“บอร์ด รฟม.” เคาะขยายลดค่าโดยสารช่วย ปชช. สีม่วงเหลือ 20 บาทอีก 3 เดือน คงค่าตั๋วสีน้ำเงินถึงสิ้นปี โอดผลกระทบโควิด-19 ต้องปรับแผนเพียบ เผยผลประเมินงาน "ผู้ว่าฯรฟม." รอบ 6 เดือนผ่านฉลุย
วานนี้ (11 มิ.ย.) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประะทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม. มีมติเห็นชอบขยายเวลาการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ เหลือ 14-20 บาทออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.63) ซึ่งเป็นมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน ตามนโยบาย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามากขึ้น เช่นเดียวกับการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทุก 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 3 ก.ค. 63 ตามสัญญาสัมปทาน 1 บาท ซึ่งบอร์ดรฟม.ได้อนุมัติตามเงื่อนไข โดยบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้มีหนังสือให้ความร่วมมือในการจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราเดิมที่ 16 บาท และสูงสุด 42 บาทต่อไปจนถึงสิ้นปี 63 โดยไม่มีการสงวนสิทธิ์ใดๆ
ทั้งนี้การลดค่าโดยสารสายสีม่วง ไม่มีผลกระทบต่อภาวะเงินสดของ รฟม. โดยสามารถนำรายได้จากค่าสัมปทานสายสีน้ำเงินมาช่วย แต่จะยังไม่สามารถวิเคราะห์ประเมินผลตอบรับจากการลดค่าโดยสารได้ เพราะเป็นภาวะไม่ปกติจากโควิด-19 ซึ่งผู้โดยสารลดลงเหลือไม่ถึง 1 หมื่นคน/วัน จากปีที่แล้วที่มีผู้โดยสารถึง 6 หมื่นคน/วัน โดยล่าสุดผู้โดยสารสายสีม่วงเริ่มเพิ่มขึ้นอยู่ที่กว่า 3 หมื่นคน แต่เนื่องจากยังมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้การรองรับผู้โดยสารในแต่ละขบวนมีจำกัด ซึ่งบอร์ดจึงให้ผู้ว่าฯรฟม.วิเคราะห์สถานการณ์ผู้โดยสารช่วงครึ่งหลังปี 63 จนถึงกลางปี 64 และเก็บข้อมูลกลุ่มผู้โดยสารที่ผู้ใช้บริการตามมาตรการลดค่าครองชีพ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณามาตรการหลังจากสิ้นสุดเดือนก.ย.ต่อไป
นายสราวุธ กล่าวด้วยว่า โรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการของรฟม. โดยเฉพาะรถไฟฟ้าในภูมิภาค จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ และนครราชสีมา ที่อยู่ระหว่างศึกษา เพราะยังไม่สามารถลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเห็นการมีส่วนของของประชนได้ตามขั้นตอน ดังนั้น จึงต้องปรับแผนงานตารางโครงการออกไปประมาณ 3-6เดือน นอกจากนี้ จะต้องทบทวนการศึกษาในบางประเด็นที่ได้รับผลกระทบ เช่น ปริมาณผู้โดยสาร ที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งไม่เกี่ยวกับโครงการสายสีส้ม สายสีม่วง ที่อยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูลตามแผน
นอกจากนี้ บอร์ดรฟม.ยังได้ประเมินการทำงานของ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าฯรฟม. รอบ 6 เดือน (ก.ย.62-มี.ค.63) ผ่านการประเมิน ด้วยคะแนนค่อนข้างดี แม้จะมีโรคโควิด-19 ในช่วงปลาย ก.พ.-มี.ค. ที่ทำให้การเดินทางและจำนวนผู้โดยสารลดลง การก่อสร้างโครงการหยุดชะงัก ตัวชี้วัดเสียเปรียบจากสถานการณ์ แต่เนื่องจากการทำงานในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทั้งการก่อสร้างและปริมาณผู้โดยสารอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
วานนี้ (11 มิ.ย.) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประะทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม. มีมติเห็นชอบขยายเวลาการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ เหลือ 14-20 บาทออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.63) ซึ่งเป็นมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน ตามนโยบาย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามากขึ้น เช่นเดียวกับการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทุก 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 3 ก.ค. 63 ตามสัญญาสัมปทาน 1 บาท ซึ่งบอร์ดรฟม.ได้อนุมัติตามเงื่อนไข โดยบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้มีหนังสือให้ความร่วมมือในการจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราเดิมที่ 16 บาท และสูงสุด 42 บาทต่อไปจนถึงสิ้นปี 63 โดยไม่มีการสงวนสิทธิ์ใดๆ
ทั้งนี้การลดค่าโดยสารสายสีม่วง ไม่มีผลกระทบต่อภาวะเงินสดของ รฟม. โดยสามารถนำรายได้จากค่าสัมปทานสายสีน้ำเงินมาช่วย แต่จะยังไม่สามารถวิเคราะห์ประเมินผลตอบรับจากการลดค่าโดยสารได้ เพราะเป็นภาวะไม่ปกติจากโควิด-19 ซึ่งผู้โดยสารลดลงเหลือไม่ถึง 1 หมื่นคน/วัน จากปีที่แล้วที่มีผู้โดยสารถึง 6 หมื่นคน/วัน โดยล่าสุดผู้โดยสารสายสีม่วงเริ่มเพิ่มขึ้นอยู่ที่กว่า 3 หมื่นคน แต่เนื่องจากยังมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้การรองรับผู้โดยสารในแต่ละขบวนมีจำกัด ซึ่งบอร์ดจึงให้ผู้ว่าฯรฟม.วิเคราะห์สถานการณ์ผู้โดยสารช่วงครึ่งหลังปี 63 จนถึงกลางปี 64 และเก็บข้อมูลกลุ่มผู้โดยสารที่ผู้ใช้บริการตามมาตรการลดค่าครองชีพ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณามาตรการหลังจากสิ้นสุดเดือนก.ย.ต่อไป
นายสราวุธ กล่าวด้วยว่า โรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการของรฟม. โดยเฉพาะรถไฟฟ้าในภูมิภาค จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ และนครราชสีมา ที่อยู่ระหว่างศึกษา เพราะยังไม่สามารถลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเห็นการมีส่วนของของประชนได้ตามขั้นตอน ดังนั้น จึงต้องปรับแผนงานตารางโครงการออกไปประมาณ 3-6เดือน นอกจากนี้ จะต้องทบทวนการศึกษาในบางประเด็นที่ได้รับผลกระทบ เช่น ปริมาณผู้โดยสาร ที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งไม่เกี่ยวกับโครงการสายสีส้ม สายสีม่วง ที่อยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูลตามแผน
นอกจากนี้ บอร์ดรฟม.ยังได้ประเมินการทำงานของ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าฯรฟม. รอบ 6 เดือน (ก.ย.62-มี.ค.63) ผ่านการประเมิน ด้วยคะแนนค่อนข้างดี แม้จะมีโรคโควิด-19 ในช่วงปลาย ก.พ.-มี.ค. ที่ทำให้การเดินทางและจำนวนผู้โดยสารลดลง การก่อสร้างโครงการหยุดชะงัก ตัวชี้วัดเสียเปรียบจากสถานการณ์ แต่เนื่องจากการทำงานในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทั้งการก่อสร้างและปริมาณผู้โดยสารอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
