xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกา...การ“จลาจล”และการ “ปฏิวัติ”!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท



คงเลี่ยงไม่พ้นที่ต้องย้อนกลับไปแวะที่ประเทศคุณพ่ออเมริกากันอีกนั่นแหละทั่น...สำหรับ ณ วันนี้ ช่วงนี้ ณ วินาทีนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง มันออกไปทางเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เละเป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ ยิ่งเข้าไปทุกที หลังเกิดความไม่พอใจต่อกรณีตำรวจผิวขาวแห่งเมืองมินนีอาโปลิส ใช้เข่ากดคอผู้ต้องหาชาวผิวสี อย่าง “นายจอร์จ ฟลอยด์” ซะจนตายคาที่ อันนำไปสู่การประท้วง การลุกฮือ และลุกลามบานปลาย กลายเป็นการ “จลาจล” แผ่ซ่านไปทั่วรัฐต่างๆ และเมืองต่างๆ ไม่น้อยกว่า 30 เมืองในสหรัฐฯ ไปแล้วในทุกวันนี้ หรือนับจากช่วงวันเสาร์ (30 พ.ค.) ที่ผ่านมา...

เละชนิดรัฐต่างๆ ต้องประกาศ “เคอร์ฟิว” ไปแล้วไม่น้อยกว่า 8 รัฐ ต้องขอกำลังทหารจากหน่วยเนชั่นแนล การ์ด จากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ มาช่วยลาดตระเวนดูแล รักษาความสงบนับเป็นหมื่นๆ นาย เกิดเหตุการณ์การปะทะ การไล่ทุบ ไล่บี้ ระหว่างตำรวจทหารกับบรรดาผู้ประท้วงที่มีทั้งผิวขาว ผิวสี ถูกแพร่ออกไปเป็น “คลิปวิดีโอ” ต่างๆ ทั่วทั้งโลกโซเชียล มีเดีย ซึ่งยิ่งส่งผลให้สถานการณ์มีแต่ “ร้อน...กับ...ร้อน” ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าภาพตำรวจกระแทกอกผู้ประท้วงชนิดลงไปนอนกลิ้งกับพื้น แถมตามไปเหยียบ ไปกระทืบซ้ำอีกต่างหาก ภาพการใช้รถตำรวจพุ่งเข้าชนผู้ประท้วงเอาดื้อๆ หรือไสม้าเข้าไปเหยียบฝูงชนจนนอนกลิ้ง นอนหงาย ฯลฯ ขณะที่ผู้มีอำนาจในการบริหาร จัดการ ไม่ว่าระดับรัฐบาลกลาง หรือรัฐบาลท้องถิ่น กลับหันไปออกข่าว “CNN” โทษรัสเซีย โทษจีน หาว่าอยู่เบื้องหลังการประท้วงไปโน่นเลย...

คือออกอาการ “ไปไม่เป็น” ทั้งที่เละๆ...อะไรต่อมิอะไรมันเลยทำท่าว่าน่าจะเละยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะถ้าว่ากันถึงต้นสายปลายเหตุแห่งการลุกฮือขึ้นประท้วง หรือการ “ก่อจลาจล” คราวนี้ มันคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับจีน กับรัสเซีย หรือกับเครือข่ายต่อต้านฟาสซิสต์ที่เรียกว่าขบวนการ “แอนติฟา” อย่างที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” หันมาโทษปี่ โทษขลุ่ย เอาเลยแม้แต่นิด เผลอๆ...อาจไม่ได้เกี่ยวกับการเอาเข่ากดคอชาวผิวดำ อย่าง “นายจอร์จ ฟลอยด์” จนหายใจไม่ออก ของตำรวจสหรัฐฯ ล้วนๆ แต่เพียงเท่านั้น เพราะมันอาจต้องโยงไปเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ความรวย-ความจน ไปจนถึงการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ รวมทั้งความรุนแรง อันเป็นพื้นฐานและองค์ประกอบของ “สังคมอเมริกัน” มานานเต็มที จนเมื่อ “ฟาง” แต่ละเส้น มันค่อยๆ หล่นใส่ “หลังลา” หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่า “คนว่างงาน” ในสหรัฐฯ ที่ปาเข้าไปถึงเกือบ 30 ล้านคนไปแล้วในทุกวันนี้ “คนตาย” จากการแพร่ระบาดของเชื้อ “COVID-19” ที่ส่วนใหญ่หนักไปทางพวกผิวดำ ที่แทบไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพ ด้านสวัสดิการมาโดยตลอด เมื่อมีอันต้องเจอกับภาพตำรวจผิวขาว เล่นงานผู้ต้องหาชาวผิวดำ อย่างชนิดทุเรศเอามากๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันก็เลย “เตร๊งเตรง เตร่งต๋อย ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์” ขึ้นมาจนได้...

อันที่จริง...ฉากเหตุการณ์การจลาจล การลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจรัฐ ไม่ว่าระดับท้องถิ่น หรือรัฐบาลกลาง ที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วประเทศอเมริกาทุกวันนี้ ได้เคยมีนักคิด นักเขียน และนักกฎหมายชาวอเมริกันเอง ผู้มีนามว่า “นายเดวิด เดโกรว์” (David J. DeGraw) เคยได้คาดการณ์ หรือเคยวาดฉากจินตนาการเอาไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว หรือตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 โน่นเลย ในหนังสือที่ขายดิบ ขายดี ไม่น้อยในประเทศอเมริกา ที่ให้ชื่อไว้ว่า... “The road Trough 2012: Revolution or World War Three” หรือ “เส้นทางสู่ปี ค.ศ. 2012 การปฏิวัติหรือสงครามโลกครั้งที่ 3” อะไรประมาณนั้น คือแม้ว่านักคิด นักเขียน ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อย ค่อนข้างเห็นไปในแนวเดียวกัน รวมทั้ง “นายเดวิด เดโกรว์” อีกด้วย ว่าความพยายามแก้ปัญหาความเละเทะ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในสังคมอเมริกันนั้น ทำให้รัฐบาลอเมริกันมักหันไปหาทางออกด้วยการก่อสงครามในระดับโลก หรือหันไปเดินตามแนวทาง “ลัทธิเคนเนเชียนทางทหาร” (Military Keynesianism) มาโดยตลอด แต่อาจด้วยเพราะตัว “นายเดวิด เดโกรว์” เอง เป็นผู้ที่พยายามอาศัยความรู้ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เพื่อช่วยเหลือ ดูแล บรรดาลูกจ้างและชนชั้นแรงงาน คลุกคลีกับความทุกข์ ความยาก ของบรรดาคนจน ชนชั้นแรงงาน ในอเมริกามาเกือบ 2 ทศวรรษกว่าๆ ด้วย “ความจริง” ที่เกิดจากการรวบรวมตัวเลข ข้อมูล สถิติ ถึงความทุกข์ ความยาก ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ภายในสังคมอเมริกา ทำให้ “นายเดวิด เดโกรว์” แกค่อนข้างเชื่อว่า การลุกฮือขึ้นก่อการจลาจล หรือ “การปฏิวัติ” ภายในสังคมอเมริกัน อาจเกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลคิดจะลากอเมริกันชนออกไปทำ “สงครามโลก” อีกครั้งก็ไม่แน่!!!

เพราะโดยตัวเลข ข้อมูล สถิติ ที่ “นายเดวิด เดโกรว์” รวบรวมมาได้...ออกจะเป็นอะไรที่สามารถกลายไปเป็น “เงื่อนไข-เหตุปัจจัย” ให้เกิดการลุกฮือขึ้นปฏิวัติ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอเมริกัน ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เช่นตัวเลข “คนจน” หรืออเมริกันชนที่ต้องใช้ชีวิตต่ำกว่าเส้นมาตรฐานความยากจนของสหประชาชาติ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 16.8 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 เป็นต้นมา หรือมีจำนวนถึง 52 ล้านคน จากจำนวนประชากร 309 ล้านคนทั่วประเทศ ก่อให้เกิดปัญหาช่องว่าง ปัญหาความเหลื่อมล้ำ มากซะยิ่งกว่าประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนาทั้งหลาย เมื่อเทียบสัดส่วนกับอัตราจำนวนประชากรมากกว่าอียิปต์ ปากีสถาน เยเมน ตูนีเซีย ฯลฯ ที่เคยส่งผลให้เกิดการลุกฮือ การก่อการปฏิวัติกันไปเป็นรายๆ บรรดาคนจนในอเมริกันเหล่านี้ คือผู้ที่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ ในด้านหลักประกันสุขภาพมาโดยตลอด 44 ล้านคน ต้องยังชีพอยู่ด้วยโครงการแสตมป์อาหาร นับสิบๆ ล้านคนกลายเป็นคนว่างงาน ตกงาน อันทำให้ “สังคมอเมริกันที่แท้จริง” ในทัศนะของนักคิด นักเขียนชาวอเมริกันผู้นี้ ไม่ได้เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยเสรีภาพ ความเป็นประชาธิปไตย อย่างที่ใครต่อใครยกย่องเชิดชูกันมาโดยตลอด แต่เป็นสังคมที่มีสภาพไม่ต่างไปจาก “สังคมทาสยุคใหม่” (Neo-Feudal) ที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกควบคุมไว้ด้วย “นายธนาคารแห่งจักรวรรดิ” (Imperial Banking cartel) ผู้อาศัย “เครือข่ายการก่อการร้ายทางการเงิน” (Financial terrorism network) เป็น “อาวุธทำลายล้าง” ในการกดขี่ชาวอเมริกันและชาวโลกทั้งโลก (Weapons of mass oppression) ที่น่าเกลียด น่ากลัว ซะยิ่งกว่าอาวุธทำลายล้าง (Weapon of mass destruction) ของผู้ก่อการร้ายตัวจริงไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...

ดังนั้น... “นายเดวิด เดโกรว์” แกได้ตัดสินใจ “ฟันธง” เอาไว้มาตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว ประมาณว่า... “ขณะที่ประชาชนอเมริกันเกือบ 99 เปอร์เซ็นต์ตกอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง (paycheck to paycheck) ต้องการหาเงินมาจ่ายค่าหมอ ค่าดูแลสุขภาพและสวัสดิการ หลายคนมีคนรักที่กำลังเจ็บป่วย ใกล้ตาย หรือตายไปแล้วโดยไม่รับการเหลียวแล แต่ประชาชนเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์กลับสุขสบาย ร่ำรวย มั่งคั่ง ทั้งที่ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยล้านคนกำลังหมดเนื้อ หมดตัว ใช้ชีวิตแบบอดๆ อยากๆ ภายใต้สภาพเช่นนี้...จึงแน่ใจได้เลยว่า บรรดาเราๆ ชาวอเมริกันทั้งหลาย กำลังมีโอกาสได้เป็นประจักษ์พยาน ได้มีส่วนรู้เห็นถึงความล่มสลายแตกสลายของสังคมอเมริกันที่กำลังใกล้อุบัติขึ้นมาในอีกไม่นาน-ไม่ช้า นับจากนี้...”

แม้ว่าคำว่า “ไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้” ของ “นายเดวิด เดโกรว์” จะไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นตอนไหน เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเชื้อไวรัส “COVID-19” ท่านได้ช่วย “ร่นระยะเวลา” ให้ใกล้เข้ามายิ่งขึ้นทุกที จำนวนคนตกงาน ว่างงาน ในอเมริกาที่ปาเข้าไปประมาณ 30 ล้านคนเป็นอย่างน้อย จำนวนผู้ป่วย ผู้ตาย เพราะโรคระบาดที่สูงที่สุดในโลก และล่าสุดที่เพิ่งเป็นข่าวเมื่อช่วงวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง เมื่อกระทรวงเกษตรอเมริกา ประกาศว่าโครงการธนาคารอาหาร และโครงการสแตมป์อาหารของอเมริกากำลังอยู่ในภาวะ “วิกฤต” อันอาจส่งผลให้ชาวอเมริกันกว่า 54 ล้านคน ต้องขาดอาหารไม่ว่าประเภทนม-เนื้อ-และพืชผัก เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” นั่นเอง ฯลฯ...ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเลยต้องมีอัน “เตร๊งเตรง เตร่งต๋อย ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์” ขึ้นมาในทุกวันนี้...


กำลังโหลดความคิดเห็น