ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอีก 11 คน อยู่ในสถานกักกันของรัฐทั้งหมด ผุดแอพ "ไทยชนะ"อุดช่องโหว่เช็กอิน-เช็กเอาต์ แง้มคลายล็อกเฟส 3 ลดเคอร์ฟิว 5 ทุ่ม-ตี 3 ห้างเปิดถึง 3 ทุ่ม ให้นั่งกินอาหารเป็นกลุ่ม 4-6 คน "ร้านนวดฯ-โรงหนัง" เตรียมเฮ
วานนี้ (28 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่า ไทยมีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 11 ราย ทั้งหมดอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,065 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 14 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสม 2,945 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 63 ราย ไม่มีรายงานเสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงที่ 57 ราย
สำหรับ สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 5,789,843 ราย เสียชีวิต 357,432 ราย ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าสนใจ พบว่า เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 28 พ.ค.อีก 79 ราย เป็นยอดที่สูงที่สุดในรอบ 53 วัน เกิดจากศูนย์กระจายสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงโซล ซึ่งล่าสุด มีผู้ติดเชื้อจากกรณีนี้ 69 รายแล้ว ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดโรงเรียนเกือบ 600 แห่งทั่วประเทศออกไปอีกครั้ง รมว.สาธารณสุข ของเกาหลีใต้ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดขึ้น เพราะศูนย์ดังกล่าวไม่ทำตามมาตรการป้องกัน ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ลาหยุดเมื่อป่วย ไม่เว้นระยะห่างในโรงอาหารของศูนย์ นี่คือบทเรียนที่เราได้
เฟส 3 ร้านในห้างเปิดได้เยอะขึ้น
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะมีกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง และถูกจัดให้อยู่ในระยะที่ 4 จะได้รับการผ่อนปรนใน ระยะที่ 3 มีกรอบการพิจารณาอย่างไร และสนามมวย ร้านนวด จะเปิดได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จนถึงนาทีนี้ยังไม่มีข้อสรุป จนกว่าจะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 29 พ.ค. ตอนนี้ สนามมวย ร้านนวด ยังไม่มีข้อสรุป อาจจะเป็นเพียงข่าว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
“ที่พอจะบอกได้คือ กลุ่มก้อนกว้างๆ คือ 1.ร้านรวงต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า ที่มีระบบดูแลที่ดี 2. กีฬา ซึ่งพยายามจะเปิดให้มากขึ้น โดยเฉพาะการซ้อมของนักกีฬา 3. เคอร์ฟิว มีแนวโน้มที่จะลดเวลาลงแน่ๆ แต่เวลาเท่าไร ให้รอที่ประชุมศบค.กำหนด และ 4. กิจการใดที่จะได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 3 จะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะทั้งหมด รวมถึงผู้ใช้บริการ ก็ต้องเช็กอินและเช็กเอาต์ ผ่านแอพฯ ดังกล่าว เพราะกิจการในระยะที่ 3 นี้มีความเสี่ยงในเกณฑ์ปานกลางถึงสูงทั้งสิ้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกิจการ/กิจกรรม ที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ ขึ้นอยู่ที่ประชุม ศบค.ในวันที่ 29 พ.ค.จะพิจารณา ซึ่ง ผอ.ศบค.บอกว่าจะพยายามเปิดให้มากที่สุด
ผุดแอพฯอุดช่องโหว่เช็กอิน-เอาต์
ด้าน นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เข้าใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ ซึ่งต้องการให้พัฒนาเรื่องความปลอดภัยและการใช้งานที่ง่าย โดยล่าสุดสามารถรองรับภาษาอังกฤษได้แล้ว และกำลังพัฒนาเพื่อให้รองรับภาษาเมียนมาร์ มาเลเซีย เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และภาษาลาว ส่วนข้อแนะนำเพื่อให้ผู้ใช้ทำงานง่ายขึ้น เช่น กรณีถือของเยอะไม่สะดวกเช็กเอาต์ หรือกลับบ้านไปแล้วลืมเช็กเอาต์ รวมทั้งปัญหาคิวอาร์โค้ดปลอม เราไม่นิ่งนอนใจ จึงพัฒนาจากแพลตฟอร์ม เป็นแอปพลิเคชั่นไทยชนะ ที่รองรับทั้งระบบแอนดรอยด์ และไอโอเอส โดยระบบแอนดรอยด์ จะสามารถดาวน์โหลดได้ในช่วงบ่าย(28พ.ค.) ส่วนระบบไอโอเอส ดาวน์โหลดได้ในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์นี้ ย้ำว่าไม่มีการส่งเอสเอ็มเอส แต่การดาวน์โหลด เข้าไปใน App Store เท่านั้น ไม่สามาถโหลดได้ในแหล่งอื่น ซึ่งประชาชนจะได้รับความสะดวกสามารถเช็กเอาต์เมื่อไรก็ได้
“โรงหนัง-โรงนวด” ได้เฮ
ด้าน พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เปิดเผยว่า ในการประชุม ศบค.คณะใหญ่ วันที่ 29 พ.ค.จะพิจารณาผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถทำกิจกรรมได้มากขึ้น และผ่อนคลายเพิ่มเติมในบางกิจการ/ กิจกรรมที่ยังไม่ได้รับการผ่อนคลายใน 2 ระยะที่ผ่านมา รวมถึงจะพิจารณาเวลาเคอร์ฟิว ที่จะลดเวลาเคอร์ฟิวลง 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการผ่อนคลายมากขึ้น
“กิจการ/กิจกรรมที่คาดว่าจะได้รับการผ่อนคลาย ในระยะที่ 3 จะเป็นการผ่อนคลายเพิ่มเติม อาทิ ห้างสรรพสินค้า นวดแผนไทยที่ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการ และการผ่อนคลายการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน นอกจากนี้จะมีการเสนอให้ผ่อนปรนโรงภาพยนตร์ทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า รวมถึงโรงละคร โรงมหรสพด้วย ส่วนโรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ สวนสนุก อาจยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง เพราะต้องพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากยังเป็นกลุ่มกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงอยู่” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว
คาดให้นั่งกินข้าว 4-6 คนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึงการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ระยะ 3 ในกิจการ/กิจกรรมต่างๆ ของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มี เลขาฯ สมช.เป็นประธาน ซึ่งได้หารือไปเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา และได้รายงานที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้น จะมีการปรับลดเวลาเคอร์ฟิว ทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร จากเดิมที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 23.00-04.00 น. เป็นเวลา 23.00-03.00 น. การปรับเวลาปิดห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่ให้ปิดในเวลา 20.00 น. มาเป็น 21.00 น. โดยจะมีร้านค้าภายในห้างฯ ที่จะได้กลับมาเปิดบริการเพิ่มเติม รวมถึงอนุญาติให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้าน สำหรับกลุ่มที่มาด้วยกัน ตั้งแต่ 4-6 คน นอกจากนั้น จะมีการอนุญาตให้ร้านนวดแผนไทยกลับมาเปิดกิจการได้
ขณะเดียวกัน ในส่วนของร้านตัดผม จากเดิมในการผ่อนปรนระยะ 2 อนุญาตผู้ประกอบการให้บริการเฉพาะ ตัด สระ ซอย แต่งผม นั้น โดยในระยะต่อไป จะอนุญาติเพิ่มเติมให้ทำสีผมได้ ภายในเวลาที่กำหนด รวมถึงการให้จัดงานแสดงสินค้า ในพื้นที่ไม่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร เพื่อให้ธุรกิจหรือโรงแรมสามารถเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ ในส่วนของสถานบันเทิง ผับ บาร์ มวย รวมถึงกิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อสูงนั้น ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
วานนี้ (28 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่า ไทยมีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 11 ราย ทั้งหมดอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,065 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 14 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสม 2,945 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 63 ราย ไม่มีรายงานเสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงที่ 57 ราย
สำหรับ สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 5,789,843 ราย เสียชีวิต 357,432 ราย ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าสนใจ พบว่า เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 28 พ.ค.อีก 79 ราย เป็นยอดที่สูงที่สุดในรอบ 53 วัน เกิดจากศูนย์กระจายสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงโซล ซึ่งล่าสุด มีผู้ติดเชื้อจากกรณีนี้ 69 รายแล้ว ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดโรงเรียนเกือบ 600 แห่งทั่วประเทศออกไปอีกครั้ง รมว.สาธารณสุข ของเกาหลีใต้ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดขึ้น เพราะศูนย์ดังกล่าวไม่ทำตามมาตรการป้องกัน ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ลาหยุดเมื่อป่วย ไม่เว้นระยะห่างในโรงอาหารของศูนย์ นี่คือบทเรียนที่เราได้
เฟส 3 ร้านในห้างเปิดได้เยอะขึ้น
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะมีกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง และถูกจัดให้อยู่ในระยะที่ 4 จะได้รับการผ่อนปรนใน ระยะที่ 3 มีกรอบการพิจารณาอย่างไร และสนามมวย ร้านนวด จะเปิดได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จนถึงนาทีนี้ยังไม่มีข้อสรุป จนกว่าจะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 29 พ.ค. ตอนนี้ สนามมวย ร้านนวด ยังไม่มีข้อสรุป อาจจะเป็นเพียงข่าว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
“ที่พอจะบอกได้คือ กลุ่มก้อนกว้างๆ คือ 1.ร้านรวงต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า ที่มีระบบดูแลที่ดี 2. กีฬา ซึ่งพยายามจะเปิดให้มากขึ้น โดยเฉพาะการซ้อมของนักกีฬา 3. เคอร์ฟิว มีแนวโน้มที่จะลดเวลาลงแน่ๆ แต่เวลาเท่าไร ให้รอที่ประชุมศบค.กำหนด และ 4. กิจการใดที่จะได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 3 จะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะทั้งหมด รวมถึงผู้ใช้บริการ ก็ต้องเช็กอินและเช็กเอาต์ ผ่านแอพฯ ดังกล่าว เพราะกิจการในระยะที่ 3 นี้มีความเสี่ยงในเกณฑ์ปานกลางถึงสูงทั้งสิ้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกิจการ/กิจกรรม ที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ ขึ้นอยู่ที่ประชุม ศบค.ในวันที่ 29 พ.ค.จะพิจารณา ซึ่ง ผอ.ศบค.บอกว่าจะพยายามเปิดให้มากที่สุด
ผุดแอพฯอุดช่องโหว่เช็กอิน-เอาต์
ด้าน นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เข้าใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ ซึ่งต้องการให้พัฒนาเรื่องความปลอดภัยและการใช้งานที่ง่าย โดยล่าสุดสามารถรองรับภาษาอังกฤษได้แล้ว และกำลังพัฒนาเพื่อให้รองรับภาษาเมียนมาร์ มาเลเซีย เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และภาษาลาว ส่วนข้อแนะนำเพื่อให้ผู้ใช้ทำงานง่ายขึ้น เช่น กรณีถือของเยอะไม่สะดวกเช็กเอาต์ หรือกลับบ้านไปแล้วลืมเช็กเอาต์ รวมทั้งปัญหาคิวอาร์โค้ดปลอม เราไม่นิ่งนอนใจ จึงพัฒนาจากแพลตฟอร์ม เป็นแอปพลิเคชั่นไทยชนะ ที่รองรับทั้งระบบแอนดรอยด์ และไอโอเอส โดยระบบแอนดรอยด์ จะสามารถดาวน์โหลดได้ในช่วงบ่าย(28พ.ค.) ส่วนระบบไอโอเอส ดาวน์โหลดได้ในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์นี้ ย้ำว่าไม่มีการส่งเอสเอ็มเอส แต่การดาวน์โหลด เข้าไปใน App Store เท่านั้น ไม่สามาถโหลดได้ในแหล่งอื่น ซึ่งประชาชนจะได้รับความสะดวกสามารถเช็กเอาต์เมื่อไรก็ได้
“โรงหนัง-โรงนวด” ได้เฮ
ด้าน พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เปิดเผยว่า ในการประชุม ศบค.คณะใหญ่ วันที่ 29 พ.ค.จะพิจารณาผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถทำกิจกรรมได้มากขึ้น และผ่อนคลายเพิ่มเติมในบางกิจการ/ กิจกรรมที่ยังไม่ได้รับการผ่อนคลายใน 2 ระยะที่ผ่านมา รวมถึงจะพิจารณาเวลาเคอร์ฟิว ที่จะลดเวลาเคอร์ฟิวลง 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการผ่อนคลายมากขึ้น
“กิจการ/กิจกรรมที่คาดว่าจะได้รับการผ่อนคลาย ในระยะที่ 3 จะเป็นการผ่อนคลายเพิ่มเติม อาทิ ห้างสรรพสินค้า นวดแผนไทยที่ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการ และการผ่อนคลายการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน นอกจากนี้จะมีการเสนอให้ผ่อนปรนโรงภาพยนตร์ทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า รวมถึงโรงละคร โรงมหรสพด้วย ส่วนโรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ สวนสนุก อาจยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง เพราะต้องพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากยังเป็นกลุ่มกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงอยู่” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว
คาดให้นั่งกินข้าว 4-6 คนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึงการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ระยะ 3 ในกิจการ/กิจกรรมต่างๆ ของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มี เลขาฯ สมช.เป็นประธาน ซึ่งได้หารือไปเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา และได้รายงานที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้น จะมีการปรับลดเวลาเคอร์ฟิว ทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร จากเดิมที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 23.00-04.00 น. เป็นเวลา 23.00-03.00 น. การปรับเวลาปิดห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่ให้ปิดในเวลา 20.00 น. มาเป็น 21.00 น. โดยจะมีร้านค้าภายในห้างฯ ที่จะได้กลับมาเปิดบริการเพิ่มเติม รวมถึงอนุญาติให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้าน สำหรับกลุ่มที่มาด้วยกัน ตั้งแต่ 4-6 คน นอกจากนั้น จะมีการอนุญาตให้ร้านนวดแผนไทยกลับมาเปิดกิจการได้
ขณะเดียวกัน ในส่วนของร้านตัดผม จากเดิมในการผ่อนปรนระยะ 2 อนุญาตผู้ประกอบการให้บริการเฉพาะ ตัด สระ ซอย แต่งผม นั้น โดยในระยะต่อไป จะอนุญาติเพิ่มเติมให้ทำสีผมได้ ภายในเวลาที่กำหนด รวมถึงการให้จัดงานแสดงสินค้า ในพื้นที่ไม่เกิน 2 หมื่นตารางเมตร เพื่อให้ธุรกิจหรือโรงแรมสามารถเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ ในส่วนของสถานบันเทิง ผับ บาร์ มวย รวมถึงกิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อสูงนั้น ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
