xs
xsm
sm
md
lg

คมนาคมชิง1.4แสนล้าน ซื้อยาง4หมื่น-ตัดถนน8.5หมื่น งบเงินกู้ฟื้นฟูโควิด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

“ศักดิ์สยาม” เผย “ก.คมนาคม” เสนอของบฟื้นฟูเยียวยาโควิด-19 วงเงินเกือบ 1.4 แสนล้านบาท วาง 3 กิจกรรม เยียวยาผู้ประกอบการขนส่งทางบก 7 พันล้าน หนุนซื้อยางพารา

วานนี้ (18 มิ.ย.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้สรุปแผนงานเพื่อเสนอขอจัดสรรงบฯ ในส่วนพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 (พ.ร.ก.เงินกู้ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท) ในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมกำหนดงบประมาณราว 1.4 แสนล้านบาท แล้ว

กาง 3 แผน 1.4 แสนล้านบาท

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ในส่วนกระทรวงคมนาคมจะเสนอวงเงินดำเนินการ ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 1.การเยียวยาผู้ประกอบการคมนาคมขนส่งทางบก วงเงิน 7,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ลงนามเสนอไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) หรือสภาพัฒน์ เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนแล้ว จากนั้นจะเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป เบื้องต้นจะเป็นการเยียวยา ผู้ประกอบการขนส่งทางบก เช่น รถโดยสาร อวค์การขนส่งมวลชน (ขสมก.), บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และแท็กซี่สาธารณะ ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ขายตั๋วได้น้อยลง ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งการเยียวยานั้นไม่ใช่ทำเพื่อให้ผู้ประกอบการมีกำไร แต่เพื่อให้สามารถให้บริการกับประชาชนต่อไปได้ ภายใต้ต้นทุนที่สามารถดำเนินการได้ โดยจะเป็นการอุดหนุนรายได้ที่หายไปตั้งแต่มีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยประเมินจากต้นทุน รายได้ จำนวนผู้โดยสารจริง ส่วนผู้ประกอบการขนส่งทางอากาศ ทางราง และทางน้ำ ปลัดกระทรวงคมนาคม จะเร่งสรุปข้อมูล ก่อนนำเสนอสภาพัฒน์ต่อไป

2. แผนงานนำยางพารามาใช้ในด้านความปลอดภัยทางถนน ทำ Rubber Fender Barriers (แบริเออร์คอนกรีตหุ้มยางพารา) และเสาหลักนำทางยางพารา วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งขอรับจัดสรรงบฯปี 64 ไม่ทัน ซึ่งกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามเอ็มโอยูกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว ในการจัดซื้อยางพารา โดยเม็ดเงินจะถึงมือเกษตรกร กว่า 70% ขณะที่แผนงานยาพาราเพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางถนน กรมทางหลวง และถนนกรมทางหลวงชนบท จะดำเนินการบนถนนที่มีขนาด 4 ช่องจราจร กว่า 12,000 กม. ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (ปี 63-65) วงเงินรวม 8.5 หมื่นล้านบาท

และ 3. แผนงานโครงการก่อสร้างถนน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าเกษตร และส่งเสริมการท่องเที่ยว วงเงิน 9 หมื่นล้านบาท โดยอยู่ระหว่างสรุปข้อมูล โดยจะเป็นโครงการขนาดเล็กที่กระจายทั่วประเทศ เพื่อขนส่งสินค้าเกษตรจากแหล่งผลิตไปยังตลาดได้อย่างรวดเร็ว และสะดวก

ยอมรับอาจไม่ได้ตามเป้า

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า วงเงินเยียวยาและฟื้นฟูในส่วนของกระทรวงคมนาคมที่เสนอไปนั้น อาจจะไม่ได้รับตามวงเงินเสนอ โดยสภาพัฒน์ฯ จะพิจารณาตามความจำเป็น และความเหมาะสม โดยคาดว่าจะมีการนำเสนอ ครม.ได้ในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อเร่งดำเนินการโครงการต่างๆ ขณะที่การใช้จ่ายงบฟื้นฟูใน พ.ร.ก. เงินก็ 1 ล้านล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะทำงานฯ โดยมีเลขาฯสภาพัฒน์ กลั่นกรอง และมีขั้นตอนในการอนุมัติ นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎร ยังมีคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณ มั่นใจได้ว่าจะมีการใช้เงินอย่างโปร่งใส และยึดประโยชน์ประชาชนสูงสุด อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ สภาผู้แทนราษฎร จะมีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ซึ่งมีเม็ดเงินประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งจากที่รัฐบาลได้มีการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ดี ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทยและต่างประเทศได้มาก อีกทั้งไทยเป็นอันดับ 2 ของโลกที่มีแนวโน้มในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เร็วอีกด้วย ดังนั้นเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยฟื้นตัวได้เร็วแน่นอน

“ไพบูลย์” หวิดวืดประธาน กมธ.

วันเดียวกัน ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตาม พ.ร.ก. 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากผลกระทบการระบาดโควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาทเป็นนัดแรก โดยมี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เป็นประธานชั่วคราว ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด เพื่อทำหน้าที่เลือกผู้ทำหน้าที่ ประธาน กมธ.อย่างเป็นทางการ โดยฝ่ายค้านพยายามเสนอให้ซีกรัฐบาลเสียสละให้ตัวแทนจากฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ประธาน กมธ. เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม ก่อนที่ฝ่ายค้านรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนสนับสนุน นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมมากกว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่รัฐบาลเสนอให้เป็นประธาน กมธ.ก่อนที่จะมีการลงคะแนนลับปรากฏว่า นายไพบูลย์ ได้ 28 คะแนน ส่วนนายกนก ได้ 19 คะแนน ส่งผลให้นายไพบูลย์ ได้เป็นประธาน กมธ.วิสามัญคณะนี้ ในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น