“ไพบูลย์” หวิดชวด นั่ง ปธ.กมธ.สอบงบกู้โควิด 1.9 ลล. หลังพรรคร่วม รบ. จับมือฝ่ายค้าน หนุน “กนก วงษ์ตระหง่าน” จนต้องโหวตลับ ทำ “เสี่ยเฮ้ง” วิ่งพล่านล็อบบีทั่วห้องกลัวโดนหักโผ ก่อนส่งวิป ปชป.สายตรงขอ “กนก” ถอนตัว แต่ถูกเมินจนพ่ายในที่สุด
วันนี้ (18 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมที่ได้รับผลกระทบจากระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นนัดแรก ที่มี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เป็นประธานการประชุมชั่วคราว ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด เพื่อทำหน้าที่เลือกผู้ทำหน้าที่ประธาน กมธ.อย่างเป็นทางการ โดยทันทีที่สู่การวาระประชุม ส.ส.ซีกพรรคฝ่ายค้าน อาทิ นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กับ นายอดิศร เพียงเกษ กมธ.สัดส่วนเพื่อไทย และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอให้ซีกรัฐบาลเสียสละให้ตัวแทนจากฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ในฐานะประธาน กมธ.เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ เพราะเป็นเงินจำนวนมากที่รัฐบาลกู้มา เพื่อสอดคล้องกับสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ได้ประกาศถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาลนิวนอร์มัลที่เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมแสดงความเห็นและร่วมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทำให้ นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ตัดบทด้วยการเสนอชื่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ.ทันที
จากนั้น ได้มี กมธ.ยกมือเพื่อขอภิปรายจำนวนมาก โดย นายมุข สุไลมาน รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ กมธ.ซีกฝ่ายค้าน ได้อภิปรายว่า ตนคิดว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ประธาน กมธ.คณะนี้ ต้องเป็นผู้ที่สังคมให้การยอมรับ เพราะการใช้งบประมาณตาม พ.ร.บ.การกู้เงิน ประชาชนจับตาดูอยู่ จึงต้องให้คนที่ไว้วางใจได้ทำหน้าที่ ดังนั้น ถ้าประธานไม่เป็นที่ยอมรับ ประชาชนก็จะร้องยี้ตั้งแต่แรก จึงอยากให้เห็นประโยชน์ และเอาควรเอาบุคคลที่มีความสามารถและมีปัญหาน้อยที่สุดใน 49 คน มาทำหน้าที่ประธานจะดีที่สุด โดย กมธ.สัดส่วนฝ่ายค้าน และซีกพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วน เห็นด้วยกับสิ่งที่นายมุขอภิปราย
ด้าน นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายว่า ประธาน กมธ.คณะนี้ จำเป็นต้องได้คนที่มีความรู้ความสามารถมีความอาวุโส ทั้งวัยวุฒิ และคุณวุฒิ ซึ่งคนเห็นใน กมธ.นี้ ตนเห็นว่า นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นผู้ที่เหมาะสม เพราะจากการฟังการอภิปรายในสภา ถือว่า เป็นผู้ที่ปรารถนาดีในการรักษางบประมาณจากภาษีของประชาชน ถ้ารัฐบาลอยากให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมจำเป็นต้องใจกว้าง เพราะจะทำให้ตำแหน่งประธานสง่างามมากขึ้น ในฐานะที่เป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ก็อยากเห็น กมธ.มองที่ตัวบุคคลที่จะทำให้ภารกิจที่ได้รับเป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชน ทำให้ กมธ.ซีกฝ่ายค้าน นำโดย นายอดิศร เพียงเกษ และ นายวิสาร เตชะธีรวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้สนับสนุนให้ นายกนก เป็นประธาน โดยเห็นว่า แม้นายไพบูลย์จะมีความสามารถ แต่ไม่มีความเหมาะสม เพราะจากข่าวเห็นว่า เป็นชื่อที่ถูกเสนอมาจากรัฐบาล การตรวจสอบงบก้อนนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จึงขอให้นายไพบูลย์ถอนตัว และให้นายกนกทำหน้าที่จะดี เพราะเป็นที่ยอมรับ ไม่มีตำหนิ โดย นายอดิศร ระบุเลยว่า หากนายไพบูลย์เป็นประธาน ตนจะลาออกจาก กมธ.คณะนี้
จากนั้น นายวิสาร ได้เสนอให้มีการลงคะแนนลับ และหาก นายกนก ไม่รับการเสนอชื่อ ฝ่ายค้านจะวอล์กเอาต์ ทำให้ น.ส.พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอให้มีการลงคะแนนแบบเปิดเผย แต่ฝ่ายเลขานุการ กมธ. ยืนยันว่า ตามข้อบังคับ เมื่อมีคู่แข่ง ต้องลงคะแนนแบบลับ โดยทั้ง นายไพบูลย์ และ นายกนก ไม่มีถอนตัว ที่สุดจึงเปิดให้มีการลงคะแนนลับ โดยให้เขียนหมายเลขลงในคะแนนเพื่อกล่องลงคะแนนหน้าห้องประชุม โดยมี กมธ.ลงคะแนน 48 คน ขาด 1 เสียง เนื่องจาก น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ไม่เข้าประชุม
ทั้งนี้ ในระหว่างการลงคะแนน นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินล็อบบี กมธ.พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ กมธ.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้เลือก นายไพบูลย์ นอกจากนี้ ยังมี นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ได้โทรศัพท์มาหา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอคุยกับนายกนกให้ถอนตัว แต่นายกนกไม่คุยด้วย จนในที่สุดผลการลงคะแนนลับ ปรากฏว่า นายไพบูลย์ ได้ 28 คะแนน ส่วน นายกนก ได้ 19 โดยมีกรรมาธิการ 1 คน ไม่ลงคะแนน ทำให้นายไพบูลย์ได้เป็นประธานกมธ.วิสามัญในที่สุด