ถ้าไม่ชอบ ไม่ใช่ “คำผกา” คงไม่รีทวีต? “CARE อาจเป็น “จุดเริ่มต้นภาคใหม่” ของ “ทักษิณ” มองผ่าน 4 เด็กในคาถา “แม้ว” ภูมิธรรม, พงษ์ศักดิ์, พรหมินทร์, สุรพงษ์ ล้วนสายตรง “นายใหญ่” ทั้งสิ้น
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 มิ.ย. 63) Kam Phaka Retweeted ❤𝕄𝕠𝕦𝕚Red heart @moui
ที่ระบุว่า “รู้จัก “ขุนพลทักษิณ” กับบทบาทใหม่ “ผู้ก่อการ” กลุ่ม CARE - BBC News บีบีซีไทย
ใครเป็นใครใน กลุ่ม CARE แลดู 4 “ขุนพลทักษิณ”
หากรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 คือ “จุดจบภาคแรก” ของทักษิณ ชินวัตร กับพวก การเกิดขึ้นของกลุ่ม CARE อาจเป็น “จุดเริ่มต้นภาคใหม่” ของพวกเขา
bbc.com”
ทั้งนี้ 4 คนที่อยู่ในภาพประกอบ คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี
วันนี้เช่นกัน เพจเฟชบุ๊ก “CARE คิด เคลื่อน ไทย” ได้เปิดตัวแกนนำกลุ่ม โดยถ่ายทอดสดผ่านทางเฟชบุ๊ก เมื่อเวลา 14.30 น. เพื่ออธิบายความเป็นมาของกลุ่ม “CARE”
โดย 7 ตัวแทน “สมาชิกเริ่มต้น” นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำกลุ่มแคร์, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, น.ส.ลักขณา ปันวิชัย (แขก คำผกา) นักเขียนและพิธีกรรายการโทรทัศน์, น.ส.วีรพร นิติประภา (แหม่ม) นักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์, นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิก, นายพริษฐ์ รักตพงศ์ไพศาล ลูกชาย นายพงษ์ศักดิ์ และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มแคร์
ถ้ายังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เปิดตัวกลุ่มการเมืองใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “คณะผู้ห่วงใยประเทศ” หรือ “กลุ่มแคร์” เพื่อเตรียมแยกตัวออกมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ หลังจากมีปัญหาภายในพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนายภูมิธรรม, นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เฮียเพ้ง, นพ.พรหมินทร์ และ นพ.สุรพงษ์ คือ นักการเมืองที่เคยทำงานร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ในยุคของนายทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว และเป็นมือไม้ในการทำงานการเมืองด้วย
ต่อมา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 63 แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการประชุม ส.ส.ของพรรคประจำสัปดาห์ตามปกติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฏว่า การประชุมครั้งนี้ ส.ส.ส่วนใหญ่ได้แสดงความกังวลใจกรณีที่ผู้ใหญ่ในพรรคกลุ่มหนึ่งจะแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ ซึ่งตอนนี้เคลื่อนไหวภายใต้ชื่อกลุ่มแคร์ ขณะเดียวกัน ส.ส.ในพรรคส่วนใหญ่ไม่ติดใจเรื่องการแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ เพราะเป็นเรื่องปกติของรัฐธรรมนูญปี 2560
แต่สิ่งที่ ส.ส.เพื่อไทยส่วนใหญ่ข้องใจ คือ เหตุใดบุคคลกลุ่มนี้ จึงพูดถึงพรรคเพื่อไทยในแง่ลบ โดยดิสเครดิต ว่า ไม่ใช่ที่หวังของประชาชนอีกแล้ว ทั้งยังจะเป็นพรรคต่ำร้อยอีกด้วย ทำไมต้องเผาบ้านเก่าตัวเองด้วย...
กระทั่งนำมาสู่การแถลงข่าว เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 63 ที่อาคารรัฐสภา ของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย สยบข่าวพรรคเพื่อไทยขัดแย้งภายใน
รวมทั้งกรณีแกนนำพรรคบางส่วนแยกตัวไปสร้างกลุ่มการเมือง ทั้งสองคนมีความเห็นคล้ายกันว่า เป็นธรรมดาของรัฐธรรมนูญ 60 ที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงมีการเคลื่อนไหวเพื่อตั้งพรรคใหม่
สำหรับ กลุ่ม CARE นายภูมิธรรม เคยเล่าว่า วงหารือเมื่อ 26 พฤษภาคม 2563 ในกลุ่มมีความเห็นร่วมกันว่า “เรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ส่วนในอนาคตจะเป็นพรรคการเมืองหรือไม่ ยังไม่แน่ชัด แต่ยอมรับพรรคการเมืองเป็นบทบาทหลักในการแก้ปัญหา และอะไรก็เกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองไร้ความหวัง”
อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยว่า กลุ่มนี้จะร่วมกันเปิดตัว “แพลตฟอร์ม” ทางการเมือง อาจจะเป็นเว็บไซต์ แล้วพัฒนาเป็นกลุ่มเคลื่อนไหว ประเด็นเศรษฐกิจ-การเมือง การสร้างญัตติสาธารณะใหม่ และอาจนำเสนอผู้นำทางการเมืองใหม่ในอนาคตด้วย
ส่วน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าไทยรักไทย เปิดเผยกับบีบีซีไทย ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า “มีคนโทร.มาหาผม มาแจ้งให้ทราบ เป็นอดีต ส.ส.เก่า เขาคิดอยู่ เขามาบอกเพราะไม่ต้องการให้รู้สึกว่า แยกไปทำ โดยไม่ได้มาบอกกล่าว”
และการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ “ทักษิณ” บอกว่า ไม่เกี่ยวกับเขา
“ไม่เกี่ยวกับผม ผมมันลอยตัวจากการเมืองแล้ว ผมมันคนตกงานแล้ว เป็นวัย Young Old เป็นคนแก่ที่ยังหนุ่ม ผมขอให้กำลังใจมากกว่า”
แต่ถึงกระนั้น นักวิเคราะห์การเมือง ย่อมไม่มีทางที่จะกะพริบตาไปจาก “ทักษิณ” ได้ เพราะในเมื่อ 4 ขุนพลคนใกล้ชิด เป็นแรงขับเคลื่อนอย่างมั่นเหมาะเช่นนี้แล้ว มีหรือ “นายใหญ่” แห่งดูไบ จะนิ่งดูดาย โปรดฟังเป้าหมายสูงสุดของ กลุ่ม CARE ที่ว่า “อาจนำเสนอผู้นำทางการเมืองใหม่ในอนาคต” ทักษิณ อาจเป็นคนที่ถูกเลือกอีกครั้ง หรือ ทักษิณ อาจเป็นคนที่เลือกมาให้ ก็เป็นได้ ใครจะรู้!?