เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” คืนเวทีหาเสียงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางผู้สนับสนุนบางตากว่าที่คาดไว้หลายเท่า โดยงัดกลยุทธ์เดิมโจมตีเดโมแครต รวมถึงการประท้วงของกลุ่มต่อต้านลัทธิเหยียดเชื้อชาติ แถมยังกล้าประกาศชัยชนะเหนือโควิด ทั้งที่เจ้าหน้าที่ในทีมหาเสียง 6 คนติดไวรัส เจ้าตัวยังบอกว่า สั่งให้ชะลอการตรวจหาผู้ติดเชื้อ เพราะยิ่งตรวจก็ยิ่งพบ ซึ่งรังแต่ทำให้อเมริกามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดในโลก อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวออกมาแก้ข่าวในเวลาต่อมาว่า ทรัมป์แค่ “พูดเล่น”
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปหาเสียงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่เมืองทัลซา รัฐโอกลาโฮมา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 มิ.ย.) เพื่อฟื้นคืนชีพแคมเปญการหาเสียงที่ชะงักลงท่ามกลางวิกฤตสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ขณะเดียวกับที่มีการประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติทั่วอเมริกาต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์
ระหว่างการหาเสียงคราวนี้ ทรัมป์อ้างชัยชนะเหนือโรคระบาดที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้ว 120,000 คน ทั้งที่ก่อนการหาเสียงไม่กี่ชั่วโมง ทีมหาเสียงเปิดเผยว่า สมาชิกทีมเตรียมงาน 6 คน ในเมืองทัลซาตรวจพบติดเชื้อไวรัสโคโรนา นอกจากนี้ ยังมีผู้สนับสนุนมาให้กำลังใจไม่เต็มความจุของสนามกีฬา คือ 19,000 คน จากที่ทำเนียบขาวคุยโอ่ว่า จะมีกองเชียร์ทรัมป์แน่นขนัดถึง 100,000 คน โดยเจ้าตัวโทษว่า เป็นฝีมือสื่อและพฤติกรรมเลวร้ายของผู้ประท้วงด้านนอกสนามกีฬา
นอกจากนั้น ทิม เมอร์ทัฟ โฆษกทีมหาเสียงของทรัมป์ยังอ้างว่า ผู้ประท้วงขัดขวางไม่ให้คนเข้าไปฟังการปราศรัยของทรัมป์ ทว่า ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไม่ปรากฏสัญญาณว่า ผู้สนับสนุนทรัมป์ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าไปในสนามกีฬาแต่อย่างใด
กระนั้น ทรัมป์ยังคงมุ่งมั่นหาเสียงโดยประกาศว่า พลังเงียบซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ตอนนี้เข้มแข็งกว่าที่เคยเป็นมา พร้อมโจมตี โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตว่า เป็นหุ่นเชิดไร้ประโยชน์ของพวกฝ่ายซ้ายสุดโต่ง
ผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนมากสวมเสื้อยืดสีแดงพร้อมสโลแกน “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” แต่มีน้อยมากที่สวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคม แม้ยอดผู้ติดเชื้อในรัฐโอคลาโฮมาเมื่อเร็วๆ นี้ พุ่งโด่งก็ตาม
ตัวทรัมป์เองเพิกเฉยต่อคำเตือนของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทัลซา เพราะไม่เชื่อว่า การหาเสียงที่ผู้คนนับพันนับหมื่นรวมตัวกันและโห่ร้องตะโกน จะทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่
เขายังปกป้องมาตรการรับมือไวรัสของตนเอง โดยบอกว่า การตรวจหาผู้ติดเชื้อเป็นดาบสองคม เพราะยิ่งตรวจก็ยิ่งพบและทำให้อเมริกามีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก ดังนั้น เขาจึงสั่งให้ชะลอการตรวจลง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งออกมาแก้ข่าวในภายหลังว่า ทรัมป์พูดเล่นเท่านั้น
ทรัมป์เดินหน้าหาเสียงเต็มสูบโดยฟื้นกลยุทธ์ในปี 2016 ด้วยการโจมตีผู้อพยพ ผลักดันโครงการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนด้านใต้ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้จำคุกพวกเผาธงชาติ และเน้นย้ำว่าตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น
นอกจากนั้น ทรัมป์ที่สนับสนุนให้ใช้กำลังทหารรับมือการประท้วงต่อต้านลัทธิเหยียดเชื้อชาติทั่วประเทศ ซึ่งมีชนวนเหตุจากการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา ระหว่างถูกตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส ควบคุมตัวนั้น ยังโจมตีพรรคเดโมแครตและม็อบฝ่ายซ้ายว่า พยายามลบล้างประวัติศาสตร์ของอเมริกา ซึ่งเขาหมายถึงการที่มีผู้ประท้วงส่วนหนึ่งบุกเข้าทุบทำลายอนุสาวรีย์เจ้าของทาสและผู้นำกองทัพฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมือง ตลอดจนบุคคลสำคัญในยุคล่าอาณานิคมหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา
มีรายงานว่า ผู้ประท้วงกลุ่ม “แบล็ก ไลฟ์ส แมตเทอร์” หลายสิบคนชุมนุมกันที่จุดตรวจก่อนเข้าสู่สนามกีฬา และเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ไปฟังทรัมป์หาเสียง แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทว่า ภายหลังการหาเสียง เจ้าหน้าที่ได้ใช้สเปรย์พริกไทสลายผู้ประท้วงที่ขัดขวางขบวนรถของตำรวจ
การออกรณรงค์หาเสียงเที่ยวนี้ มีความสำคัญสูงมากต่ออนาคตทางการเมืองของทรัมป์ โดยเป็นการหาเสียงครั้งแรกนับจากวันที่ 2 มีนาคมที่อเมริกาเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจอเมริกาที่เข้มแข็งซึ่งเป็นจุดขายใหญ่สุดในการหาเสียงก่อนหน้านี้ของทรัมป์ นอกจากชะงักลงแล้วและทำท่าเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
ขณะที่ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ไบเดนกำลังมีคะแนนนิยมนำห่าง ก่อนที่การเลือกตั้งจะจัดขึ้นต้นเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์จึงต้องการใช้การหาเสียงเช่นนี้พลิกสถานการณ์ แต่สิ่งที่เขาเดิมพันคือสุขภาพของกลุ่มผู้สนับสนุน เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ โอกลาโฮมาเพิ่งพบผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้น โดยในวันเสาร์ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของรัฐนี้ทะลุหลัก 10,000 คน
มีรายงานระบุด้วยว่า ทางผู้จัดการหาเสียงได้แจกเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากแก่ผู้เข้าฟังการปราศรัย รวมทั้งวัดอุณหภูมิ และขอให้ทุกคนเซ็นยินยอมว่า จะไม่เอาผิดผู้จัดหากติดเชื้อโควิด-19 จากสถานที่ดังกล่าว