xs
xsm
sm
md
lg

จาก USSR ถึง USA

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


Nicolas Baverez นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องแวะไปดูอาการคุณพ่ออเมริกากันอีกนั่นแหละทั่น!!! เพราะยิ่งนับวัน ยิ่งออกอาการระดับหนักหนาสาหัสยิ่งเข้าไปทุกที ชนิดแทบไม่ต้องเสียเวลาไปพูดถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีช่วงอีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะไม่ว่าใครชนะ ใครแพ้ ใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันก็แล้วแต่ เผลอๆ...อาจต้องกลายเป็น “ประธานาธิบดีคนสุดท้าย” แห่งประเทศ “United States of America” อย่างที่ว่าเอาไว้เมื่อวานนี้ เอาเลยก็ไม่แน่!!!

เพราะแม้แต่คอลัมนิสต์ชั้นแนวหน้าของฝรั่งเศส นักประวัติศาสตร์ระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยปารีส อย่าง “นายนิโคลัส เบเวอเรซ” (Nicolas Baverez) ยังถึงกับต้องออกมาวิเคราะห์ ออกมาทำนายทัก เอาไว้ในข้อเขียน บทความ ในหนังสือพิมพ์ “Le Figaro” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าแนวโน้มที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ “USA” อันประกอบไปด้วยรัฐต่างๆ ประมาณ 50 รัฐนั้น เอาไป-เอามาแล้ว...อาจต้องแตกดังโพล๊ะ หรืออาจต้องย่อยแยกแตกกระจาย แบบเดียวกับฉากเหตุการณ์ ฉากสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศ “USSR” หรือประเทศอดีต “สหภาพโซเวียต รัสเซีย” เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว ชนิดเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

โดยไล่เรียงให้เห็นถึง “วิกฤต” ต่างๆ ที่กำลังประเดประดังเข้าใส่ประเทศอภิมหาอำนาจสูงสุดรายนี้ รวมประมาณ 4 ดอกด้วยกัน และแต่ละดอก ล้วนแล้วแต่หนักหนาสาหัสไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่า 1. วิกฤตอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมืองจีน หรือเชื้อ “COVID-19” ที่ทำให้อเมริกันชนตายไปแล้วเป็นแสนๆ และไม่มีทีท่าว่าจะเลิกตาย มีแต่จะ “ตาย...กับ...ตาย” เพิ่มขึ้นไปอีกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ 2. วิกฤตคนว่างงาน ที่พุ่งขึ้นไปในระดับปรอทแตก คือปาเข้าไปไม่น้อยกว่า 45 ล้านคนเป็นอย่างน้อย สูงกว่ายุค “The Great Depression” ไปแล้วไม่รู้กี่ช่วงตัว 3. วิกฤตเศรษฐกิจ ที่ทำเอามูลค่าความเสียหายของระบบทั้งระบบพังไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6.5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ไปจนถึง 4. วิกฤตการประท้วง ที่ดุเดือด รุนแรง ไม่น้อยไปกว่ายุคซิกส์ตี้ หรือช่วงปี ค.ศ. 1960...

เผลอๆ...อาจจะหนักซะยิ่งกว่า เพราะไม่เพียงการลุกฮือจะแพร่ระบาดไปทั่วทั้ง 50 รัฐ ลักษณะการก่อความวุ่นวายในแต่ละจุด แต่ละพื้นที่ ยังออกไปทางเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ไม่ได้มีหลัก มีฐาน มีอุดมคติ อุดมการณ์ เหมือนอย่างพวกฮิปปี้เมื่อครั้งอดีต ที่อย่างน้อย...ก็ยังใฝ่ใจในสันติภาพ ยัง “เมค เลิฟ นอท วอร์” ไม่ถึงกับออกอาการรุนแรง สุดโต่ง สุดสวิง เท่ากับยุคนี้ ที่ไม่เพียงแต่จะตามไป “รื้ออนุสาวรีย์” ใครต่อใครที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเหยียดผิว เหยียดเผ่าพันธุ์ ลงมานอนกลิ้ง นอนหงาย ไปเป็นแถบๆ กระทั่งอนุสาวรีย์ของผู้ที่ยอมเสียเลือด เสียเนื้อ เพื่อต่อต้านการค้าทาส อย่างอนุสาวรีย์พันเอก “Han Christian Heg” ผู้อพยพชาวนอร์เวย์ ที่ตายในระหว่างทำสงครามกับทหารฝ่ายใต้ ยังถูกลูกหลง ถูกรื้อ ถูกโค่น ลงมาซะดื้อๆ...

ส่วน “เขตปกครองตนเอง” ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยบรรดาผู้ประท้วงบางกลุ่ม บางราย ก็สร้างความเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ไม่น้อยไปกว่ากัน เห็นข่าวแวบๆ...ว่านักข่าวญี่ปุ่นบางราย ที่อยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเขตพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งสันติภาพ ไม่ได้ดุเดือด รุนแรง สุดสวิงริงโก้ เหมือนอย่างที่ใครจินตนาการกันไปเอง โดยตัดสินใจโผล่เข้าไปถ่ายวิดีโอในอาณาเขตของพวก “CHAZ” หรือ “Capitol Hill Autonomous Zone” เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เป็นอันต้องเผ่นหนีจากการถูกรุมกระทืบ ในสภาพที่ฟกช้ำดำเขียว มิใช่น้อย แต่ก็นั่นแหละ...ยิ่งคิดจะใช้ “อำนาจ” ใช้กำลังทหาร หรือกำลังใดๆ ก็แล้วแต่ เข้าไปปราบ ไปกระชับพื้นที่ ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดการลุกลามบานปลาย หรือเกิดบรรยากาศแบบ “สงครามกลางเมือง” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ด้วยเหตุเพราะบรรยากาศทำนองนี้ ได้ถูกนิรมิตร สร้างสรรค์ เอาไว้ด้วยตัวประธานาธิบดีอเมริกันคนปัจจุบัน มาตั้งแต่เริ่มต้นหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และตลอดช่วงระยะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเอาเลยก็ว่าได้...

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ “นายนิโคลัส เบเวอเรซ” เลยมองไปไกลถึงขั้นว่า โอกาสที่ประเทศ “USA” อาจต้องเจอกับจุดจบแบบเดียวกับอดีตประเทศ “USSR” จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ แม้ผู้นำประเทศอย่าง “ทรัมป์บ้า” อาจกลับมาเป็นประธานาธิบดีได้อีกสมัย อันเนื่องมาจากความอ่อนปวกเปียกของ “Sleepy Joe” หรือ “โจ ไบเดน” คู่แข่ง คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งพรรคเดโมแครต แต่ด้วย “วิกฤต” ที่กำลังเกิดขึ้นและกำลังตามมาอีกไม่รู้กี่ดอก ต่อกี่ดอก ล้วนแล้วแต่เป็นวิกฤตที่ยากเอามากๆ ที่จะใช้แค่อำนาจ ความเก่ง ความฉลาดของผู้นำ ซึ่งไม่ได้เหลือติดปลายนวมไว้เลยแม้แต่น้อย ช่วยให้เกิดความคลี่คลาย หรือทุเลา เบาบาง ลงไปได้มั่ง...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...มันออกไปทาง “กรรม” ของประเทศ ของสังคมอเมริกันเอาเลยก็ว่าได้ แถมกรรมที่ว่า...ยังมีลักษณะออกไปทาง “ติดจรวด-ติดเทอร์โบ” ซะอีกต่างหาก อย่างที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับอดีตประธาน “Morgan Stanley” แห่งภูมิภาคเอเชีย อย่าง “นายStephen Roach” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการ “Market Watch” ไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นแหละว่า แนวโน้มที่บทบาทอิทธิพลของ “เงินดอลลาร์” อันถือเป็นพลังอำนาจ เป็นสิ่งที่สร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ให้กับประเทศสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด จะเกิดการเสื่อมค่า เสื่อมอิทธิพล หรือหมดบทบาทไปจากระบบการเงินโลกในอนาคตข้างหน้านั้น กำลังเป็นไปในระดับความเร็วแบบ “Warp Speed” หรือแบบความเร็วของยานอวกาศในหนังสตาร์ เทค เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยมี “วิกฤต” ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐฯ นั่นแหละ เป็นตัวลั่นไก หรือเป็นตัวก่อให้เกิดสภาพความเร็วทำนองนี้...

จริง-ไม่จริง...ก็คงต้องไปนั่งคิด นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน แต่ถ้าลองนึกๆ ถึงความพยายามอัดฉีด ความพยายามพิมพ์เงินดอลลาร์เข้าสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกามาโดยตลอด ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “FED” ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วโน่นเลย ตามด้วยเดือนมกรา-กุมภาฯ อีกไม่รู้กี่ล้านล้าน ต่อกี่ล้านล้านดอลลาร์ ช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ หรือช่วงที่เชื้อไวรัสเริ่มต้นแพร่ระบาดในอเมริกา ก็พิมพ์ไปแล้วถึง 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ มาถึงเดือนมิถุนายนเดือนนี้ ยังต้องพิมพ์ ต้องอัดเข้าไปในระบบอีกถึง 7.2 ล้านล้านดอลลาร์ โอกาสที่เงินดอลลาร์จะกลายสภาพเป็น “แบงก์กงเต๊ก” จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

คือถ้าหากมันเป็นไปแบบลักษณะ “ค่อยเป็น-ค่อยไป” ยังไม่ถึงกับน่าขนลุก ขนพอง น่าสยดสยองมากมายสักเท่าไหร่ เพราะโลกทั้งโลกที่คุ้นชินอยู่กับเงินดอลลาร์ ที่ยังพร้อมเก็บเอาไว้เป็นเงินทุนสำรอง ก็น่าจะพอปรับเนื้อ ปรับตัว ได้ทันท่วงที หรือทันเวลา แต่ถ้าหากมันดันเป็นไปแบบ “Warp Speed” อย่างที่ “นายStephen Roach” แกได้วิเคราะห์ หรือได้ทำนายทายทักเอาไว้จริงๆ อันนี้...ไม่ใช่แค่ “United States of America” เท่านั้น ที่ต้อง “ล่มสลาย” แต่เผลอๆ...โลกทั้งโลกอาจต้องล่มตามอเมริกาเอาเลยก็ไม่แน่!!! ด้วยเหตุนี้...ก็คงต้องสวดมนต์ภาวนา และอธิษฐาน ขออย่าให้คำทำนาย ไม่ว่าของ “นายNicolas Baverez” หรือ “นายStephen Roach” เป็นจริงขึ้นมาได้เลย ขอให้เป็นแค่คำทำนายแบบ “หมอดูไทยๆ” อย่างประเภท “โสรัจจะ นวลอยู่” ไปโดยตลอดด้วยเทอญญ์ญ์ญ์


กำลังโหลดความคิดเห็น