จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่
โดยมีวาระสำคัญคือการปรับเวลาเคอร์ฟิวและผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 โดย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ เสนอมาตการพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัส โควิด-19
ซึ่งที่ประชุมมีมติผ่อนปรนปรับลดเวลาเคอร์ฟิวลง 1 ชั่วโมง จากเดิม 23.00 น. ถึง 04.00 น. ปรับลดเป็น 23.00 น. ถึง 03.00 น. และปรับเวลาปิดห้างสรรพสินค้า เป็น 21.00 น. ให้ร้านค้าต่างๆ ภายในห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดบริการได้เพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังมีมติคลายมาตรการระยะที่ 3 ผ่อนปรนร้านนวดแผนไทย ให้กลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง ยกเว้น อบสมุนไพร ส่วนสถานเสริมความงามเปิดได้แต่ไม่ให้มีการอบไอน้ำ ขณะที่ โรงเรียนยังคงเปิดเรียนวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ตามเดิมแต่ผ่อนปรนให้เปิดสอบคัดเลือกและจัดอบรมได้
รวมทั้งอนุญาตให้สนามกีฬาทำการฝึกซ้อมได้ อาทิ ฟุตบอล ฟุตซอล มวย บาสเกตบอล และ วอลเลย์บอล แต่ยังไม่มีการจัดการแข่งขัน และมีการจำกัดจำนวรผู้เข้าร่วมไม่เกิน 10 คนไม่นับร่วมผู้เล่น
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 1 จะเริ่มกลับมาแข่งขันอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 12 กันยายน 2563 และปิดฤดูกาล 15 พฤษภาคม 2564
นอกจากนี้ โรงภาพยนต์ และ โรงมหรสพ ก็สามารถกลับมาเปิดกิจการได้ แต่จำกัดผู้เข้าชมได้ไม่เกิน 200 คนเท่านั้น