xs
xsm
sm
md
lg

โลกที่มีคนตกงานกว่าครึ่งโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Brian Strutton เลขาธิการสมาคมการบินอังกฤษ
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงไม่ต้องไปวุ่นๆ กับเรื่องจีน เรื่องอเมริกา อีกต่อไปแล้ว เพราะระหว่างที่คุณพ่ออเมริกาพยายามเข้าไปวุ่น หรือไป “เผือก” คุณพี่จีน ในเรื่อง “ม็อบฮ่องกง” จนกลายเป็นข่าวคราวความตึงเครียดมาตลอดสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่าตัวเองดันต้องมาวุ่นกับ “ม็อบสีผิว” ในรัฐมินนิโซตา ที่ทำท่าว่ากำลังลุกลามไปยังรัฐอื่นๆ อีกเป็นจำนวนไม่น้อย จนผู้นำอย่าง “ทรัมป์บ้า” ต้องออกมาขู่ม็อบ ประมาณว่า “ปล้นเมื่อไหร่ ยิงเมื่อนั้น” อะไรทำนองนั้น แถมเจอกับม็อบแค่ 3 วัน ยังถึงกับคิดส่งกำลังทหารเข้าไปกำราบปราบปรามซะอีกด้วย ขณะคุณพี่จีนท่านเจอมาเป็นปีๆ ยังอาศัยแค่ตำรวจฮ่องกงล้วนๆ เพราะฉะนั้น...คงแทบไม่ต้องเสียเวลาไปพูดถึงกันอีกต่อไป...

ลองเปลี่ยนบรรยากาศหันมามองภาพรวมๆ ของโลกทั้งโลกน่าจะเหมาะกว่า...โดยเฉพาะต่อกรณีที่ได้มีข่าวคราวเผยแพร่ไปเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงผลงานรายงานการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหาร จัดการ ในระดับโลก อย่างบริษัท “Boston Consulting Group” หรือ “BCG” ซึ่งมีเครือข่ายสาขา 90 แห่งกระจายอยู่ใน 50 ประเทศทั่วโลก ที่ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขสถิติเกี่ยวกับแนวโน้มความเป็นไปทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการจ้างงาน การว่างงาน เอาไว้อย่างน่าสยดสยอง น่าขนลุกขนพอง เป็นอย่างยิ่ง ว่าภายในช่วงปี ค.ศ. 2020 หรือปีนี้ โอกาสที่ “กว่าครึ่งหนึ่ง” ของคนทำงานทั่วทั้งโลก หรือบรรดาประชากรโลกประมาณ 2,000 ล้านคนเป็นอย่างน้อย มีแนวโน้มว่าจะต้องตกงาน-ว่างงาน สูงเอามากๆ!!! อันเนื่องมาจากการออกฤทธิ์ ออกเดช ออกอาละวาด หรือการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส “COVID-19” นั่นเอง ที่ทำให้บรรดาบริษัทธุรกิจต่างๆ ทั่วทั้งโลก มีแต่ “เดี้ยงกับเดี้ยง” กันไปเป็นแถบๆ...

เรียกว่า...ในจำนวนพลโลกทุกๆ 6 คน จะต้องมีอยู่ 1 คน ที่ต้องทำหน้าที่ “วิจัยฝุ่น” หรือต้องว่างงาน-ตกงานภายในช่วง 2 หรือ 3 เดือนข้างหน้านี้ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ หรือทำให้ “รายได้” จากเงินเดือน จากค่าจ้างทำงาน หายไปจากกระเป๋ากุงเกงของผู้คนทั่วทั้งโลก ประมาณไม่ต่ำกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 100 ล้านล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น นี่...ถ้าว่ากันตามตัวเลขสถิติ ที่องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ หรือ “International Labor Organization” เขาคาดคะเนเอาไว้ พูดง่ายๆ ว่า...โอกาสที่ผู้คนกว่าครึ่งโลก หนีไม่พ้นต้องตกอยู่ในสภาพ “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” กำลังมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

อันนี้นี่แหละ...มันเลยออกจะน่าสยดสยอง น่าขนลุกขนพอง อยู่พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึง “อารมณ์-ความรู้สึก” ของผู้ที่จัดอยู่ในประเภท “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” ทั้งหลาย คือมันคงหงุดหงิด งุ่นง่าน ตาขวาง หางตก กันเป็นจำนวนไม่น้อย และสามารถตกผลึกกลายไปเป็นอารมณ์โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยา และชิงชังได้เสมอๆ ถ้าหากผู้มีอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ ไม่สามารถ “เข้าถึง” และ “เข้าใจ” ได้แบบจริงๆ จังๆ แม้ว่าในรายงานการศึกษาของบริษัท “BCG” เขาพยายามมองโลกในแง่ดีเอาไว้บ้างว่า แนวโน้มดังกล่าวอาจกลับสู่สภาพปกติได้บ้างในช่วงปลายปีนี้ แต่ด้วยเหตุที่ยังไม่มีใครสามารถสรุปหรือฟันธงลงไปได้อย่างชัดเจน ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโรคชนิดนี้ มันจะไปสิ้นสุดเอาตอนไหน อีกทั้งการแพร่ระบาดมันยังก่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างระยะยาวของภาคธุรกิจจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าธุรกิจค้าปลีกสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร โรงงาน โรงแรม ภัตตาคาร ท่องเที่ยว การบิน การก่อสร้าง ฯลฯ อันเป็นภาคธุรกิจที่ต้องเลย์ออฟคนงานและลูกจ้าง เป็นจำนวนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ต้องว่างงานทั้งมวล โอกาสฟื้นตัวกลับสู่ภาวะ “ปกติ” มันจึงไม่ถึงกับง่ายสักเท่าไหร่...

อย่างเช่น ธุรกิจการบิน เป็นต้น...โอกาสที่จะกลับมาโต หรือกลับมา “รักคุณเท่าฟ้า” แบบที่ใครต่อใครในบ้านเราหวังๆ ไว้กับ “การบินไทย” อะไรทำนองนั้น มันแทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เอาเลยก็ว่าได้ เพราะทุกวันนี้...ต้องเรียกว่าธุรกิจการบินทั่วทั้งโลก แค่ประคับประคองไว้ไม่ให้ “ตาย” ก็ออกจะเป็นอะไรที่ยากส์ส์ส์เอามากๆอยู่แล้ว ถ้าว่ากันตามรายงานของเลขาธิการสมาคมการบินอังกฤษ (British Airline Pilots Association) “นายBrian Strutton” ที่ออกมาเปิดเผยถึงสถานะของสายการบินต่างๆ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สรุปว่า...ไม่ว่าสายการบินดังๆ อย่าง British Airways, Lufthansa, Ryanair, Scandinavian Airlines, Air France ฯลฯ ต่างตกอยู่ในสภาพ “รักคุณเท่าคว้า” ออกอาการ “จำปีระเบิด” ไม่ต่างไปจากการบินไทยของบ้านเรานั่นแหละ คือต้องเลย์ออฟ ต้องปลดพนักงานรวมๆ แล้วประมาณ 32,000 คน เป็นอย่างน้อย...

หรือถ้าว่ากันตามการคาดการณ์ของบริษัทการบิน อย่าง “CAPA” (Centre For Aviation) ที่ระบุว่า...ถ้าปราศจากการช่วยเหลือของรัฐบาล หรือการประคับประคองของอุตสาหกรรมการบินภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ สายการบินทั่วทั้งโลกโดยส่วนใหญ่ จะตกอยู่ในภาวะ “ล้มละลาย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ เพราะที่ล้มละลายไปแล้ว มีทั้ง Flybe ของอังกฤษ Virgin ของออสเตรเลีย Trans States Airlines และ Compass Airlines ของอเมริกา ไปจนถึง Air Italy, South African Airway รวมทั้ง Avianca และ LATAM ในละตินอเมริกาโน่นเลย แม้แต่สายการบินยักษ์ใหญ่อย่าง United Airlines ยังหนีไม่พ้นต้องตัดค่าใช้จ่าย ด้วยการลดเงินเดือนพนักงานไปแล้วถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และโดยสภาวะเช่นนี้จึงทำให้ 1 ใน 3 ของนักบินทั่วทั้งอเมริกา หรือประมาณ 12,250 รายทุกวันนี้ ต้องลาออกจากบริษัทการบินแต่ละแห่งไปเป็นแถบๆ...

แต่นอกเหนือไปจากการออกฤทธิ์ ออกเดช ของเชื้อไวรัส “COVID-19” แล้ว...สิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือ “ภาวะแทรกซ้อน” ที่กำลังตามมาติดๆ นั่นคือการมาถึงของ “เทคโนโลยี” ยุคใหม่ ไม่ว่าประเภท 5G หรือประเภท AI (Artificial Intelligence) ทั้งหลาย ภายในอีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้ ที่จะเป็นตัวสร้างแรงเหวี่ยง เป็นตัวซ้ำเติมต่อการจ้างงาน การเปลี่ยนลักษณะการทำงาน ดังที่บริษัท “BCG” เขาได้ประมาณการไว้ว่า ภายในปี ค.ศ. 2030 โอกาสที่ตำแหน่งงานเท่าที่เคยมีอยู่ จะหายไปถึง 12 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย โดยมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของการจ้างงาน จะเปลี่ยนไปเป็นการทำงานนอกสำนักงาน หรือ “Remote work” สำหรับแรงงานที่มีทักษะสูงๆ จนบรรดาบริษัทต่างๆ อาจเหลือเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง และนั่นย่อมส่งผลให้บรรดาแรงงาน คนทำงาน ประเภทมีทักษะต่ำๆ ในแต่ละราย หนีไม่พ้นต้องกลายเป็นพวก “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” เพิ่มเข้าไปอีกต่างหาก...

สำหรับบ้านเรานั้น...ดูเหมือนท่านเลขาธิการ “กสทช.” คุณ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” ท่านเคยออกมาประมาณการไว้ว่า ถ้าเทคโนโลยี 5G มาถึงเมื่อไหร่ โอกาสที่ทวยไทยทั้งหลายจะตกงาน ว่างงาน น่าจะไม่น้อยกว่า 10-30 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้อดขนหัวลุก ขนแขนสแตนด์อัพ ขึ้นมามิได้ เพราะเรื่อง “อารมณ์-ความรู้สึก” นั้น มันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือไปจากความมีเหตุมีผล หรือเผลอๆ...อาจนอกเหนือไปจากความถูก-ผิด กระทั่งความดี-ความชั่ว ฯลฯ เอาเลยก็ไม่แน่!!! โอกาสที่ความหงุดหงิด งุ่นง่าน ตาขวาง หางตก มันอาจ “ตกผลึก” หรืออาจยกระดับไปสู่ความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยา และชิงชัง จึงเป็นสิ่งที่ควรตระเตรียมรับมือเอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ...


กำลังโหลดความคิดเห็น