ผู้จัดการรายวัน360 - "บิ๊กตู่" ขออนุญาตคนไทย นำวิกฤตการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูศาล ไม่ปล่อยให้ล้มละลายเอง เผยเป็นการตัดสินใจบนความยากลำบากของตัวเองและครม. เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ-ประชาชน เพื่อให้การบินไทย กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมมากว่า 60 ปี "อุตตม" สั่งสคร.ทำแผนขายหุ้น เพื่อลดสัดส่วนที่คลังถืออยู่ 51% “ศักดิ์สยาม” เร่งตั้งคณะทำแผนฟื้นฟู 15 คน เสนอนายกฯ สัปดาห์หน้า ลดหุ้นคลังต่ำกว่า 50% หลุดรสก.บอร์ดปัจจุบันพันหน้าที่ทันที หวังยื่นศาลได้ในมิ.ย. และใช้เวลาเดินตามแผนไม่เกิน 1 ปี “ถาวร” กังวลคนทำแผนฟื้นฟู ชี้ ทีจี พ้นสังกัดคมนาคม แต่พนักงานมีงานทำต่อ "ทริส เรตติ้ง" หั่นเครดิตการบินไทยเหลือ C จาก BBB และมีแนวโน้มจะถูกปรับลดลงไปสู่ระดับ Default
วานนี้ (19พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมครม.แบบเต็มคณะ จากนั้นนายกฯแถลงภายหลังการประชุมครม.ผ่านไลฟ์สดเพจไทยคู่ฟ้าว่า ขอแจ้งให้ทราบการตัดสินใจในเรื่องของการบินไทย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นการตัดสินใจเพื่อช่วยรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนทุกคน
ในส่วนของปัญหาเรื่องนี้ทุกคนทราบดีอยู่แล้วที่มีหนี้สินต่างๆมากพอสมควร ซึ่งก็มีอยู่ 3 ทางเลือก คือ 1. การหาเงินให้การบินไทยดำเนินการต่อไป 2. ปล่อยให้เข้าสู่สถานการณ์ล้มละลาย และ 3. เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาการฟื้นฟูไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก เพราะมีข้อกฎหมายอยู่หลายประการ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.แรงงาน และพ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ ดังนั้นวันนี้เราจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสม และรัฐบาลได้พิจารณาร่วมกัน ในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และครม.แล้ว
"พวกเราทุกคนตัดสินใจว่า เราจะเลือกทางที่ 3 เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และจะต้องมีการดำเนินการอีกหลายขั้นตอนต่อไป เพื่อแก้ปัญหาภายในองค์กร และเรื่องประกอบการต่อไป เพื่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างที่พวกเราคาดหวังไว้ ผมอยากให้ทุกคนกลับไปคิดดูว่า เรามีการบินไทยเพื่ออะไรในช่วงที่ผ่านมา และการบินไทยควรที่จะเป็นองค์กรที่จะสร้างชื่อเสียง และรายได้ให้กับคนไทย และมีความสามารถในการแข่งขัน เข้มแข็งในตัวเองได้อย่างไร นี้คือพื้นฐานในการตัดสินใจของผม และนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในวันนี้ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกล้าที่จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยการยื่นขอเข้ากระบวนการต่อศาล ซึ่งได้มีการหารือกันอย่างรัดกุมในรายละเอียดต่างๆ ทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงเวลานี้ประเทศไทยและทั้งโลก กำลังเผชิญวิกฤต รายได้ของทุกคนกำลังหายไปจากหายนะของโควิด-19 เราจำเป็นต้องรักษาเงินตราของประเทศไทยเอาไว้ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ ซึ่งต้องช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่างๆ ที่เผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทางธุรกิจ หรือช่วยเหลือคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือประชาชนทั่วไปที่ทำงานหนักในขณะนี้ เพื่อมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเอง รัฐบาลต้องมองอย่างรอบครอบในทุกมิติดังกล่าวที่ว่ามา
โดยปัญหาโควิด-19 จะยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะปัญหาที่หนักกว่านั้น คือ ปัญหาการทำมาหากินของประชาชน ล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น และยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสามารถกลับมาทำมาหากิน สร้างรายได้เหมือนปกติอย่างเคย นี่คือ วิกฤตทางเศรษฐกิจที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต เราต้องพิจารณาในการใช้จ่ายงบประมาณอีกจำนวนมากหลังจากช่วงวิกฤตโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนอยู่รอด สร้างชีวิตสร้างรายได้กลับสู่ภาวะปกติ และสร้างเศรษฐกิจประเทศกลับคืนมา และเข้มแข็งในระยะต่อไป
"ผมเองรู้สึกว่า การที่ตัดสินใจเข้าสู่แผนการฟื้นฟู โดยไม่ปล่อยให้การบินไทยเข้าสู่สถานะล้มละลาย ซึ่งอาจจะทำให้พนักงานมากกว่า 2หมื่นคน ต้องถูกลอยแพ พวกเราคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น จึงให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งของศาล ซึ่งเราหวังว่าเมื่อมีมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการแล้ว การบินไทยจะสามารถกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยเคยภาคภูมิใจ และกลับมาเป็นองค์กร ที่ช่วยสร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยได้
" เป็นวิธีการเดียวที่การบินไทยจะยังคงสามารถประกอบกิจการและดำเนินการต่อได้ พนักงานการบินไทยจะมีงานทำต่อไป ขณะเดียวกันการปรับโครงสร้างของการบินไทยหลายๆอย่างที่ควรจะสำเร็จนานแล้ว ก็จะเกิดขึ้นได้ด้วยในการเข้าสู่มาตรการฟื้นฟู นั่นคือ การตัดสินใจของผมและเป็นทิศทางที่รัฐบาลจะยึดมั่นปฏิบัติต่อกรณีของการบินไทย ส่วนในอดีตต่างๆ จะเป็นไปตามที่ศาลกำหนด ซึ่งผมได้ให้กระทรวงคมนาคม และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวถึงรายละเอียดอีกครั้ง" นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า การบินไทยถือว่าเป็นทูตที่ดีทางวัฒนธรรมที่ช่วยโปรโมตประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ผ่านการทุ่มเทการทำงานของคนมากมาย ตนหวังเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนว่า การช่วยเหลือให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาลล จะช่วยให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินที่มีความแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
คลัง เร่งทำแผนลดสัดส่วนถือหุ้นการบินไทย
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปทำแผนขายหุ้นบมจ.การบินไทย (THAI) ที่ปัจจุบันกระทรวงการคลังถืออยู่ 51.03% ให้ต่ำกว่า 50% เพื่อให้ THAI พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนฟื้นฟู THAI ตามมติคณะกรรมนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)
"สคร.ต้องไปดูว่า จะขายหุ้นที่คลังถืออยู่เท่าไร อย่างไร จึงจะเหมาะสม แต่ต้องลงมาอยู่ต่ำกว่า 50% ซึ่งขายลงมาหน่อยก็ต่ำกว่า 50% แล้ว สั่งการให้เร่งทำแผนโดยเร็ว แต่ต้องดูให้รัดกุม และรายงานให้ ครม.รับทราบเท่านั้น ไม่ต้องขอความเห็นชอบแล้ว" นายอุตตม กล่าว
คมนาคมตั้งคณะทำแผนฟื้นฟูสัปดาห์หน้า
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 19 พ.ค.เห็นชอบให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ภายใต้คำสั่งศาลทันที และเห็นชอบให้กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นให้ต่ำกว่า 50% ซึ่งจะทำให้บริษัท การบินไทย พ้นจากสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเห็นว่า การแก้ปัญหาบริษัท การบินไทย โดยฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาลเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ซึ่งจากสถานะการเงินของการบินไทย ณ สิ้นปี 2562 มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย จำนวน 147,352 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ต่างประเทศ 35% และหนี้เงินกู้จากการซื้อเครื่องบิน ประมาณ 15% โดยคาดว่าปี 2563 ยอดหนี้สินจะเพิ่มเป็น 219,198 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ฐานะการเงินอยู่ในขั้นวิกฤต มีสภาพหนี้สินล้นพ้นตัว กระแสเงินสดหมดในเดือนมิ.ย. จึงต้องเร่งแก้ปัญหา
ทั้งนี้ กระบวนการฟื้นฟูภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลายว่า จะมี10 ขั้นตอนต้องปฏิบัติ โดยเริ่มจาก 1.การเสนอครม.ลดการถือหุ้นลงต่ำกว่า 50% เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการยื่นแผนฟื้นฟูต่อศาลล้มละลาย 2. การบินไทยยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและเสนอตัวเองเป็นผู้จัดทำแผน โดยตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ 3. ยื่นศาล และเมื่อศาลรับคำร้อง การบินไทยจะได้รับความคุ้มคาองตามมาตรา 90/12 (สภาวะพักชำระหนี้) ทำให้สามารถหยุดจำนวนหนี้และดอกเบี้ยได้ 4. เจรจาเจ้าหนี้ทั้งหมด 5. ประชุมเจ้าหนี้ 6. ศาลตั้งผู้จัดทำแผน ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม 7. เสนอแผนฟื้นฟู 8. ประชุมเจ้าหนี้ อนุมัติแผนฟื้นฟู 9. ศาลพิจารณาเห็นชอบแผนและตั้งผู้บริหารแผน 10. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟู
“ขั้นตอนต่างๆ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด จะสรุปรายชื่อคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟู ไม่น้อยกว่า 15 คนเสนอต่อนายกฯ อนุมัติในสัปดาห์หน้า ขณะนี้ได้ทาบทามบุคคล ที่สามารถทำงานได้จริง ปราศจากการแทรกแซง และต้องหาที่ปรึกษาทางการเงิน ทางกฎหมาย มาช่วย คาดว่าจะยื่นศาลได้ในเดือนมิ.ย. ส่วนการดำเนินทั้ง 10 ขั้นตอนครบคงใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี เพราะนำปัจจัยเรื่องผลกระทบโตวิด-19 เข้ามาประกอบด้วย”
นอกจากนี้ ตนและปลัดคมนาคมจะหารือกับสหภาพฯการบินไทย เพื่อหาทางออกไม่ให้กระทบพนักงาน 20,000กว่าคน โดยดูสถานการณ์การเงินจริงๆว่ามีเท่าไร และจัดจัดสรรกันได้อย่างไร แต่คงอาจจะไม่เท่าเดิม
สำหรับคณะกรรมการ(บอร์ด) การบินไทยนั้น ขณะนี้ยังถือว่าคงอยู่ จนกว่ากระทรวงการคลังจะลดหุ้นต่ำกว่า 50% โดยหุ้นที่ลดลงไปนั้นจะไปอยู่ที่องค์กรหรือนิติบุคคลที่ไม่เป็นของรัฐ การบินไทยจะหลุดจากรัฐวิสาหกิจ
”ถาวร” ชี้การบินไทยหลุดสังกัดคมนาคม
นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคมกล่าวว่า เมื่อกระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ถึง 50% การบินไทยจะขาดจากการอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งตนจะไม่ต้องกำกับอีดูแลอีกต่อไป แต่ทั้งนี้ ตนตั้งใจทำแนวทางฟื้นฟูนี้ เพื่อให้การบินไทยอยู่รอดได้ พนักงานจะไม่ตกงาน เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ เครดิตประเทศยังคงมี แต่กังวลเรื่องคนที่จะมาทำการฟื้นฟู ซึ่งอยู่ที่นายกฯจะตัดสินใจ
“มนัญญา” ยันฟื้นฟูบินไทยไม่กระทบสถานะ82สหกรณ์
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้เชิญ 82 สหกรณ์มาพบ เพื่อตอบข้อสงสัยและให้เกิดความมั่นใจ ถึงแผนฟื้นฟูการบินไทยที่ครม.อนุมัติเป็นแนวทางที่ดีที่สุด และจะไม่กระทบต่อสถานะของสหกรณ์
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมฯ มีแผนดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ลงทุนในหุ้นสามัญและหุ้นก็ของการบินไทย จำนวน 82 สหกรณ์ วงเงินรวม 42,229.14 ล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ที่จะมีผลกระทบคิดเป็น 3.62% เท่านั้น โดยหนี้ดังกล่าวจะทยอบครบกำหนดชำระตั้งแต่ปี 2563-77 ซึ่งในปีนี้ มีครบชำระช่วงส.ค.-ก.ย.กว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน21 สหกรณ์ ซึ่งกรณีที่ศาลรับฟื้นฟูตามมติครม. หนี้ทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในแผนฟื้นฟู ซึ่งจะมีการจัดการชำระหนี้ใหม่ ถือว่ายังไม่เป็นหนี้สูญ
บินไทยยันดำเนินธุรกิจตามปกติ
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการคนที่ 2 รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายในครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทฯสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีกฎหมายรองรับและให้ความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ทั้งบริษัทฯ ยังสามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติต่อไป
ทริสหั่นเรทติ้งจาก BBB เหลือ C
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. การบินไทย (THAI) เป็นระดับ "C" จากเดิมที่ระดับ "BBB" และยังคง "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม"Negative" หรือ "ลบ" และเมื่อเกิดการพักชำระหนี้ตามกระบวนการของศาล หรือมีการผิดนัดชำระหนี้อื่นใดก่อนหน้านั้น อันดับเครดิตของบริษัทจะได้รับการปรับลดลงสู่ระดับ "D"หรือ "Default".
วานนี้ (19พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมครม.แบบเต็มคณะ จากนั้นนายกฯแถลงภายหลังการประชุมครม.ผ่านไลฟ์สดเพจไทยคู่ฟ้าว่า ขอแจ้งให้ทราบการตัดสินใจในเรื่องของการบินไทย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นการตัดสินใจเพื่อช่วยรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนทุกคน
ในส่วนของปัญหาเรื่องนี้ทุกคนทราบดีอยู่แล้วที่มีหนี้สินต่างๆมากพอสมควร ซึ่งก็มีอยู่ 3 ทางเลือก คือ 1. การหาเงินให้การบินไทยดำเนินการต่อไป 2. ปล่อยให้เข้าสู่สถานการณ์ล้มละลาย และ 3. เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาการฟื้นฟูไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก เพราะมีข้อกฎหมายอยู่หลายประการ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.แรงงาน และพ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ ดังนั้นวันนี้เราจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสม และรัฐบาลได้พิจารณาร่วมกัน ในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และครม.แล้ว
"พวกเราทุกคนตัดสินใจว่า เราจะเลือกทางที่ 3 เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และจะต้องมีการดำเนินการอีกหลายขั้นตอนต่อไป เพื่อแก้ปัญหาภายในองค์กร และเรื่องประกอบการต่อไป เพื่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างที่พวกเราคาดหวังไว้ ผมอยากให้ทุกคนกลับไปคิดดูว่า เรามีการบินไทยเพื่ออะไรในช่วงที่ผ่านมา และการบินไทยควรที่จะเป็นองค์กรที่จะสร้างชื่อเสียง และรายได้ให้กับคนไทย และมีความสามารถในการแข่งขัน เข้มแข็งในตัวเองได้อย่างไร นี้คือพื้นฐานในการตัดสินใจของผม และนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในวันนี้ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกล้าที่จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยการยื่นขอเข้ากระบวนการต่อศาล ซึ่งได้มีการหารือกันอย่างรัดกุมในรายละเอียดต่างๆ ทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงเวลานี้ประเทศไทยและทั้งโลก กำลังเผชิญวิกฤต รายได้ของทุกคนกำลังหายไปจากหายนะของโควิด-19 เราจำเป็นต้องรักษาเงินตราของประเทศไทยเอาไว้ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ ซึ่งต้องช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่างๆ ที่เผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทางธุรกิจ หรือช่วยเหลือคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือประชาชนทั่วไปที่ทำงานหนักในขณะนี้ เพื่อมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเอง รัฐบาลต้องมองอย่างรอบครอบในทุกมิติดังกล่าวที่ว่ามา
โดยปัญหาโควิด-19 จะยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะปัญหาที่หนักกว่านั้น คือ ปัญหาการทำมาหากินของประชาชน ล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น และยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสามารถกลับมาทำมาหากิน สร้างรายได้เหมือนปกติอย่างเคย นี่คือ วิกฤตทางเศรษฐกิจที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต เราต้องพิจารณาในการใช้จ่ายงบประมาณอีกจำนวนมากหลังจากช่วงวิกฤตโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนอยู่รอด สร้างชีวิตสร้างรายได้กลับสู่ภาวะปกติ และสร้างเศรษฐกิจประเทศกลับคืนมา และเข้มแข็งในระยะต่อไป
"ผมเองรู้สึกว่า การที่ตัดสินใจเข้าสู่แผนการฟื้นฟู โดยไม่ปล่อยให้การบินไทยเข้าสู่สถานะล้มละลาย ซึ่งอาจจะทำให้พนักงานมากกว่า 2หมื่นคน ต้องถูกลอยแพ พวกเราคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น จึงให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งของศาล ซึ่งเราหวังว่าเมื่อมีมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการแล้ว การบินไทยจะสามารถกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยเคยภาคภูมิใจ และกลับมาเป็นองค์กร ที่ช่วยสร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยได้
" เป็นวิธีการเดียวที่การบินไทยจะยังคงสามารถประกอบกิจการและดำเนินการต่อได้ พนักงานการบินไทยจะมีงานทำต่อไป ขณะเดียวกันการปรับโครงสร้างของการบินไทยหลายๆอย่างที่ควรจะสำเร็จนานแล้ว ก็จะเกิดขึ้นได้ด้วยในการเข้าสู่มาตรการฟื้นฟู นั่นคือ การตัดสินใจของผมและเป็นทิศทางที่รัฐบาลจะยึดมั่นปฏิบัติต่อกรณีของการบินไทย ส่วนในอดีตต่างๆ จะเป็นไปตามที่ศาลกำหนด ซึ่งผมได้ให้กระทรวงคมนาคม และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวถึงรายละเอียดอีกครั้ง" นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า การบินไทยถือว่าเป็นทูตที่ดีทางวัฒนธรรมที่ช่วยโปรโมตประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ผ่านการทุ่มเทการทำงานของคนมากมาย ตนหวังเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนว่า การช่วยเหลือให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาลล จะช่วยให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินที่มีความแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
คลัง เร่งทำแผนลดสัดส่วนถือหุ้นการบินไทย
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปทำแผนขายหุ้นบมจ.การบินไทย (THAI) ที่ปัจจุบันกระทรวงการคลังถืออยู่ 51.03% ให้ต่ำกว่า 50% เพื่อให้ THAI พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนฟื้นฟู THAI ตามมติคณะกรรมนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)
"สคร.ต้องไปดูว่า จะขายหุ้นที่คลังถืออยู่เท่าไร อย่างไร จึงจะเหมาะสม แต่ต้องลงมาอยู่ต่ำกว่า 50% ซึ่งขายลงมาหน่อยก็ต่ำกว่า 50% แล้ว สั่งการให้เร่งทำแผนโดยเร็ว แต่ต้องดูให้รัดกุม และรายงานให้ ครม.รับทราบเท่านั้น ไม่ต้องขอความเห็นชอบแล้ว" นายอุตตม กล่าว
คมนาคมตั้งคณะทำแผนฟื้นฟูสัปดาห์หน้า
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 19 พ.ค.เห็นชอบให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ภายใต้คำสั่งศาลทันที และเห็นชอบให้กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นให้ต่ำกว่า 50% ซึ่งจะทำให้บริษัท การบินไทย พ้นจากสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเห็นว่า การแก้ปัญหาบริษัท การบินไทย โดยฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาลเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ซึ่งจากสถานะการเงินของการบินไทย ณ สิ้นปี 2562 มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย จำนวน 147,352 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ต่างประเทศ 35% และหนี้เงินกู้จากการซื้อเครื่องบิน ประมาณ 15% โดยคาดว่าปี 2563 ยอดหนี้สินจะเพิ่มเป็น 219,198 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ฐานะการเงินอยู่ในขั้นวิกฤต มีสภาพหนี้สินล้นพ้นตัว กระแสเงินสดหมดในเดือนมิ.ย. จึงต้องเร่งแก้ปัญหา
ทั้งนี้ กระบวนการฟื้นฟูภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลายว่า จะมี10 ขั้นตอนต้องปฏิบัติ โดยเริ่มจาก 1.การเสนอครม.ลดการถือหุ้นลงต่ำกว่า 50% เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการยื่นแผนฟื้นฟูต่อศาลล้มละลาย 2. การบินไทยยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและเสนอตัวเองเป็นผู้จัดทำแผน โดยตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ 3. ยื่นศาล และเมื่อศาลรับคำร้อง การบินไทยจะได้รับความคุ้มคาองตามมาตรา 90/12 (สภาวะพักชำระหนี้) ทำให้สามารถหยุดจำนวนหนี้และดอกเบี้ยได้ 4. เจรจาเจ้าหนี้ทั้งหมด 5. ประชุมเจ้าหนี้ 6. ศาลตั้งผู้จัดทำแผน ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม 7. เสนอแผนฟื้นฟู 8. ประชุมเจ้าหนี้ อนุมัติแผนฟื้นฟู 9. ศาลพิจารณาเห็นชอบแผนและตั้งผู้บริหารแผน 10. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟู
“ขั้นตอนต่างๆ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด จะสรุปรายชื่อคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟู ไม่น้อยกว่า 15 คนเสนอต่อนายกฯ อนุมัติในสัปดาห์หน้า ขณะนี้ได้ทาบทามบุคคล ที่สามารถทำงานได้จริง ปราศจากการแทรกแซง และต้องหาที่ปรึกษาทางการเงิน ทางกฎหมาย มาช่วย คาดว่าจะยื่นศาลได้ในเดือนมิ.ย. ส่วนการดำเนินทั้ง 10 ขั้นตอนครบคงใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี เพราะนำปัจจัยเรื่องผลกระทบโตวิด-19 เข้ามาประกอบด้วย”
นอกจากนี้ ตนและปลัดคมนาคมจะหารือกับสหภาพฯการบินไทย เพื่อหาทางออกไม่ให้กระทบพนักงาน 20,000กว่าคน โดยดูสถานการณ์การเงินจริงๆว่ามีเท่าไร และจัดจัดสรรกันได้อย่างไร แต่คงอาจจะไม่เท่าเดิม
สำหรับคณะกรรมการ(บอร์ด) การบินไทยนั้น ขณะนี้ยังถือว่าคงอยู่ จนกว่ากระทรวงการคลังจะลดหุ้นต่ำกว่า 50% โดยหุ้นที่ลดลงไปนั้นจะไปอยู่ที่องค์กรหรือนิติบุคคลที่ไม่เป็นของรัฐ การบินไทยจะหลุดจากรัฐวิสาหกิจ
”ถาวร” ชี้การบินไทยหลุดสังกัดคมนาคม
นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคมกล่าวว่า เมื่อกระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ถึง 50% การบินไทยจะขาดจากการอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งตนจะไม่ต้องกำกับอีดูแลอีกต่อไป แต่ทั้งนี้ ตนตั้งใจทำแนวทางฟื้นฟูนี้ เพื่อให้การบินไทยอยู่รอดได้ พนักงานจะไม่ตกงาน เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ เครดิตประเทศยังคงมี แต่กังวลเรื่องคนที่จะมาทำการฟื้นฟู ซึ่งอยู่ที่นายกฯจะตัดสินใจ
“มนัญญา” ยันฟื้นฟูบินไทยไม่กระทบสถานะ82สหกรณ์
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้เชิญ 82 สหกรณ์มาพบ เพื่อตอบข้อสงสัยและให้เกิดความมั่นใจ ถึงแผนฟื้นฟูการบินไทยที่ครม.อนุมัติเป็นแนวทางที่ดีที่สุด และจะไม่กระทบต่อสถานะของสหกรณ์
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมฯ มีแผนดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ลงทุนในหุ้นสามัญและหุ้นก็ของการบินไทย จำนวน 82 สหกรณ์ วงเงินรวม 42,229.14 ล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ที่จะมีผลกระทบคิดเป็น 3.62% เท่านั้น โดยหนี้ดังกล่าวจะทยอบครบกำหนดชำระตั้งแต่ปี 2563-77 ซึ่งในปีนี้ มีครบชำระช่วงส.ค.-ก.ย.กว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน21 สหกรณ์ ซึ่งกรณีที่ศาลรับฟื้นฟูตามมติครม. หนี้ทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในแผนฟื้นฟู ซึ่งจะมีการจัดการชำระหนี้ใหม่ ถือว่ายังไม่เป็นหนี้สูญ
บินไทยยันดำเนินธุรกิจตามปกติ
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการคนที่ 2 รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายในครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทฯสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีกฎหมายรองรับและให้ความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ทั้งบริษัทฯ ยังสามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติต่อไป
ทริสหั่นเรทติ้งจาก BBB เหลือ C
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. การบินไทย (THAI) เป็นระดับ "C" จากเดิมที่ระดับ "BBB" และยังคง "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม"Negative" หรือ "ลบ" และเมื่อเกิดการพักชำระหนี้ตามกระบวนการของศาล หรือมีการผิดนัดชำระหนี้อื่นใดก่อนหน้านั้น อันดับเครดิตของบริษัทจะได้รับการปรับลดลงสู่ระดับ "D"หรือ "Default".