"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"
การตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ เรื่อง หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ทำให้แผนการกลับมาครองอำนาจการเมืองผ่านหีบบัตรเลือกตั้ง ของทักษิณ ชินวัตร พังทลายลงไปในพริบตา และส่งผลสะเทือนอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้
วันที่ต้องปรับกระบวนทัพใหม่ งัดกลยุทธ์ “รีแบรนด์ดิ้ง” ปรับโฉม สร้างแบรนด์ใหม่ตั้งกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย ขึ้นมา แทนพรรคเพื่อไทย
การตั้งพรรคไทยรักษาชาติ เพื่อส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 เป็นแผนแตกแบงก์พัน หวังให้พรรคไทยรักษาชาติ เก็บคะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนพรรคเพื่อไทยนำ ส.ส.แบบแบ่งเขตเข้าสภาฯ ให้มากที่สุด รวมกันแล้วอาจจะไม่ได้เสียงข้างมาก แต่เกิน 200 จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 500 คน ค่อนข้างแน่ แม้จะไม่ได้ตั้งรัฐบาล เพราะรัฐธรรมนูญถูกออกแบบให้สมาชิกวุฒิสภา 250 คน ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกได้ด้วย แต่พรรคเพื่อไทยบวกพรรคไทยรักษาชาติ ที่มีต้นธารเดียวกัน จะเป็นฝ่ายค้านที่มีพลัง เขย่ารัฐบาลให้คลอนแคลน ง่อนแง่นได้ตลอดเวลา
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญลงมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี แผนแยกกันเดินรวมกันตี พังทลายลงทันที ขณะที่ความไม่เฉลียวใจในกับดัก เรื่องจำนวน ส.ส.ที่พึงมีในรัฐธรรมนูญ ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยแม้แต่คนเดียว เพราะชัยชนะจากเขตเลือกตั้ง 136 เขต ทำให้ได้จำนวน ส.ส.พึงมีเกินกว่าที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ขุนพลมือวาง มืออันดับ อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ภูมิธรรม เวชยชัย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ชัยเกษม นิติศิริ โภคิน พลกุล กิตติรัตน์ ณ ระนอง ฯลฯ ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อไม่ได้เป็น ส.ส.อดเข้าสภาฯ ไปเขย่ารัฐบาลลุงตู่
พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน แม้จะมี ส.ส.มากถึง 136 คน แต่ล้วนเป็นกระบี่มือรอง ผู้เล่นแถวสองที่ฝีปาก และฝีมือยังไม่ถึงชั้น แต่สบโอกาสที่บรรดามวยหลัก หมดสิทธิขึ้นเวทีเอง ได้แสดงบทบาทตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมาแล้ว 2 สมัย ผลที่ปรากฏต่อสายตาสาธารณชนคือ สอบตกยกพรรค
“หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย หนึ่งในขุนพลของทักษิณ และ 1 ในแกนนำกลุ่มแคร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “เพื่อไทยต้องการการปฏิรูปใหญ่ (อดีต) อนาคตใหม่ต้องการยุทธศาสตร์ใหญ่” เมื่อวันที่ 29กุมภาพันธ์ปีนี้ มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไป สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในพรรคเพื่อไทยว่า ขาดภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง การบริหารจัดการอ่อนด้อย กระบวนการตัดสินใจสับสน และไม่ทันกลอุบายทางการเมือง
ผมเชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในคืนสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้านหลักเกิดขึ้นจากปัญหา “การนำและการจัดการ” ภายในพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เรื่องอื่น
คำขอโทษที่ดีที่สุดจากพรรคเพื่อไทยจึงไม่ใช่เพียงเอ่ยปากขอโทษประชาชน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่คำขอโทษที่หนักแน่น และจริงใจที่สุด คือ การปฏิรูปตนเองครั้งใหญ่ของพรรคเพื่อไทย
ผมคิดว่า แกนนำของพรรคเพื่อไทยรู้ว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน แก้อย่างไร แต่ทอดเวลาเนิ่นนาน ยังไม่ลงมือแก้ไข วันนี้ เวลานี้ สถานการณ์ใหม่มาถึงแล้ว ไม่มีเวลาให้ลังเลอีกแล้ว”
แกนนำของพรรคเพื่อไทยรู้ว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน แก้อย่างไร แต่ทอดเวลาเนิ่นนาน ยังไม่ลงมือแก้ไข..... สุดท้ายแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ต้องส่งคนใกล้ตัวที่ไว้ใจได้ในฝีมือและความภักดีเข้ามาลงมือแก้ไขเอง จัดการกับปัญหาความถดถอยของพรรคเพื่อไทย ด้วยการ แยกตัวออกมาตั้งกิจการใหม่ คือ กลุ่มแคร์ นี่แหละ
แกนนำกลุ่มแคร์ 3 ใน 4 คือ นพ.สุรพงษ์ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และภูมิธรรม เป็นคนเดือนตุลาของแท้ ออริจินัล เป็นสายตรงที่สุดของทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ที่เป็นมันสมองในการวางยุทธศาสตร์ ดำเนินกลยุทธ์ สร้างแนวร่วมตั้งแต่ครั้งสร้างพรรคไทยรักไทย เฉพาะหมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์ ก่อนจะเป็นมือทำงานการเมืองให้ เป็นผู้ดูแลธุรกิจของชินวัตรในกัมพูชามาก่อน เป็นความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด
ลำพังส่วนตัว ทั้งสามคนคงไม่ปรารถนาการแสวงหาอำนาจการเมืองอีกแล้ว ที่ผ่านมา ก็เป็นการตอบสนองรับใช้นาย ครั้งนี้ก็เช่นกัน การเกิดของกลุ่มแคร์ ก็เป็นการทำเพื่อ ทักษิณอย่างแน่นอน คนอื่นๆ อีก 3-4 คน ถูกดึงเข้ามาเพื่อให้กลุ่มแคร์มีภาพของ “ขบวนการประชาสังคม” เท่านั้นเอง