..”

ความโชคดีของ “น้าชาติ” ก็ตรง “..ที่มี อนันต์ อนันตกูล (ปลัดก.มหาดไทย) โดนจับด้วย อยากกินอะไรก็บอกอนันต์..เป็นได้กินทุกอย่างดังใจเลยล่ะ..”

ทว่า..จากวันนั้นจรดวันนี้..ยังเกิดความเลวซ้ำซากกับชาติไทย ที่ทำลายความมั่นคงชาติกับประชาชนมาตลอด..!

“รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา” ชอบโกงเลือกตั้งแล้วโกงชาติ ขณะที่ “รัฐบาลเผด็จการรัฐประหาร” ก็ไม่ปราบการโกงชาติ-ไม่ลดความเหลื่อมล้ำให้ชาติ-ไม่ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน ฯลฯ เพราะไม่รักชาติกับประชาชนจริง!

ด้วย “นักการเมือง”ในพรรคร่วมรัฐบาล หน้ามืดตามัว ไม่กระมิดกระเมี้ยนต่อการแย่งชิงตำแหน่งกันเอง หักหลังเนรคุณกันหน้าตาเฉย โดยไม่ “ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา” ว่าตัวเองมีความสามารถดีพอหรือไม่ กับตำแหน่ง “รัฐมนตรี” ที่ยื้อแย่งกันอยู่ในเวลานี้..เฮ้อ..เวรกรรม..

“รัฐบาลเผด็จการทั้งสองรูปแบบ”
มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์สารพัด ให้กับตนเอง-พวกพ้อง-พรรค ฯลฯ โดยไม่ใช้อำนาจทำคุณงามความดี กลับทำร้ายชาติกับประชาชน ด้วยการสร้าง “วงจรอุบาทว์” เพื่อทำเรื่อง “สมบัติชาติสลับกันโกง” มาตลอด..

เรียกว่า..ชาติกับประชาชนต้องเผชิญกับ “รัฐบาลเลว” โกงเลือกตั้งโกงชาติ แล้วยังต้องมาเจอกับ “รัฐบาลรัฐประหาร” ไม่ปราบการโกงชาติ-ไม่ลดความเหลื่อมล้ำให้ชาติ-ไม่ปฏิรูปชาติ เป็นความซวยซ้ำซากไม่รู้จบ

“นักการเมืองเลือกตั้ง-ข้าราชการ”
สามานย์ ใช้อำนาจสร้างความเหลื่อมล้ำจนเพิ่มทวีคูณ ด้วยนโยบายเอื้อผลประโยชน์ให้ “กลุ่มทุนใหญ่ไทยและเทศ” เป็นหลัก จนสังคมไทย “รวยกระจุกจนกระจาย”ติดอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ผู้มีรายได้น้อยและคนยากจน ต้องลำบากอย่างแสนสาหัสไม่มีที่สิ้นสุด..

ขณะที่ “นักการเมืองรัฐประหาร-ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจ” สามานย์ ร่ำรวยจากการโกงชาติไปทุกหย่อมหญ้า!

“นักการเมือง ”สองรูปแบบที่ผ่านมา ไม่เคยปฏิรูปชาติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะไม่ปฏิรูปการเมืองชาติก่อนเลือกตั้งเลย เพราะมุ่งใช้การเลือกตั้งสกปรกสืบทอดอำนาจนั่นเอง

เมื่อการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม! อีกทั้งพรรคการเมืองก็ส่ง“ นักเลือกตั้ง” มากมาย ที่ส่วนใหญ่มีประวัติเป็นทั้ง “ผู้มีอิทธิพลทางลบ” กับ“นักการเมืองโกงชาติ” มาลงสนามเลือกตั้ง

“นักการเมืองเหล่านั้น” จึงได้เข้าไปนั่งหน้าสลอนในสภาฯ เพื่อออกกฎหมายและเลือกนายกฯ ส่งผลให้ชาติไทยมักได้ “นักการเมือง-นายกฯ-ครม.” กับ “ข้าราชการ”สามานย์กลุ่มใหญ่ ซึ่งไร้คุณภาพกับด้อยคุณธรรม เข้ามาโกงชาติมากขึ้นโดยไม่ขาดสาย..

เมื่อสนามเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม! ทำให้วันนั้นตราบจนวันนี้ การเมืองไทยยังคงเวียนว่ายซ้ำๆ ซากๆ อยู่ใน “คลองน้ำเน่า” ที่เน่าหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาติไทยมักได้ “นายกฯ-ครม.-สว.-สส.-ข้าราชการ” ซึ่งมิได้รักชาติรักประชาชนอย่างแท้จริง ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ อยู่ในสภาพยากจนมากขึ้นๆมาตลอด และชาติก็ไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าที่ควรอีกด้วย

รัฐประหารในปี 2534 ! เนื้อแท้ก็เพื่อปกป้อง “ตำแหน่งทหาร” ของ “ทหารใหญ่บางคน” บางตำแหน่งเป็นหลัก! ทว่าต้องใช้ข้ออ้างปราบการโกงชาติบังหน้า ทั้งยังมีการกลั่นแกล้งยัดเยียดข้อหา ด้วยการออกหมายจับ “จารย์โต้ง” ไปพัวพันเกี่ยวข้องกับ “คดีลอบสังหารบุคคลสำคัญ” โดยหวังจะสร้างความชอบธรรมให้ “รสช.” ในการทำรัฐประหารครั้งนั้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม..รัฐประหารครั้งนั้น ก็มิได้ปราบการโกงชาติจริงจัง! ส่วนการกลั่นแกล้งยัดข้อหาให้“จารย์โต้ง”นั้น เรื่องก็จบลงแบบไร้ความจริงแม้แต่น้อย หากหวังเพียงแค่จะทำลาย “จารย์โต้ง” เท่านั้น

ที่สำคัญ ยังคงเป็นรัฐประหาร“เสียของ” เป็นรัฐประหาร “มวยล้มต้มคนดู” เป็น “วงจรอุบาทว์” ที่ทำเพื่อ “ผลัดกันโกงสมบัติชาติ” ที่เกิดขึ้นซ้ำซากครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะไม่มีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนแม้แต่น้อย

รัฐประหารของ “นายกฯบิ๊กสุ” ทำให้ “น้าชาติ-จารย์โต้ง”ต้องระหกระเหิน โดยเฉพาะ “จารย์โต้ง” ที่เกิดใน “วงศ์ตระกูล” ที่ทรงอำนาจอิทธิพลระดับสูงในสังคมไทย ทั้งทางการเมืองและเงินทอง กลับต้องเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต โดย “น้าชาติ-จารย์โต้ง” ต้องหลบลี้หนีภัย “เผด็จการทหารกลุ่มนั้น” จากไทยไปใช้ชีวิตอยู่ “เมืองผู้ดี” พักใหญ่ เพื่อความปลอดภัย

ห้วงนั้นผมไม่ได้ติดต่อกับ “จารย์โต้ง” เลย เพราะนอกจากผมต้องทำเรื่องเวียดนามแล้ว ยังต้องทำงานในบริษัท “โมเดิร์นเพรส” กับ “อ.ธนพล วัฒนกุล ”เพื่อนคนหนึ่ง ที่เป็นนักออกแบบสิ่งพิมพ์มากมายสารพัด โดยเฉพาะได้ออกแบบปฏิทินให้ธนาคารหลายแห่ง จนได้รับรางวัล “สุริยศศิธร” จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทยหลายครา..

บริษัทโมเดิร์นเพรสนี่แหละ เป็นบริษัทคนไทยแห่งแรกที่ร่วมมือกับเวียดนาม โดย “พีรพล ตริยะเกษม” ประสานให้ผมนำตากล้องคนเก่ง “สิงห์คม บริสุทธิ์” จากกรมศิลปากร เดินทางไปถ่าย “นางแบบเวียดนาม” หลายคน เพื่อทำปฏิทินแจกจ่ายให้กับชาวเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม..กลางปี 2535 “น้าชาติ” กับ “จารย์โต้ง” เดินทางจากอังกฤษกลับไทย โดยผมทราบข่าวว่า “จารย์โต้ง” มีภรรยา “อโณทัย จิตราวัฒน์” แล้ว

แม้ผมจะไม่ได้ติดต่อกับ “จารย์โต้ง”โดยตรง แต่เราสองคนก็รู้ข่าวคราวกันและกันผ่านเพื่อนๆว่า พวกเรากำลังติดตามการชุมนุมที่นำโดย “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” ขับไล่รัฐบาลตระบัดสัตย์ “นายกฯพล.อ.สุจินดา คราประยูร” อย่างใกล้ชิด..

ครั้งนั้น..ผมได้ประสานงานกับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้ง “สื่อในเครือผู้จัดการ” ซึ่งเป็นสื่อหัวหอกหลัก ที่ต่อสู้อย่างกล้าหาญตรงไปตรงมา เปิดโปงความเลวร้ายของรัฐบาล “เผด็จการบิ๊กสุ”

ทำให้ “นายกฯ เผด็จการทหารบิ๊กสุ”กับพวกพ้อง ไม่พอใจ “พี่สนธิ” อย่างรุนแรง ถึงขนาดมี “สื่อรุ่นใหญ่”คนหนึ่ง เสนอความเห็นต่อ “ทหารใหญ่คนหนึ่งใน รสช.”ว่า “คนอย่างสนธิไม่กลัวตำรวจกับทหาร” ต้องให้ “เจ้าของบ่อนแห่งหนึ่ง” ส่งนักเลง “เก็บ” สนธิโดยเร็วที่สุด..

“พี่สนธิ”ได้เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า มี “ผู้หวังดี” บอกว่า “เผด็จการ รสช.เอาจริงนะ” และถึงขั้นจะปลิดชีวิต “พี่สนธิ” โดย “ผู้หวังดี”ได้ขอร้องให้ “พี่สนธิ” หลบออกไปอยู่นอกประเทศชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยจากอำนาจเผด็จการทหารกลุ่มนี้

ครั้งนั้น “พี่อ๋า-ธัญญา ชุนชฎาธาร” กับผม ได้ไปพบกับ “พี่สนธิ”ที่ โรงแรมรามาการ์เด้น และได้รับเช็คเงินสดจำนวน 2 ล้านบาทจาก“พี่สนธิ” เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการต่อสู้กับรัฐบาล “เผด็จการบิ๊กสุ” จากนั้น “พี่สนธิ” ก็ขึ้นเครื่องบินไปเมืองมะกันทันที

เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง “พี่สนธิ” ได้โทรทางไกลมาคุยกับผมด้วยความห่วงใยว่า “ชัช..ถ้าเงินไม่พอ..พี่ยังมีอีกห้าร้อยล้านบาท เบิกใช้ได้เลย..พวกเราต้องสู้ อย่ายอมแพ้นะโว้ย..”

“เผด็จการบิ๊กสุ”..ได้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม ซ้ำร้ายไม่ทำดีเพื่อชาติและประชาชน แม้นอำนาจใหญ่โตที่มีกองทัพไทยหนุนหลัง แต่ไร้ความมั่นคง อำนาจจึงง่อนแง่น เพราะไม่มีประชาชนเป็น “ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก” ช่วยปกป้องรักษา “คณะ รสช.” และรัฐบาล “นายกฯ บิ๊กสุ”

การชุมนุมต่อสู้อันชอบธรรมที่นำโดย “พล.ต.จำลอง” กลับได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางทั่วไทย รวมทั้ง “ส.ส.ในสภา” โดยเฉพาะ“ส.ส.เทิดภูมิ ใจดี”อดีตผู้นำแรงงานไทย เพื่อนอีกคนหนึ่งของผม ก็เดินหน้าเคียงคู่กับเพื่อน สส. โดยมี “บิ๊กจิ๋ว-พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ กระโดดออกมาต่อสู้อยู่นอกสภาอย่างต่อเนื่องด้วย..

อืม..งานนี้ “จารย์โต้ง” หนุนสู้อย่างเต็มที่ อยู่ที่บ้าน! ผมกับเพื่อนๆ หนุนสู้ “เผด็จการทหาร” เต็มตัว อยู่นอกบ้าน..

ส่วน “พล.ต.จำลอง” กับเพื่อนพ้องน้องพี่ นำมวลชนผู้รักชาติ ต่อสู้อย่างห้าวหาญจริงจังชนิดไม่กลัวตาย บนถนนราชดำเนิน..

อำนาจอธรรม “รสช.” จากปากกระบอกปืน สืบทอดอำนาจผ่านการเลือกตั้งสกปรก..กำลัง “ชะตาขาด” แล้ว..

..โปรดติดตามอ่านต่อฉบับหน้า..



กำลังโหลดความคิดเห็น