ทั้งเล่ห์และกล- เพื่อชนะเลือกตั้ง

ตะลึงกันไปทั้งโลก โดยเฉพาะที่สหรัฐฯ เมื่อปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวท่ามกลางการแถลงข่าวประจำที่ทำเนียบขาว ว่าเขาได้รับประทานยาไฮดรอกซีคลอโรควินมากว่า 1 อาทิตย์แล้ว

ทำเอาผู้สื่อข่าวตาค้างทีเดียว เพราะยาตัวนี้ได้เงียบหายไปหลายอาทิตย์จากการคะยั้นคะยอของทรัมป์ให้ทุกคนรับประทาน เพื่อป้องกันและรักษาโรคโควิด-19

เขาบอกว่า เขาได้ปรึกษากับแพทย์ประจำตัวเขาที่ทำเนียบขาว และหมอบอกว่า ให้ทรัมป์พิจารณารับทราบถึง Side Effect ที่ต้องเสี่ยง ซึ่งทรัมป์ตอบตกลง...หมอก็จึงสั่งยานี้ให้เขา

ช่วงต้นเมษายน เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มทะยานไปทั่วสหรัฐฯ และยอดคนตายเพิ่มอย่างน่าตกใจ ทรัมป์ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดยเฉพาะคือ การขาดแคลนทั้งหน้ากากอนามัยให้แพทย์ พยาบาล รวมทั้งชุด PPE และเครื่องช่วยหายใจ และแน่นอนเครื่องตรวจคัดกรอง (Test Kits) ก็มีน้อยนิด

เขาได้รีบออกมาแถลงว่า พบยาดีที่จะทำให้พลิกสถานการณ์จากตั้งรับมาเป็นรุกได้...เป็น Game Changer...คือ ยาตัวนี้แหละ ที่พบว่า ผู้ป่วยที่ใช้ขณะกำลังอยู่ในไอซียู แล้วพอฉีดเข้าไปเพียง 24 ชม.ก็สามารถออกจากไอซียูได้ เป็นยามหัศจรรย์และไม่ต้องไปเสียเวลารอคอยการค้นพบวัคซีน (ซึ่งจะใช้เวลาถึง 1-1 ปีครึ่ง) แต่ยาตัวนี้ได้ผ่าน อ.ย.มานานเนแล้ว (เกือบ 50 ปี) เป็นยารักษาโรคมาลาเรีย สามารถนำมาใช้ได้ทันที

ทำเอาคุณหมอเฟาชี และคุณหมอชั้นนำของสหรัฐฯ และที่อังกฤษ ต่างออกมาตักเตือนสาธารณชนให้ระมัดระวังกับการสรุปง่ายๆ โดยไม่ผ่านการทดลองอย่างเป็นระบบว่า เจ้ายาตัวนี้จะรักษาโรคโควิดได้ปลอดภัยหรือไม่

เพราะแม้แต่คนไข้ที่ใช้ยาตัวนี้รักษาโรคมาลาเรีย ก็ยังมีผลต่อการเต้นผิดปกติของหัวใจ และอาจมีผลต่อสายตาด้วย

ทรัมป์หยุดไปพักใหญ่ แล้วก็มียาฆ่าเชื้อประเภท Lysol ที่เขาแนะนำฝากฝังเหล่าแพทย์ให้ไปพิจารณาว่า ถ้าใช้ยาฆ่าเชื้อโรคได้ง่ายๆ แค่เอาน้ำยาเช็ดถูบนพื้นผิว เจ้าไวรัสร้ายโควิดก็ตายได้แล้ว มนุษย์ก็น่าจะฉีดยาฆ่าเชื้อนี้ (ที่ทั้งราคาถูกและหาได้ง่าย) เข้าไปในร่างกาย ก็แสนจะง่ายที่จะปราบไวรัสร้ายนี้ ไม่ต้องไปรอวัคซีนหรือยาฆ่าเชื้อโดยเฉพาะหรอก

นั่นก็ทำให้ผู้คนที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้างหรือเชื่อถือในข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ออกอาการตะลึงกับคำแนะนำนี้ของทรัมป์

ยังไม่รวมถึงคำแนะนำของทรัมป์ว่า แสงแดดก็น่าฆ่าเชื้อโรคได้ ซึ่งน่าจะให้คนไข้โรคโควิดได้มีการฉายแสงเพื่อฆ่าเชื้อ

เหล่าชาวเดโมแครตและปัญญาชน รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ตระหนักทันทีว่า ทรัมป์ไม่ค่อยมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์

แต่ที่สำคัญคือ มีคนอเมริกันตรงกลางๆ ประเทศ ประเภทเกษตรกรที่ดูแต่ทีวีช่องฟ็อกซ์ และหลงใหลในการแสดงของทรัมป์ ได้มีการโทร.ไปถามร้านค้าถึงเรื่องยา Lysol เพื่อซื้อหามาใช้ อาจถึงกับ “ดื่ม” เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสนี้!

ร้อนถึงเหล่าบรรดาผู้ผลิตยาฆ่าเชื้อ (ทำความสะอาดภายนอก) ต้องรีบออกมาโฆษณาว่า ยาเหล่านี้ถ้ารับประทานเข้าไปจะถึงชีวิตได้ คือ สำหรับใช้กับการถูพื้น ไม่ใช่เพื่อรับประทาน

อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทรัมป์ออกมาเปิดเผยว่า เขากินยาไฮดรอกซีคลอโรควิน เพราะมันปลอดภัย ไม่มีอะไรจะเสียหาย ก็เพราะเขากำลังเผชิญต่อความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดใหญ่รอบสอง (Second Wave) หลังจากที่เขาไปปลุกระดมให้ทุกๆ รัฐหันกลับมาเปิดเมืองอย่างเต็มที่ได้แล้ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้พลิกกลับมาเดินเครื่องให้ร้อนอีกครั้ง มิฉะนั้น เขาจะไม่ได้กลับมาเป็นปธน.รอบสอง

ทั้งเป็นการกู้หน้าที่เขาถูกเยาะเย้ยจากเหล่าปัญญาชน และคุณหมอทั้งหลายที่เขาได้ชักชวนให้คนอเมริกันหันมากินยาตัวนี้ ทั้งป้องกันและรักษาโรคโควิดได้

ซึ่งคุณหมอเฟาชีได้พูดย้ำทุกครั้งว่า ยาตัวนี้ใช้กับโรคมาลาเรีย และยังไม่มีการทดลองทางการแพทย์ว่าจะป้องกันรักษาโรคโควิดได้

ด้านท่านประธาน (สภาล่าง) แนนซี เพโลซี ได้ออกมาแถลงเรื่องงบ 3 ล้านล้านเหรียญ ที่สภาล่างเพิ่งผ่านออกมา (แต่ยังไม่ได้เข้าพิจารณาในสภาสูง ซึ่งสภาสูงเตรียมค้านเต็มที่) และเธอได้เริ่มการแถลง ด้วยการแสดงความห่วงใยในสุขภาพของปธน.ทรัมป์ ซึ่งเพิ่งกินยาที่ทาง อ.ย.ยังไม่ได้รับรองว่าจะป้องกันรักษาโรคโควิด-เธอบอกว่า ปธน.อยู่ในข่ายเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน และนั่นเป็นเงื่อนไขที่จะป่วยจากโรคโควิดได้ง่าย ยิ่งถ้าไปกินยาที่มี Side Effect ด้านหัวใจแล้ว เธอเป็นห่วงท่านปธน.เสียจริงๆ

การแสดงของทรัมป์เรื่องกินยาตัวนี้ ทำให้คิดถึงจอมมายากล Houdini ที่มีชื่อเสียงมากช่วงต้นศตวรรษ 1900’s เพราะเขาเล่นกลได้แบบทุกคนตาค้าง

สำหรับทรัมป์ แม้เขาจะทำขึงขังว่าหมอที่ทำเนียบขาวสั่งยานี้ให้เขากินได้ แต่ไม่มีพยานที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า เขาได้กลืนยาตัวนี้เข้าคอไปจริงหรือไม่ ไม่มีคำยืนยันจากหมอว่าเขากินยานี้จริง

เพื่อกลับมาเป็นปธน.สหรัฐฯ รอบสองให้จงได้ เพื่อไม่ให้น้อยหน้าศัตรูคู่แค้น ปธน.ผิวดำคนแรกคือ โอบามา ทรัมป์ลงทุนทำทุกอย่างเพื่อกุเรื่องกล่าวหาโอบามามากมาย และโทษความผิดไปให้โอบามา กรณีที่ตนเองผิดพลาดมาก ที่ไม่ได้เตรียมการรับโรคระบาดโควิดนี้ ที่เข้ามาอาละวาดจนคนอเมริกันตายไปเกือบแสนคน และเศรษฐกิจก็ถดถอยอย่างรุนแรง