ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 22/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ลงนามเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 โดยระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 และต่อมาได้มีประกาศขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2563 นั้น เพื่อให้การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดำเนินการไปโดยเป็นลำดับขั้นตอน ตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกและผลการประเมินสถานการณ์ทางด้านสาธารณสุข เพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติได้อย่างเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 วรรคสอง ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 5/2563 เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 25 มี.ค. 2563 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เป็นประธานกรรมการ ขณะที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลางฯ และรองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่เลขาธิการ สศช.มอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ
ส่วนกรรมการได้แก่ ผู้แทนสำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านคมนาคมและการขนส่งทั่วราชอาณาจักร ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า ผู้แทนศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์และการวิจัยและพัฒนา ผู้แทนกระทรวงยุติรรรม ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ นายสันติธาร เสถียรไทย ขณะที่รองเลขาธิการสมช.ที่เลขาธิการสมช.มอบหมาย และ พล.ต.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงาน สมช. เจ้าหน้าที่ สศช.และเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
สำหรับหน้าที่และอำนาจคณะกรรมการฯ คือ 1.ประเมินสถานการณ์ วิเคราะห์ กลั่นกรอง รวบรวมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะทางวิชาการ และข้อเสนอขอภาคส่วนต่างๆ และจัดทำแนวทางผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในทุกห้วงระยะเวลา 34 วัน เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา 2.จัดทำร่างข้อกำหนดเพื่อผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติสำหรับกิจการหรือกิจกรรมที่ผ่อนคลาย 3.ประสานการดำเนินการกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเชิญผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงความเห็น หรือส่งเอกสารหลักฐานใดๆที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา 4.แต่งตั้งคณะอนุกรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือ การปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม 5.ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐนตรีหรือศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 มอบหมาย
นอกจากนี้ ให้คณะกรรมการเฉพาะกิจชุดดังกล่าวเป็นที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานของหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป