ผู้จัดการรายวัน360- "สมพงษ์" ดับข่าวลือ ย้ำตราบที่ยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ด้าน"สมศักดิ์" ระบุการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคการเมืองเป็นเรื่องปกติ คุยพปชร.จะขึ้นเป็นพรรคอันดับ 1 ชู "บิ๊กป้อม" มีจุดแข็งเหมาะเป็นหัวหน้าพรรค ประกาศสวน"ลุงตู่" มีปรับครม.แน่ "ไพบูลย์" เล็งจัดประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ต้นเดือนก.ค.นี้
จากกรณีที่จะมีความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐ และกรรมการบริหารพรรคลาออก 18 คน ทำให้มีกระแสข่าวว่าหลังมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ อาจจะมีการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยดึงพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาลนั้น
วานนี้ (3มิ.ย.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทยดำรงการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นการร่วมทำงานกับพรรคใด ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง ชอบธรรมของที่มา รวมถึงแนวนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินที่สอดคล้องกัน
พรรคเพื่อไทยปฏิเสธการเข้าสู่อำนาจ ที่ไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และปฏิเสธการได้อำนาจมาด้วยวิธีการที่คำนึงถึงแต่ประโยชน์เฉพาะตนของนักการเมือง การทำงานการเมือง และการตัดสินใจทางการเมืองทุกครั้ง ต้องยึดมั่นและคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในผลประโยชน์สูงสุดของประเทศในภาวะวิกฤต การร่วมกันหาทางออก หากเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ และต่อพี่น้องประชาชน จะกระทำได้ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง เปิดเผยและซื่อสัตย์ต่อประชาชน และจะต้องมีการหารือร่วมกันของสมาชิก และผู้มีส่วนรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดในพรรคเพื่อไทย
"ผมคิดว่าข่าวลือที่ปล่อยกันออกมา เพื่อหวังผลในการดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการกระทำที่มุ่งหวังในการต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง โดยหวังอาศัยส่วนประกอบและเงื่อนไขต่างๆ เป็นเครื่องมือเพื่อเอื้อประโยชน์แก่การจัดสรรอำนาจของพวกตนเอง เพื่อให้ผลประโยชน์และอำนาจลงตัวกันเท่านั้น ดังนั้นผมขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ว่าใครผู้ใดจะอ้างเป็นตัวแทนพรรคไปเจรจาใดๆ ตราบใดที่ผมยังทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ผมยืนยันจะไม่นำพาพรรคไปกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชน และหลักการประชาธิปไตยเป็นอันขาด" นายสมพงษ์ กล่าว
"สมศักดิ์"สวน"ลุงตู่"มั่นใจมีปรับครม.
วันเดียวกันนี้ ที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกของกรรมการบริหารพรรค18 คนว่า พลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองใหม่ แม้จะไม่ใช่พรรคที่มีเสียงส.ส. มากที่สุดในสภาฯ แต่เมื่อได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคต้องมีกิจกรรมทางการเมืองที่กระฉับกระเฉง และมุ่งมั่น เพื่อที่จะเป็นหลักในทางการเมือง
ดังนั้น การปรับปรุงองค์ประกอบของพรรค คือการปรับพื้นฐานของพรรคให้มีความหนักแน่น มั่นคงมากขึ้น เพื่อจะนำพาพรรคไปสู่การเป็นเสาหลักที่มั่นคงของประเทศต่อไป
"การปรับโครงสร้างทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่าผู้บริหารเดิมจะไม่สามารถกลับมาได้อีก บุคคลที่เข้าใจชาวบ้าน เข้าใจชาวชนบท เข้าใจ ส.ส. ย่อมได้รับคะแนนนิยมในพรรค ทั้งท่านหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือท่านประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ก็สามารถกลับเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดของพรรคได้อีกเช่นกัน การลาออกของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ เปรียบเสมือนแก้วที่ตกผลึกแล้ว และกำลังจะถูกเจียระไนให้มีมูลค่าสูงขึ้น"
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอฝากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน หยุดในสิ่งที่อาจจะทำให้สังคมเข้าใจผิด จากการสัมภาษณ์ พูดคุย หรือสร้างเครื่องมือการสื่อสารทางสังคม ซึ่งอาจทำลายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือบ้านเมือง และอาจจะเป็นการทำลายพรรคในทางอ้อม ในห้วงเวลาของการปรับเปลี่ยนผู้บริหารนี้ จะทำให้เราได้นโยบายเก่าผสมใหม่ ที่ดี ถูกใจพี่น้องประชาชน และสิ่งที่เราต้องการคือการเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ของประเทศก็จะอยู่ไม่ไกล
เมื่อถามว่า คนในพรรคต่างสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าพล.อ.ประวิตร มีจุดแข็งที่สามารถ นำเสนอนโยบายให้กับรัฐบาลได้โดยตรง อย่างไรก็ตามการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ เป็นเรื่องสมาชิกด้วย ไม่ใช่แค่ส.ส.อย่างเดียว โดยจะมีตัวแทนแต่ละสาขา ซึ่งการเลือกก็จะขึ้นอยู่กับคนส่วนรวม ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
นายสมศักดิ์ ยังตอบคำถามถึงความสัมพันธ์กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ว่า เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างนายสมคิด กับกลุ่มสามมิตรนั้น ขอย้ำว่าที่ผ่านมานายสมคิด เคยพูดในสภาและอีกหลายๆที่ว่าไม่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่คนในกลุ่มสามมิตร ดังนั้นจะเอามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกัน และเราได้สลายสามมิตรไปแล้ว
แน่นอนว่า การปรับเปลี่ยน กก.บห.พรรค จะโยงถึงการปรับครม.ด้วย เพราะนายกฯได้แบ่งโควต้าให้กับพรรคการเมืองของแต่ละพรรค ซึ่งพลังประชารัฐเอง ก็จะต้องดูกระทรวงให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ส่วนที่ไม่ตอบสนองประชาชน ก็ต้องอาศัยโควต้ากลาง อย่างกระทรวงมหาดไทย
ส่วนกรณีที่เกิดการ ปรับเปลี่ยนแล้วทำให้เกิดคนบางกลุ่มในพรรคไม่พอใจแล้วไปตั้งพรรคใหม่นั้น นายสมศักดิ์ มองว่าคงขาดใจตายก่อน เพราะรัฐบาลเดินมา 1 ปี กว่าจะเลือกตั้งก็อีก 3 ปี พร้อมเชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ครบ 4 ปี เนื่องจากกระแสความนิยมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถชี้แจง และตอบถึงปัญหาของประชาชนและส.ส.ในสภาได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นนายกฯ ที่ขยันที่สุดตั้งแต่ตนได้ทำงานการเมืองมา
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ ว่า นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท จะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของสมาชิกทั้งหมด
เล็งประชุมเลือก กก.บห.ชุดใหม่ต้นก.ค.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การจัดประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.หลัง 18 กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันลาออก เหลือกรรมการบริหารพรรค 16 คนทำหน้าที่รักษาการว่า โดยข้อบังคับพรรค นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค ต้องเรียกประชุม 16 กรรมการบริหารพรรคที่เหลือ เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญ สถานทึ่และระเบียบวาระการประชุม ซึ่งน่าจะเรียกประชุม 16 กรรมบริหารพรรคภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยอาจจะประชุม1-2 ครั้ง แล้วสรุป
อย่างไรก็ตาม หากรักษาการหัวหน้าพรรคไม่เรียกประชุม 16 กรรมการบริหารพรรคที่เหลือภายใน 45 วัน จะมีผลอะไรหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า จะถือว่าไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค และกระทบต่อสถานะพรรค ยิ่งจะทำให้เกิดปัญหา แต่ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่านายอุตตม ยึดมั่นข้อบังคับพรรค และเชื่อว่าการประชุมกรรมการบริหารพรรค ไม่มีปัญหาเรื่องของการป้องกันโควิด-19 เนื่องจากเหลือแค่ 16 คน จัดมาตรการป้องกันได้ และคาดว่าจะจัดประชุมใหญ่สามัญได้ช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้
จากกรณีที่จะมีความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐ และกรรมการบริหารพรรคลาออก 18 คน ทำให้มีกระแสข่าวว่าหลังมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ อาจจะมีการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยดึงพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาลนั้น
วานนี้ (3มิ.ย.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทยดำรงการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นการร่วมทำงานกับพรรคใด ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง ชอบธรรมของที่มา รวมถึงแนวนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินที่สอดคล้องกัน
พรรคเพื่อไทยปฏิเสธการเข้าสู่อำนาจ ที่ไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และปฏิเสธการได้อำนาจมาด้วยวิธีการที่คำนึงถึงแต่ประโยชน์เฉพาะตนของนักการเมือง การทำงานการเมือง และการตัดสินใจทางการเมืองทุกครั้ง ต้องยึดมั่นและคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในผลประโยชน์สูงสุดของประเทศในภาวะวิกฤต การร่วมกันหาทางออก หากเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ และต่อพี่น้องประชาชน จะกระทำได้ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง เปิดเผยและซื่อสัตย์ต่อประชาชน และจะต้องมีการหารือร่วมกันของสมาชิก และผู้มีส่วนรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดในพรรคเพื่อไทย
"ผมคิดว่าข่าวลือที่ปล่อยกันออกมา เพื่อหวังผลในการดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการกระทำที่มุ่งหวังในการต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง โดยหวังอาศัยส่วนประกอบและเงื่อนไขต่างๆ เป็นเครื่องมือเพื่อเอื้อประโยชน์แก่การจัดสรรอำนาจของพวกตนเอง เพื่อให้ผลประโยชน์และอำนาจลงตัวกันเท่านั้น ดังนั้นผมขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ว่าใครผู้ใดจะอ้างเป็นตัวแทนพรรคไปเจรจาใดๆ ตราบใดที่ผมยังทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ผมยืนยันจะไม่นำพาพรรคไปกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชน และหลักการประชาธิปไตยเป็นอันขาด" นายสมพงษ์ กล่าว
"สมศักดิ์"สวน"ลุงตู่"มั่นใจมีปรับครม.
วันเดียวกันนี้ ที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกของกรรมการบริหารพรรค18 คนว่า พลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองใหม่ แม้จะไม่ใช่พรรคที่มีเสียงส.ส. มากที่สุดในสภาฯ แต่เมื่อได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคต้องมีกิจกรรมทางการเมืองที่กระฉับกระเฉง และมุ่งมั่น เพื่อที่จะเป็นหลักในทางการเมือง
ดังนั้น การปรับปรุงองค์ประกอบของพรรค คือการปรับพื้นฐานของพรรคให้มีความหนักแน่น มั่นคงมากขึ้น เพื่อจะนำพาพรรคไปสู่การเป็นเสาหลักที่มั่นคงของประเทศต่อไป
"การปรับโครงสร้างทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่าผู้บริหารเดิมจะไม่สามารถกลับมาได้อีก บุคคลที่เข้าใจชาวบ้าน เข้าใจชาวชนบท เข้าใจ ส.ส. ย่อมได้รับคะแนนนิยมในพรรค ทั้งท่านหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือท่านประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ก็สามารถกลับเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดของพรรคได้อีกเช่นกัน การลาออกของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ เปรียบเสมือนแก้วที่ตกผลึกแล้ว และกำลังจะถูกเจียระไนให้มีมูลค่าสูงขึ้น"
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอฝากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน หยุดในสิ่งที่อาจจะทำให้สังคมเข้าใจผิด จากการสัมภาษณ์ พูดคุย หรือสร้างเครื่องมือการสื่อสารทางสังคม ซึ่งอาจทำลายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือบ้านเมือง และอาจจะเป็นการทำลายพรรคในทางอ้อม ในห้วงเวลาของการปรับเปลี่ยนผู้บริหารนี้ จะทำให้เราได้นโยบายเก่าผสมใหม่ ที่ดี ถูกใจพี่น้องประชาชน และสิ่งที่เราต้องการคือการเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ของประเทศก็จะอยู่ไม่ไกล
เมื่อถามว่า คนในพรรคต่างสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าพล.อ.ประวิตร มีจุดแข็งที่สามารถ นำเสนอนโยบายให้กับรัฐบาลได้โดยตรง อย่างไรก็ตามการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ เป็นเรื่องสมาชิกด้วย ไม่ใช่แค่ส.ส.อย่างเดียว โดยจะมีตัวแทนแต่ละสาขา ซึ่งการเลือกก็จะขึ้นอยู่กับคนส่วนรวม ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
นายสมศักดิ์ ยังตอบคำถามถึงความสัมพันธ์กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ว่า เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างนายสมคิด กับกลุ่มสามมิตรนั้น ขอย้ำว่าที่ผ่านมานายสมคิด เคยพูดในสภาและอีกหลายๆที่ว่าไม่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่คนในกลุ่มสามมิตร ดังนั้นจะเอามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกัน และเราได้สลายสามมิตรไปแล้ว
แน่นอนว่า การปรับเปลี่ยน กก.บห.พรรค จะโยงถึงการปรับครม.ด้วย เพราะนายกฯได้แบ่งโควต้าให้กับพรรคการเมืองของแต่ละพรรค ซึ่งพลังประชารัฐเอง ก็จะต้องดูกระทรวงให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ส่วนที่ไม่ตอบสนองประชาชน ก็ต้องอาศัยโควต้ากลาง อย่างกระทรวงมหาดไทย
ส่วนกรณีที่เกิดการ ปรับเปลี่ยนแล้วทำให้เกิดคนบางกลุ่มในพรรคไม่พอใจแล้วไปตั้งพรรคใหม่นั้น นายสมศักดิ์ มองว่าคงขาดใจตายก่อน เพราะรัฐบาลเดินมา 1 ปี กว่าจะเลือกตั้งก็อีก 3 ปี พร้อมเชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ครบ 4 ปี เนื่องจากกระแสความนิยมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถชี้แจง และตอบถึงปัญหาของประชาชนและส.ส.ในสภาได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นนายกฯ ที่ขยันที่สุดตั้งแต่ตนได้ทำงานการเมืองมา
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ ว่า นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท จะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของสมาชิกทั้งหมด
เล็งประชุมเลือก กก.บห.ชุดใหม่ต้นก.ค.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การจัดประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.หลัง 18 กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันลาออก เหลือกรรมการบริหารพรรค 16 คนทำหน้าที่รักษาการว่า โดยข้อบังคับพรรค นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค ต้องเรียกประชุม 16 กรรมการบริหารพรรคที่เหลือ เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญ สถานทึ่และระเบียบวาระการประชุม ซึ่งน่าจะเรียกประชุม 16 กรรมบริหารพรรคภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยอาจจะประชุม1-2 ครั้ง แล้วสรุป
อย่างไรก็ตาม หากรักษาการหัวหน้าพรรคไม่เรียกประชุม 16 กรรมการบริหารพรรคที่เหลือภายใน 45 วัน จะมีผลอะไรหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า จะถือว่าไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค และกระทบต่อสถานะพรรค ยิ่งจะทำให้เกิดปัญหา แต่ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่านายอุตตม ยึดมั่นข้อบังคับพรรค และเชื่อว่าการประชุมกรรมการบริหารพรรค ไม่มีปัญหาเรื่องของการป้องกันโควิด-19 เนื่องจากเหลือแค่ 16 คน จัดมาตรการป้องกันได้ และคาดว่าจะจัดประชุมใหญ่สามัญได้ช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้