น่ายินดี!! ไทยไม่มีผู้ป่วยโควิดเพิ่มเป็นวันแรก หรือเป็นศูนย์ราย ยอดสะสมรวม 3,017 ราย กลับบ้านแล้ว 2,844 ราย เผย เบาใจแต่ยังวางใจไม่ได้ เหตุอาจมีคนกำลังฟักเชื้ออยู่ ระบุวันก่อนยังมีติดเชื้อใน กทม.- นราธิวาส ยังต้องสอบสวนโรค อาจมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มได้อีก ย้ำห้ามประมาท ยังต้องล้างมือ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง
วันนี้ (13 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า วันนี้เป็นวันแรกของการรายงานที่มีการติดเชื้อศูนย์ราย หายกลับบ้านเพิ่ม 46 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้การรายงานผู้ป่วยยืนยันสะสมเท่าเดิม คือ 3,017 ราย หายกลับบ้านรวม 2,844 ราย เสียชีวิตเท่าเดิม 56 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 117 ราย ขอแสดงความดีใจกับทุกคนที่พยายามร่วมทำกันมาหลายวัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลังผ่อนปรนกิจการสีขาววันที่ 3 พ.ค. ขณะนี้ประมาณ 10 วันแล้ว เรากังวลว่าผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งวันที่ 4 พ.ค. มีผู้ป่วย 18 ราย แต่เป็นการพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ทั้งหมด เป็นวันแรกที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ต้องรวมตัวเลขจากสถานที่กักกันเข้าไปด้วย ดังนั้น วันที่ 13 พ.ค. จึงเป็นศูนย์ทางการจริงๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่นับวันที่ 4 พ.ค. ถือว่าวันนี้เป็นวันที่ 17 แล้ว ที่เรามีตัวเลขผู้ป่วยหลักเดียวติดต่อกันมา
“นี่คือสิ่งที่อยากบอกให้ทุกคนภาคภูมิใจในสิ่งที่เราสามัคคี ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วยกัน ทำให้ตัวเลขเกิดขึ้นจริงและเกิดขึ้นได้ แต่ยังต้องขอให้ทุกคนช่วยกันทำต่อไป เพราะศูนย์ตัวนี้อาจจะอยู่กับเรา เรื่องของสองสัปดาห์ที่ผ่านมา 5 อันดับแรกเจอบ่อยที่สุด คือ ศูนย์กักกัน/ผู้ต้องกัก ค้นหาเชิงรุก สัมผัสใกล้ชิดรายก่อนหน้า เมื่อวานมี กทม. นราธิวาส อย่างละ 1 ราย ก็ต้องสอบสวน อาจจะไม่มีอาการวันนี้ แต่อาจจะป่วยขึ้นมาวันหลัง ก็เบาใจขึ้นได้ แต่อย่าวางใจ ถ้าไม่ปฏิบัติมาตรการหลัก 3 ข้อหลัก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาก” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วัน เหลือ 18 จังหวัด ไม่มี 28 วันเพิ่มเป็น 50 จังหวัด ไม่มีมาก่อนเลย 9 จังหวัด ส่วนการปรับเกณฑ์การตรวจนิยามเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 พ.ค. พอยอดตรวจลดลงก็เพิ่มเกณฑ์ขึ้นมา อาการแค่คัดจมูก ดมกลิ่นแล้วไม่ได้กลิ่นก็ได้แล้ว มีประวัติว่ามีไข้หรือไม่มีก็ได้ และมีประวัติเสี่ยงไปในที่ชุมชนต่างๆ อาการน้อยๆ เข้ามาตรวจก็มาตรวจเยอะขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ขึ้นมาตรวจ 34,444 ราย พบ 63 ราย อัตราพบ 0.18% ก็ต้องตรวจเพิ่มเติมขึ้นไปเรื่อยๆ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าว่วา สำหรับสถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้และในท้องถิ่น จากการเก็บข้อมูลตั้งแต่ ก.พ.- 11 พ.ค. ได้ผู้ป่วย 90 ราย ชายมากกว่าหญิง คือ 8:1 อายุเฉลี่ย 41 ปี ต่ำสุด 15 ปี สูงสุด 77 ปี เป็นคนไทยส่วนใหญ่ เป็นอเมริกันและอังกฤษอย่างละ 1% จังหวัดเข้ารับการรักษา คือ สงขลา สตูล กทม. ปัตตานี ยะลา มาจากอินโดนีเซียมากสุด ต่อด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย คาซัคสถาน ญี่ปุ่น ปากีสถาน สหราชอาณาจักร
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จีนรายงานพบผู้ป่วยใหม่ 2 หลักที่อู่ฮั่น จึงตัดสินใจตรวจทุกคนในอู่ฮั่น หลังพบการติดเชื้อรอบใหม่ จำนวน 11.08 ล้านคน พอๆ กับ กทม. เป็นเรื่องที่เขาลงทุนในการดูแลสุขภาพ ส่วนเกาหลีใต้ยอดผู้ป่วยพุ่งติดเชื้อ 102 คน ติดตามกลุ่มเสี่ยง 2 พันคนที่ยังไม่รายงานตัว กรณีไนท์คลับย่านอิแทวอน กรุงโซล เริ่มจากชายอายุ 29 ปี ไปใช้สถานบันเทิงถึง 5 แห่ง เป็นเรื่องติดตามกันต่อ และเลื่อนเปิดเทอมหลังมีสถานการณ์กลับมาอีกรอบหนึ่ง ขณะที่ เยอรมนี นายกรัฐมนตรีมีมาตรการผ่อนคลายทั่วประเทศ เปิดธุรกิจขนาดเล็กและโรงเรียน หลังสถานการณ์ลดความรุนแรงลง แต่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่ม 933 ราย คิดเป็น 3 เท่าก่อนหน้านี้ 1 วัน กำลังพิจารณาอาจต้องกลับมาล็อกดาวน์เพิ่มความเข้มข้น หากตัวเลขยังสูง คือ หากมีผู้ป่วยมากกว่า 50 รายต่อแสนประชากร อัตราการติดเชื้อ 1 คนไปมากกว่า 1 คน อาจจะพิจารณาใช้มาตรการเบรกฉุกเฉินปิดสถานที่ในที่มีการระบาด แต่ละประเทศมาตรการแตกต่างกันไป ไม่สามารถเทียบเคียงกับใครได้ ไทยใช้วิธีแบบนี้เกิดผลแบบนี้ ทุกคนคงเข้าใจและรู้ปรับตัวมาตลอด เราเรียนรู้ต่างประเทศไม่อยากเห็นภาพติดเชื้อกันวันละ 90 กว่าราย สองหลักเรายังไม่อยากให้เกิด ขอให้ช่วยกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การรับคนไทยกลับบ้านวันที่ 13 พ.ค. มาจากยูเครน ฟิลิปปินส์ อินเดีย วันที่ 14 พ.ค. มาจากเยอรมนี บังกลาเทศ วันที่ 15 พ.ค. มาจากสิงคโปร์ บาห์เรน ฝรั่งเศส วันที่ 16 พ.ค. สหรัฐอเมริกา วันที่ 17 พ.ค. อินเดีย แคนาดา มัลดีฟส์ วันที่ 18 มาจากสหราชอาณาจักร วันที่ 19 พ.ค. สหรัฐอเมริกา จีน ภูฏาน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ วันที่ 20 พ.ค. มาจากรัสเซีย อาร์เจนตินา อินเดีย
เมื่อถามว่า ขณะนี้ใช้ชีวิตปกติได้แล้วหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยังใช้ชีวิตปกติไม่ได้ การเป็นศูนย์อาจเกิดในวันนี้ แต่พรุ่งนี้คนสัมผัสผู้ป่วยที่อาจฟักเชื้ออยู่ ถ้าดูแลไม่ดี อาจจะติดเพิ่มได้แบบเกาหลีใต้ 1 คนติดไปแล้ว 100 กว่าคน ต้องตามอีก 2 พันกว่าคน ถ้ามีแม้แต่ 1 คนที่เกิดอยู่ อาจไปสัมผัสกับใครมา เป็นหน้าที่กรมควบคุมโรค คนในท้องถิ่น ต้องช่วยกันดู ญาติๆ กันเอง ดูอาการตัวเองจะติดหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องไม่มีเชื้อเป็นศูนย์ไปตลอด บางทฤษฎีอาจจะต้อง 14 วัน หรือ 21 วัน แม้แต่จีนเอง แม้ศูนย์มาหลายวันยังกลับมา อย่างอู่ฮั่นตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก็มาใหม่ ยังไว้วางใจไม่ได้
ถามถึงตู้ปันสุขจะเป็นความเสี่ยงโรคหรือไม่ เพราะคนนั้นหยิบสิ่งของต่างๆ ส่งต่อกัน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์หลายๆ คนอยากเข้าไปเอาของช่วงที่เพิ่งมาวาง เข้าไปชุลมุนกันก็ไม่น่าดู เราต้องอยู่ในชีวิตวิถีใหม่ตลอดฝาก 5 ข้อ คือ ล้างมือ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ตรงนี้อยู่ที่ตัวท่าน ก่อนเอาของมาใส่ ล้างมือก่อน ใส่หน้ากาก เอาของไปใส่ มือสะอาดของก็สะอาด ส่วนผู้รับก็ต้องทำ มือสะอาด ใส่หน้ากาก ไปยืนรอคิวเว้นระยะ ส่วนทำความสะอาดพื้นผิว ใครดูแลก็ช่วยกันทำความสะอาดสักเล็กน้อย ผ้าชุบน้ำยาหรือแอลกอฮอล์เช็ด แล้วเอาของไปวาง และอย่าให้แออัด