ซูเปอร์โพลชี้ประชาชนยังสนับสนุน "ลุงตู่" ในการแก้ปัญหาวิกฤตประเทศ พร้อมยังให้ความเชื่อมั่นทีมเศรษฐกิจชุดเดิม มากกว่าทีมที่พรรคพปชร. เปิดตัวมาใหม่ แนะนายกฯ ทำการเมืองใหม่ ที่ไม่แย่งตำแหน่ง ไม่ทรยศ ไม่เสร็จนาฆ่าโคถึก
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่อง ถ้าวันนี้เลือกตั้งพรรคใดชนะ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,075 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ค. พบว่าร้อยละ 47 ติดตามข่าวการเมืองบ่อยๆ ถึงบ่อยที่สุด , ร้อยละ 34.9 ระบุติดตามน้อย และ ร้อยละ 18.1 ไม่ได้ติดตามเลย
ทั้งนี้พบว่าความเชื่อมั่นของประชาชน ภายหลังจากที่พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยคนที่จะให้ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 67.3 ระบุ แย่ลงกว่าทีมเดิม ในขณะที่ ร้อยละ 32.7 ระบุว่า ดีกว่าทีมเดิมตามลำดับ
เมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาวิกฤตต่างๆ ของประเทศและประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.9 สนับสนุน ในขณะที่ร้อยละ 43.1 ไม่สนับสนุน
เมื่อถามถึง ส.ส.ของพรรคการเมืองที่เคยเลือกในการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 62 พบว่า ร้อยละ18.9 ระบุ พรรคเพื่อไทย , ร้อยละ 16.6 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ , ร้อยละ 15.1 ระบุ พรรคอนาคตใหม่ , ร้อยละ 11.7 ระบุ พรรคประชาธิปัตย์ , ร้อยละ 7.2 ระบุ พรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 2.6 ระบุ พรรคชาติไทยพัฒนา ตามลำดับ
แต่เมื่อถามถึงส.ส.ของพรรคการเมืองที่จะเลือก ถ้าวันนี้เลือกตั้งพบว่า ร้อยละ 16.7 จะเลือกพรรคก้าวไกล เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากพรรคอนาคตใหม่ชื่อเดิมรองลงมาคือร้อยละ 15.7 ระบุ พรรคเพื่อไทย ลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ร้อยละ 8.7 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ และ ร้อยละ 8.3 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทั้ง 2 พรรค ได้รับความนิยมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ได้ร้อยละ 6.0 อย่างไรก็ตาม จำนวนมากหรือร้อยละ 41.2 ระบุอื่นๆ เช่น ต้องการเลือกพรรคการเมืองที่ทำ“การเมืองใหม่”และบางส่วนจะเลือกพรรคการเมืองอื่นๆ ตามลำดับ
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชี้ให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดๆ กลับกลายเป็นผลดี ที่ทำให้สามารถเลือกใช้บริการพรรคการเมืองต่างๆได้ โดยจะใช้บริการพรรคการเมืองแบบเก่าที่กำลังจะไปไม่รอด หรือพรรคการเมืองที่เป็น “การเมืองใหม่”ที่ประชาชนกำลังอยากลอง ถึงแม้ยังไม่เคยทำงาน แต่พูดเก่ง มีลีลาโดนใจ ถ้าถึงเวลานั้นนายกรัฐมนตรี ยังเป็นที่นิยมอยู่คงต้องเปลี่ยนการใช้บริการพรรคการเมืองที่เป็นฐานวิถีชีวิตการเมืองใหม่ (New Normal)ได้แท้จริงที่ไม่ใช่พรรคการเมืองกลุ่มเดิมนี้แล้ว และตอนนั้น 3 ป.จะเหลือใครบ้างน่าติดตาม
นิด้าโพลชี้"นฤมล"ยังมือไม่ถึง
ด้าน"นิด้าโพล"เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง"ปรับ ครม." โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.63 จากประชาชนทุกภูมิภาคของประเทศรวม 1,251 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.09 ระบุว่าอยากให้นายกฯปรับครม. ทั้งคณะเพราะการบริหารงานที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ยังไม่มีผลงานให้เห็นเด่นชัด และอยากให้ท่านอื่นลองเข้ามาบริหารบ้าง รองลง มาร้อยละ 39.89 ระบุว่า ควรปรับครม. บางตำแหน่ง เพราะบางตำแหน่งยังทำงานไม่ตรงกับตำแหน่งที่ได้รับ อยากได้บุคคลเข้ามาทำงานเหมาะสมกับตำแหน่ง ,ขณะที่ ร้อยละ 16.95 ระบุว่า ยังไม่ถึงเวลาปรับครม. เพราะอยากให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19หมดจากประเทศก่อน
เมื่อพิจารณาถึงตัวบุคคล พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.76 ระบุว่า นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ควรถูกปรับออกจากตำแหน่งเพราะการบริหารงานมีความล่าช้า ผลงานยังไม่มีความโดเด่น ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับ รองลงมาร้อยละ 38.61 ระบุว่า ไม่ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะการทำงานดีอยู่แล้ว นโยบายช่วยเหลือประชาชนดี ควรให้โอกาสในการดำรงตำแหน่งต่อไปก่อน ส่วนร้อยละ 14.95 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
สำหรับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.17 ระบุว่า ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะไม่มีผลงานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ อยากได้บุคคลที่ตรงกับตำแหน่งเข้ามาทำงานมากกว่า รองลงมาร้อยละ 36.05 ระบุว่า ไม่ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะผลงานที่ผ่านมายังดีอยู่ อยากให้โอกาสอยู่ในตำแหน่งต่อเพื่อดูผลงานต่อไป , ร้อยละ 19.26 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
ส่วน ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.73 ระบุว่า ไม่ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ควรให้โอกาสในการดำรงตำแหน่งต่อไปก่อน รองลงมา ร้อยละ 36.45 ระบุว่า ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะผลงานยังไม่มีความโดดเด่นเท่าที่ควร ไม่มีการพัฒนา ไม่มีประสิทธิภาพ , ร้อยละ 20.78 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่พรรคพลังประชารัฐ จะให้ดูแลด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.44 ระบุว่า ไม่เหมาะสม เพราะยังขาดประสบการณ์การทำงานทางด้านเศรษฐกิจ ผลงานยังไม่มีความโดดเด่นเท่าที่ควร และการทำงานยังสู้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนเดิมไม่ได้ รองลงมา ร้อยละ 32.45 ระบุว่า เหมาะสม เพราะมีความสามารถในการแจกแจงปัญหาได้ชัดเจน มีเหตุมีผล และอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ดีขึ้น , ร้อยละ 17.11 ระบุว่า ไม่แน่ใจ
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่อง ถ้าวันนี้เลือกตั้งพรรคใดชนะ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,075 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ค. พบว่าร้อยละ 47 ติดตามข่าวการเมืองบ่อยๆ ถึงบ่อยที่สุด , ร้อยละ 34.9 ระบุติดตามน้อย และ ร้อยละ 18.1 ไม่ได้ติดตามเลย
ทั้งนี้พบว่าความเชื่อมั่นของประชาชน ภายหลังจากที่พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยคนที่จะให้ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 67.3 ระบุ แย่ลงกว่าทีมเดิม ในขณะที่ ร้อยละ 32.7 ระบุว่า ดีกว่าทีมเดิมตามลำดับ
เมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาวิกฤตต่างๆ ของประเทศและประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.9 สนับสนุน ในขณะที่ร้อยละ 43.1 ไม่สนับสนุน
เมื่อถามถึง ส.ส.ของพรรคการเมืองที่เคยเลือกในการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 62 พบว่า ร้อยละ18.9 ระบุ พรรคเพื่อไทย , ร้อยละ 16.6 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ , ร้อยละ 15.1 ระบุ พรรคอนาคตใหม่ , ร้อยละ 11.7 ระบุ พรรคประชาธิปัตย์ , ร้อยละ 7.2 ระบุ พรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 2.6 ระบุ พรรคชาติไทยพัฒนา ตามลำดับ
แต่เมื่อถามถึงส.ส.ของพรรคการเมืองที่จะเลือก ถ้าวันนี้เลือกตั้งพบว่า ร้อยละ 16.7 จะเลือกพรรคก้าวไกล เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากพรรคอนาคตใหม่ชื่อเดิมรองลงมาคือร้อยละ 15.7 ระบุ พรรคเพื่อไทย ลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ร้อยละ 8.7 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ และ ร้อยละ 8.3 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทั้ง 2 พรรค ได้รับความนิยมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ได้ร้อยละ 6.0 อย่างไรก็ตาม จำนวนมากหรือร้อยละ 41.2 ระบุอื่นๆ เช่น ต้องการเลือกพรรคการเมืองที่ทำ“การเมืองใหม่”และบางส่วนจะเลือกพรรคการเมืองอื่นๆ ตามลำดับ
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชี้ให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดๆ กลับกลายเป็นผลดี ที่ทำให้สามารถเลือกใช้บริการพรรคการเมืองต่างๆได้ โดยจะใช้บริการพรรคการเมืองแบบเก่าที่กำลังจะไปไม่รอด หรือพรรคการเมืองที่เป็น “การเมืองใหม่”ที่ประชาชนกำลังอยากลอง ถึงแม้ยังไม่เคยทำงาน แต่พูดเก่ง มีลีลาโดนใจ ถ้าถึงเวลานั้นนายกรัฐมนตรี ยังเป็นที่นิยมอยู่คงต้องเปลี่ยนการใช้บริการพรรคการเมืองที่เป็นฐานวิถีชีวิตการเมืองใหม่ (New Normal)ได้แท้จริงที่ไม่ใช่พรรคการเมืองกลุ่มเดิมนี้แล้ว และตอนนั้น 3 ป.จะเหลือใครบ้างน่าติดตาม
นิด้าโพลชี้"นฤมล"ยังมือไม่ถึง
ด้าน"นิด้าโพล"เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง"ปรับ ครม." โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.63 จากประชาชนทุกภูมิภาคของประเทศรวม 1,251 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.09 ระบุว่าอยากให้นายกฯปรับครม. ทั้งคณะเพราะการบริหารงานที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ยังไม่มีผลงานให้เห็นเด่นชัด และอยากให้ท่านอื่นลองเข้ามาบริหารบ้าง รองลง มาร้อยละ 39.89 ระบุว่า ควรปรับครม. บางตำแหน่ง เพราะบางตำแหน่งยังทำงานไม่ตรงกับตำแหน่งที่ได้รับ อยากได้บุคคลเข้ามาทำงานเหมาะสมกับตำแหน่ง ,ขณะที่ ร้อยละ 16.95 ระบุว่า ยังไม่ถึงเวลาปรับครม. เพราะอยากให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19หมดจากประเทศก่อน
เมื่อพิจารณาถึงตัวบุคคล พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.76 ระบุว่า นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ควรถูกปรับออกจากตำแหน่งเพราะการบริหารงานมีความล่าช้า ผลงานยังไม่มีความโดเด่น ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับ รองลงมาร้อยละ 38.61 ระบุว่า ไม่ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะการทำงานดีอยู่แล้ว นโยบายช่วยเหลือประชาชนดี ควรให้โอกาสในการดำรงตำแหน่งต่อไปก่อน ส่วนร้อยละ 14.95 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
สำหรับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.17 ระบุว่า ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะไม่มีผลงานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ อยากได้บุคคลที่ตรงกับตำแหน่งเข้ามาทำงานมากกว่า รองลงมาร้อยละ 36.05 ระบุว่า ไม่ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะผลงานที่ผ่านมายังดีอยู่ อยากให้โอกาสอยู่ในตำแหน่งต่อเพื่อดูผลงานต่อไป , ร้อยละ 19.26 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
ส่วน ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.73 ระบุว่า ไม่ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ควรให้โอกาสในการดำรงตำแหน่งต่อไปก่อน รองลงมา ร้อยละ 36.45 ระบุว่า ควรถูกปรับออกจากตำแหน่ง เพราะผลงานยังไม่มีความโดดเด่นเท่าที่ควร ไม่มีการพัฒนา ไม่มีประสิทธิภาพ , ร้อยละ 20.78 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่พรรคพลังประชารัฐ จะให้ดูแลด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.44 ระบุว่า ไม่เหมาะสม เพราะยังขาดประสบการณ์การทำงานทางด้านเศรษฐกิจ ผลงานยังไม่มีความโดดเด่นเท่าที่ควร และการทำงานยังสู้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนเดิมไม่ได้ รองลงมา ร้อยละ 32.45 ระบุว่า เหมาะสม เพราะมีความสามารถในการแจกแจงปัญหาได้ชัดเจน มีเหตุมีผล และอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ดีขึ้น , ร้อยละ 17.11 ระบุว่า ไม่แน่ใจ