ด้วยเหตุเพราะเรื่องประเภท “เบาๆ-สบายๆ” มันออกจะเป็นอะไรที่หายาก หาเย็น เสียเหลือเกิน...สำหรับโลกยุคนี้ กระทั่งแค่เรื่อง “ลิง” ปีนต้นมะพร้าว-เก็บมะพร้าว ยังต้องกลายเป็นเรื่องระดับหนักหนาสาหัส สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา หรือสำหรับ “กะทิไทย” ไปจนได้ ตามมุมมองและทัศนคติของ “สุนัขพูเดิล” อย่างอังกฤษ ดังนั้น...ปิดฉากสัปดาห์นี้ คงต้องลองไปหาเรื่อง “แปลกๆ” มาพูดจาว่ากล่าว ไปพลางๆ ก็แล้วกัน...
คือสำหรับเรื่องประเภทแปลกๆ ในช่วงนี้...คงไม่มีอะไรน่าสนใจเกินไปกว่า “เหตุการณ์แปลกๆ” ที่อุบัติขึ้นมาในประเทศ “คู่กัด” ของคุณพ่ออเมริกาและอิสราเอล นั่นคือประเทศ “อิหร่าน” นั่นแหละทั่น ที่ช่วงหลังๆ นี้ ชักเกิดอุบัติเหตุโน่นๆ นี่ๆ กลายเป็นข่าวคราวพาดหัวของสำนักข่าวต่างประเทศหลายต่อหลายครั้ง และค่อนข้างไม่อาจหาคำตอบ คำอธิบาย ได้ถนัดชัดเจนมากมายสักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์โรงงานไฟฟ้า “Az-Zarqan” ในจังหวัด “Ahwaz” เกิดอุบัติเหตุจนต้องหยุดแจกจ่ายพลังงานขึ้นมาดื้อๆ เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ขึ้นที่โรงพยาบาล “Sina Athar Medical Clinic” กลางกรุงเตหะราน มีคนตายไปถึง 19 ราย บาดเจ็บอีกมากมายเยอะแยะ ตามด้วยเหตุการณ์ที่จู่ๆก็เกิด “ถังแก๊สระเบิด” ขึ้นแถวๆ บริเวณพื้นที่ทางทหาร ที่เรียกๆ กันว่า “Parchin area” ด้านตะวันออกของกรุงเตหะราน จนล่าสุด...เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็เกิด “เหตุการณ์ลึกลับ” ขึ้นที่โรงงานนิวเคลียร์ “Natanz” ซึ่งอยู่ห่างไปจากกรุงเตหะรานประมาณ 250 กิโลเมตร และถือเป็นกุญแจสำคัญของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน หรือเป็นพื้นที่ตั้งของเครื่องหมุนเหวี่ยงอนุภาคยูเรเนียม ที่ช่วยให้เกิดกระบวนการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน อันเป็นที่หวาดหวั่นขวัญสยอง ต่อศัตรูคู่กัดของอิหร่านมาโดยตลอด...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ เกิด “ทฤษฎีสมคบคิด” ขึ้นมาในหลายรูป หลายแบบ แม้ว่าทางการอิหร่านจะพยายามออกมาสรุป ว่าเป็นเพียงแค่ “อุบัติเหตุ” ธรรมดาๆ ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย ต่อบรรดาชาวอิหร่านทั้งหลายมากมายสักเท่าไหร่นัก แม้แต่ “ความลึกลับ” ที่เกิดขึ้นต่อโรงงานนิวเคลียร์ “Natanz” ก็ตาม ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้กระบวนการยกระดับ เพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ต้องสะดุดหยุดยั้งลงไปก็หาไม่ ส่วนบรรดาความลึกลับทั้งหลาย ก็เป็นเรื่องที่อิหร่านกำลังดำเนินการหาคำตอบ คำอธิบาย ว่ามันมีที่มา-ที่ไปจากอะไรกันแน่ โดยที่ยังไม่คิดจะสรุป ไม่คิดจะ “ฟันธง” ลงไป ว่าเป็นการวินาศกรรม การโจมตีด้วยสงครามไซเบอร์ ไม่ว่าจากใครต่อใครก็แล้วแต่ แม้จะมีกลุ่มที่ออกมาอ้างตัวว่าเป็นผู้ลงมือเล่นงานโรงงานนิวเคลียร์แห่งนี้ ด้วยการส่งแถลงการณ์ไปยังสำนักข่าวอังกฤษ อย่าง “BBC” เรียกขานตัวเองว่า “เสือร้ายแห่งมาตุภูมิ” หรือ “Cheetahs of the Homeland” ไปโน่นเลย...
และย่อมแน่ล่ะว่า...เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เกิดความพินาศฉิบหายขึ้นมาภายในประเทศอิหร่าน ผู้ที่มักถูกหันไปมอง หันไปเพ่งเล็ง คงหนีไม่พ้นไปจากศัตรูคู่กัดของอิหร่าน อย่างคุณพี่ “อิสราเอล” นั่นเอง แม้ว่า “นายกรัฐมนตรีตัวเลือก” และรัฐมนตรีกลาโหม แห่งพรรค “ฟ้า-ขาว” อย่างนายพล “เบนนี แกนตซ์” ท่านจะออกมาให้ความเห็นอย่างค่อนข้างจะมี “วุฒิภาวะ” ไม่น้อยทีเดียว คือบอกว่า “อะไรก็ตาม...ที่เกิดขึ้นในอิหร่าน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับอิสราเอลเสมอไป” อะไรประมาณนั้น แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังเกิดการโหมฟืน โหมไฟ เกิดการจับแพะมาชนแกะ ตามแบบฉบับของ “ทฤษฎีสมคบคิด” ทั้งหลาย เกิดการแพร่ข่าว กระจายข่าว ที่สำนักข่าวทางการอิหร่าน อย่าง “MNA” ต้องรีบออกมาปฏิเสธว่าล้วนแล้วแต่เป็น “ข่าวปลอม” หรือ “Fake News” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าข่าวที่ถูกเผยแพร่โดยทีวีช่อง 12 ของอิสราเอล ที่อ้าง “แหล่งข่าว” ในตะวันออกกลาง ว่ารัฐบาลอิหร่านกำลังคิดแก้แค้น-เอาคืน ด้วยการวางแผนโจมตี “สถานทูตอิสราเอล” ณ ประเทศใด ประเทศหนึ่ง ที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยให้เป็นที่แน่ชัด หรือ “The Times of Israel” ที่อ้างแหล่งข่าวในหน่วยข่าวกรอง “Mossad” ว่าการโจมตีสถานทูตอิสราเอล อันเนื่องจากแรงจูงในการคิดจะแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่าน กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ฯลฯ ฯลฯ...
สรุปเอาเป็นว่า...แม้จะเป็นเรื่องราวที่ผิดแผกแตกต่างไปจากเรื่อง “ลิงเก็บมะพร้าว” อยู่พอสมควร แต่ก็ได้ก่อให้เกิดความร้อนแรง ความดุเดือดเลือดพล่าน ในลักษณะที่ไม่ถึงกับต่างไปจากกันสักเท่าไหร่ คือก่อให้เกิดความเกลียด ความโกรธ ความตึงเครียด กันไปในแต่ละระดับ โดยสำหรับระดับไทยๆ นั้น แค่พอได้ด่ากลับ ได้ระบายอะไรต่อมิอะไรออกไปซะบ้าง ก็คงไม่ได้มีอะไรมากมายเกินไปกว่านี้ แต่สำหรับระดับภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เต็มไปด้วยสงครามและการล้างผลาญซึ่งกันและกันมาโดยตลอด บรรดาข่าวแปลกๆ หรือเหตุการณ์แปลกๆ เหล่านี้ จะนำไปสู่อะไรอีกต่อไป ก็ยังยากส์ส์ส์ที่จะคาดคะเนได้...
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ถึงแม้จะไม่เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ข่าวแปลกๆ ขึ้นมาในประเทศอิหร่านช่วงนี้ก็ตาม แนวโน้มที่จะเกิดความร้อนแรง ความดุเดือดเลือดพล่าน อุบัติขึ้นมาในภูมิภาคตะวันออกลางอีกไม่นานนับจากนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ อันเนื่องมาจากถือเป็นช่วงจังหวะเวลา ที่รัฐบาลแห่งชาติอิสราเอล ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” กำลังพยายาม “เราจะทำตามสัญญา...ขอเวลาอีกไม่นาน” หรือกำลังคิดผนวกดินแดนเวสต์ แบงก์ หรือพื้นที่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของหุบเขาจอร์แดน ให้มาเป็นส่วนหนึ่งในอำนาจอธิปไตยของอิสราเอลให้จงได้ โดยมีรัฐบาลอเมริกันของ “ทรัมป์บ้า” คอยถือท้าย ให้ท้าย อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ ตาม “แผนสันติภาพอเมริกา” หรือตาม “ข้อตกลงแห่งศตวรรษ” ก็แล้วแต่จะเรียก โดยได้ขีดเส้นตายไว้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป...
การผนวกดินแดนในลักษณะดังกล่าว...จะมีโอกาสสำเร็จไปตามจุดมุ่งหมาย หรือตามคำสัญญาของนาย “เนทันยาฮู” หรือไม่ เพียงใด? ก็ยังยากที่จะสรุปได้ เพราะไม่เพียงแต่ภายในรัฐบาลแห่งชาติ ยังไม่ได้เกิดความเห็นที่เป็นเอกภาพในเรื่องราวเหล่านี้เท่านั้น โดยเฉพาะในหมู่คณะรัฐมนตรีแห่งพรรค “ฟ้า-ขาว” ที่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จากการ “หักพร้าด้วยด้ามเข่า” ของนายกรัฐมนตรีแห่งพรรคลิคุด อย่างนาย “เนทันยาฮู” จนอาจส่งผลให้ประเทศอิสราเอลต้องย้อนกลับไปเป็น “ศัตรู” กับประเทศอย่างอียิปต์ จอร์แดน ฯลฯ ขึ้นมาอีกจนได้ แต่ด้วยเหตุเพราะการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ของรัฐบาลอเมริกันผู้สนับสนุนแผนการเหล่านี้ ไม่ว่าพิษไวรัสเมืองจีน พิษเศรษฐกิจ ไปจนถึงการประท้วงของชาวอเมริกันด้วยกันเอง ชนิดไม่ไล่-ไม่เลิก จึงทำให้โอกาสที่บีบบังคับให้โลกทั้งโลก ต้องยอมศิโรราบต่อ “Pax Americana” หรือสันติภาพตามแบบฉบับอเมริกัน ยิ่งยากลำบากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เพราะแม้แต่ “สุนัขพูเดิลของอเมริกา” อย่างอังกฤษก็ตาม ยังออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเลื่อนการคิดจะผนวกดินแดนของชาวปาเลสไตน์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด...
และที่หนักยิ่งไปกว่านั้นก็คือ...ถ้านายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังคิดจะ “เดินหน้า” ต่อไป โดยไม่ฟังคำเตือนของใครต่อใครก็แล้วแต่ โอกาสที่จะต้องเจอกับ “จรวดฮามาส” “จรวดเฮซบอลเลาะห์” นับหมื่นๆ แสนๆ ลูก ที่พร้อมจะสาดเข้าใส่ประเทศอิสราเอลทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่เฉพาะสถานทูตอิสราเอลในประเทศหนึ่งประเทศใดเท่านั้น ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้ศัตรูคู่กัดอย่างอิหร่าน ที่แอบสร้าง “เมืองจรวด” เอาไว้เต็มบ้าน เต็มเมือง ลงมือเองเอาเลยก็ยังได้ ดังนั้น...ไม่ว่าเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นในอิหร่าน จะมีที่มา-ที่ไปเช่นไร แต่บทสรุปสุดท้ายของ “สงครามและสันติภาพ” ก็คงขึ้นอยู่กับความเป็นไปตามข้อเท็จจริง หรือการ “ยอมรับความจริง” ของประเทศในตะวันออกกลางอย่างอิสราเอล นั่นเอง...