xs
xsm
sm
md
lg

ติดเชื้อโควิด-19เป็น"ศูนย์" - จ่อผ่อนปรน-ปรับเคอร์ฟิว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน360- ไทยไม่มีผู้ป่วยโควิดเพิ่มเป็นวันแรก หรือเป็น 0 ราย ยอดสะสมรวม 2,017 ราย กลับบ้านแล้ว 2,844 ราย เผย เบาใจแต่ยังวางใจไม่ได้ เพราะอาจมีคนกำลังฟักเชื้ออยู่ ทำให้มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มได้อีก ย้ำห้ามประมาท ยังต้องล้างมือ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง 'บิ๊กตู่' ตั้งคณะกรรมการพิจารณาการผ่อนคลายสถานการณ์โควิด-19 เลขาฯ สมช.นั่งประธาน 'วิษณุ' ชี้ผ่อนปรนเฟส 2 ยึดตามเกณฑ์ระยะที่ 1 ยอมรับพิจารณากระชับเวลาเคอร์ฟิว แต่ยังบอกเร็วไปที่จะยกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

วานนี้ (13 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. แถลงข่าวประจำวันว่า เป็นวันแรกของการรายงานที่มีการติดเชื้อ 0 ราย หายกลับบ้านเพิ่ม 46 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้การรายงานผู้ป่วยยืนยันสะสมเท่าเดิม คือ 2,017 ราย หายกลับบ้านรวม 2,844 ราย เสียชีวิตเท่าเดิม 56 ราย ยังรักษาตัวในรพ. 117 ราย ขอแสดงความดีใจกับทุกคนที่พยายามร่วมทำกันมาหลายวัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลังผ่อนปรนกิจการสีขาว วันที่ 3 พ.ค. ขณะนี้ประมาณ 10 วันแล้ว เรากังวลว่าผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น หรือไม่ ซึ่งวันที่ 4 พ.ค. มีผู้ป่วย 18 ราย แต่เป็นการพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ทั้งหมด เป็นวันแรกที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ต้องรวมตัวเลขจากสถานที่กักกันเข้าไปด้วย ดังนั้นวันที่ 13 พ.ค. จึงเป็น 0 ทางการจริงๆ อย่างไรก็ตามถ้าไม่นับวันที่ 4 พ.ค. ถือว่าวันนี้ เป็นวันที่ 17 แล้ว ที่เรามีตัวเลขผู้ป่วยหลักเดียวติดต่อกันมา

"นี่คือสิ่งที่อยากบอกให้ทุกคนภาคภูมิใจในสิ่งที่เราสามัคคี ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ด้วยกัน ทำให้ตัวเลขเกิดขึ้นจริง และเกิดขึ้นได้ แต่ยังต้องขอให้ทุกคนช่วยกันทำต่อไป เพราะ 0 ตัวนี้ อาจจะอยู่กับเรา เรื่องของสองสัปดาห์ที่ผ่านมา 5 อันดับแรกเจอบ่อยที่สุด คือ ศูนย์กักกัน/ผู้ต้องกัก ค้นหาเชิงรุก สัมผัสใกล้ชิดรายก่อนหน้า เมื่อวานมี กทม. นราธิวาส อย่างละ 1 ราย ก็ต้องสอบสวน อาจจะไม่มีอาการวันนี้ แต่อาจจะป่วยขึ้นมาวันหลัง ก็เบาใจขึ้นได้ แต่อย่าวางใจ ถ้าไม่ปฏิบัติมาตรการหลัก 3 ข้อหลัก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาก" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ใช้ชีวิตปกติได้แล้วหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยังใช้ชีวิตปกติไม่ได้ การเป็น 0 อาจเกิดในวันนี้ แต่พรุ่งนี้คนสัมผัสผู้ป่วยที่อาจฟักเชื้ออยู่ ถ้าดูแลไม่ดี อาจจะติดเพิ่มได้แบบเกาหลีใต้ 1 คนติดไปแล้ว 100 กว่าคน ต้องตามอีก 2 พันกว่าคน ถ้ามีแม้แต่ 1 คน ที่เกิดอยู่ อาจไปสัมผัสกับใครมา เป็นหน้าที่กรมควบคุมโรค คนในท้องถิ่น ต้องช่วยกันดู ญาติๆ กันเอง ดูอาการตัวเองจะติดหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องไม่มีเชื้อเป็น 0 ไปตลอด บางทฤษฎีอาจจะต้อง 14 วัน หรือ 21 วัน แม้แต่จีนเอง แม้ 0 มาหลายวันยังกลับมา อย่างอู่ฮั่นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก็มาใหม่ ยังไว้วางใจไม่ได้

'บิ๊กตู่'ตั้งคกก.พิจารณาการปลดล็อก

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 22/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศบค. เป็นประธาน, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผบ.ทบ.และ รองเลขาธิการสภาพัฒน์ เป็นรองประธาน โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการรวมทั้งสิ้น 25 คน มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. 2563

โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีอำนาจและหน้าที่ ดังนี้ 1. ประเมินสถานการณ์ วิเคราะห์ กลั่นกรอง รวบรวมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะทางวิชาการ และข้อเสนอขอภาคส่วนต่าง ๆ และจัดทำแนวทางผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ในทุกห้วงระยะเวลา 34 วัน เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

2. จัดทำร่างข้อกำหนดเพื่อผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการตาม (1) รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติสำหรับกิจการหรือกิจกรรมที่ผ่อนคลาย 3. ประสานการดำเนินการกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเชิญผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงความเห็น หรือส่งเอกสารหลักฐานใดๆที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา

4. แต่งตั้งคณะอนุกรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และ 5. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐนตรีหรือศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 มอบหมายให้คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ตามคำสั่งนี้เป็นที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานของหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

'วิษณุ'แย้มศบค.พิจารณาปรับเวลาเคอร์ฟิว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณาผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการที่จะเปิดในระยะที่ 2 ว่า ตนยังตอบไม่ได้ในขณะนี้ ต้องรอผู้เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์และรายงานยังที่ประชุมศบค. ชุดใหญ่ ที่จะประชุมในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยเกณฑ์ที่ศบค.จะใช้ในการพิจารณาผ่อนคลายจะยึดตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับการผ่อนคลายในระยะที่ 1 ได้แก่ 1.โอกาสเสี่ยงของบุคคล เช่น คนบางประเภทเสี่ยงแต่คนบางประเภทไม่เสี่ยง อาทิ คนที่อยู่บ้านกับคนที่เดินทาง เด็กกับผู้ใหญ่ เป็นต้น 2.โอกาสเสี่ยงด้านสถานที่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด ผับ บาร์ เป็นต้น และ 3.โอกาสเสี่ยงของแต่ละกิจกรรมและกิจการ เช่น กิจกรรมบางอย่างรวมตัวกัน 5-10 คนมีความเสี่ยง แต่กิจกรรมบางอย่างไม่เสี่ยง เพราะมีคนดูแล ดังนั้นจะใช้ 3 หลักเกณฑ์นี้ที่ใช้ผ่อนคลายในระยะที่ 1 มาพิจารณา

ทั้งนี้ จากพฤติกรรม 14 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. มาถึงวันนี้ หากดูจากจำนวนผู้ป่วยสะสม ผู้ป่วยหายกลับบ้าน และผู้เสียชีวิตที่ลดลงต่างๆนั้น ถือเป็นดัชนีชี้วัด แต่สิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจและไม่สามารถผ่อนคลายได้ทั้งหมด เนื่องจากยังมีการละเมิดข้อกำหนด อยู่ เช่น ละเมิดเคอร์ฟิว มีการเดินทางข้ามจังหวัดซึ่งไม่ได้ห้าม แต่มีโอกาสเสี่ยง และยังมีการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้วันนี้ยังไม่สามารถเปิดอะไรได้หมด แต่ควบคุมอยู่ จึงเตรียมไปสู่การผ่อนคลายระยะที่ 2

ส่วนที่มีผู้ประกอบการขอขยายเวลาเคอร์ฟิว จากเดิม 22.00น.-04.00น. มาเป็น 23.00น.-04.00น. มีแนวโน้มเป็นไปได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะศบค.ชุดเล็กกำลังดูอยู่

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีโอกาสยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เร็วไปที่จะพูดในขณะนี้ เพราะยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะครบ 31 พ.ค. ตนยังตอบอะไรไม่ได้



กำลังโหลดความคิดเห็น