ยามขาลง นักการเมืองไม่ว่าจะคิดอ่านทำอะไร ก้าวไปทางไหน เป็นต้องพลาด สถานการณ์ไม่เป็นใจ อะไรๆ ที่หวังไว้ก็ไม่บังเกิด ถ้าแก้ไขปัญหาความนิยมตกต่ำไม่ได้ หมายถึงอนาคตทางการเมืองมืดมน โอกาสชนะการเลือกตั้งริบหรี่
เว้นแต่จะมีตัวช่วยกะทันหัน หรือปาฏิหาริย์นั่นเลย! ผู้นำทำเนียบขาวจอมห้าวเป้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ก็กำลังตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ เวลาหาเสียงกอบกู้คะแนนมีน้อยลงทุกวัน ก่อนจะถึงวันวัดดวงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ เหลือไม่ถึง 5 เดือนแล้ว
การระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกานอกจากไม่ลดแล้ว ยังทำท่าจะเพิ่มอีก ผู้เชี่ยวชาญขาประจำ ดร.แอนโทนี เฟาซี คนที่ทรัมป์เบื่อขี้หน้าเต็มทน เตือนว่านี่ยังเป็นการระบาดระยะแรกอยู่ และโอกาสที่จะมาระลอก 2 ก็มีความเป็นไปได้สูง
และวิกฤตไวรัสตัวนี้เป็นปัญหาของทรัมป์ นอกจากจะเอาไม่อยู่ ตัวเองจะออกแนวพิลึกทั้งด้านการปฏิบัติตน และความคิดความอ่าน พูดพลาดโดยไม่ตั้งใจหรือเจตนาก็ตาม มีแต่สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤตในสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้นำไม่ได้เรื่อง
แต่ทรัมป์ไม่ยอมรับ แม้จะอยู่ในสภาวะเลือดเข้าตา เหมือนไก่ชนโดนเดือยคู่ปรปักษ์ คนใกล้ชิดแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวหลายรอบกับความเฟอะฟะของผู้นำ
การเริ่มรณรงค์หาเสียงช่วงสุดท้าย เปิดฉากที่เมืองทัลซา รัฐโอคลาโฮมา ทรัมป์เผชิญกับการเสียหน้าอย่างแรง เพียงแต่เก็บอาการไว้ ฟาดงวงฟาดงา โทษนั่นนี่โน่น เป็นทรัมป์แท้ๆ ที่ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ไม่รับผิดชอบความเสียหาย
ก่อนหน้าที่มีคำคุยโว ฝ่ายรับผิดชอบรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกัน หมายมั่นปั้นมือว่า ถ้าคนมาร่วมงานมืดฟ้ามัวดิน จะเป็นจังหวะของทรัมป์ที่จะกอบกู้คะแนน หลังจากเป็นรองคู่แข่ง โจ ไบเดน ของพรรคเดโมแครตอยู่หลายขุม
โจ ไบเดน ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่ได้คะแนนมาเพราะความผิดพลาดของทรัมป์จากโอษฐภัยทั้งนั้น และคนอเมริกันส่วนหนึ่งเริ่มตาสว่าง เว้นแต่พวกนิยมผิวขาวด้วยกัน หัวอนุรักษนิยม และมองว่าทรัมป์เป็นผู้นำห้าว ใจถึงพึ่งได้แน่นอน
ช่วง 3 ปีแรก ทรัมป์ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น ตลาดหุ้นโลดแล่นมีเศรษฐีใหม่ๆ เยอะ จนกระทั่งทรัมป์ไปเล่นงานจีนด้วยมาตรการกำแพงภาษีสารพัด ถูกตอบโต้เพราะจีนไม่หวั่นเกรง แถมเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ ทำให้ผลร้ายตีกลับสหรัฐฯ
การรณรงค์ที่สนามบรรจุคนได้ 2 หมื่นคนคืนวันเสาร์ มีที่นั่งขาดอีกเยอะ ก่อนหน้านี้มีคำประกาศว่าจะมีคนมาร่วมเต็มสนาม ล้นออกไปรอบนอกอีก ประมาณว่าจะถึง 1 ล้านคน ดูจากการลงทะเบียนไปขอตั๋วเข้าชมทรัมป์ปราศรัย คนเข้าคิวเพียบ
ผลสุดท้ายก็มีแค่นั้น เกินครึ่งหมื่นบ้าง อัฒจันทร์ชั้นบนยังโหรงเหรง ปรากฏว่าคนไม่กล้าไปเพราะกลัวติดเชื้อ และคนที่ไปส่วนมากไม่สวมหน้ากากอนามัย เปิดหน้าท้าทายโควิด-19 เหมือนผู้นำทรัมป์ ทำให้ดูแล้วน่าหวาดเสียวมาก
ดูภาพการถ่ายทอด คนสวมหน้ากากแทบนับหัวได้ ส่วนใหญ่เปิดหน้าโล่ง และเป็นคนผิวขาวกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มีคำอ้างว่าที่คนไปร่วมน้อยเพราะสื่อฝ่ายซ้ายกระพือข่าวความน่ากลัวของเชื้อไวรัส ทำให้คนที่สนับสนุนทรัมป์ไม่กล้าเข้าไปร่วม
เมื่อตัวเลขต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ที่ว่าจะมีมากถึง 1 ล้านคน มีคำอ้างอีกว่าฝ่ายตรงข้ามสั่งจองตั๋วผ่านระบบออนไลน์เกินความเป็นจริง และเป็นฝีมือของพวกไม่เอาทรัมป์ ตอนแรกเตรียมจัดพื้นที่นอกสนาม ถ่ายทอดให้เห็น เมื่อไม่มีคน ก็ยกเลิก
ถือว่าเป็นการเสียหน้าอย่างแรงสำหรับทรัมป์ ซ้ำร้ายก่อนหน้านี้ 6 คนซึ่งเป็นคนจัดเตรียมงานรณรงค์ไปตรวจผลเป็นบวก ต้องส่งตัวไปกักบริเวณ เมื่อข่าวแตก ทำให้คนที่คิดจะไปต้องเปลี่ยนใจ ยิ่งคนเข้าคิวรอหน้าประตูไม่สวมหน้ากาก ยิ่งสยอง
เมื่อขึ้นเวที ทรัมป์เปิดฉากโจมตี “พวกข้างนอก” สนามกีฬาว่าเป็นพวกมหาวายร้าย ทั้งๆ ที่การชุมนุมของพวกไม่เอาทรัมป์มีไม่มาก และอยู่ในอาการสงบ และมีพวกกองเชียร์ของทรัมป์แนวขวาจัดอยู่ด้วย พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
มีช่วงหนึ่งในการปราศรัย ทรัมป์ทำให้คนฟังแทบช็อก เมื่ออ้างว่าการสุ่มตรวจหาคนติดเชื้อเป็นเหมือนดาบ 2 คม ยิ่งตรวจก็เจอคนติดเชื้อมาก แล้วจะดีอย่างไร “ทางที่ดีต้องลดการตรวจคนติดเชื้อให้น้อยลง ตัวเลขก็จะลดลง”
ภายหลังลูกน้องออกมาปกป้องเจ้านายว่าที่พูดอย่างนั้นเป็น “โจ๊ก” แต่คงเป็นโจ๊กที่คนไม่รู้สึกตลกด้วย ก่อนหน้านี้ทรัมป์ก็ยุให้คนฉีดสารเคมีฆ่าเชื้อโรคเข้าตัวเพื่อฆ่าไวรัส ลูกน้องก็อ้างว่าเจ้านายโจ๊กอีก ดูทั้งสองกรณีมีคนเชื่อทรัมป์ไม่ได้โจ๊กแน่ๆ
ในการปราศรัย ทรัมป์ก็ไม่มีประเด็นจุดขายใหม่ที่จะพลิกฟื้นความเสียเปรียบด้านความนิยม เพียงแต่โทษนั่นโทษนี่เหมือนเดิม ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ยิ่งมีข่าวเรื่องความเสี่ยงการติดเชื้อระลอก 2 ทรัมป์ยิ่งดิ้นรนหนัก
หนังสือเปิดโปงทรัมป์โดย จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ได้สร้างความเสียหายให้ทรัมป์มาก และคำร้องขอให้ศาลระงับการจำหน่ายหนังสือก็ศาลปฏิเสธ หมายความว่าหนังสือจะถูกวางตลาดอีกไม่นานจากนี้และขายดีแน่
ยิ่งหลานสาว แมรี ทรัมป์ เขียนหนังสือเปิดโปงทรัมป์ว่าได้ฮุบมรดกที่ควรเป็นของเธอมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ ก็จะทำให้ทรัมป์ไม่เหลือความน่าเชื่อถือ ความพยายามจะให้ศาลสั่งระงับการขายก็ยังไม่มีผล และจะอ้างความมั่นคงก็ไม่ได้ด้วย
แต่ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นยิ่งกว่าแมว 9 ชีวิต มีความหน้าด้าน กล้าโกหก ปลิ้นปล้อนกะล่อนสารพัด คงจะต้องดิ้นอย่างแรง และคงไม่อายถ้าจะเล่นเกมสกปรก เพราะที่อยู่มาได้ทุกวันนี้จากภาคธุรกิจและการเมือง ก็เพราะความกล้าหน้าด้าน