เมื่อสหรัฐฯ ถูกโจมตี 9-1-1 ในปลายปี 2001 ที่อาคารเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ทางตอนใต้สุดของมหานครนิวยอร์ก ทำให้รัฐบาลบุชเสียหน้าอย่างยิ่งที่ไม่นำพาต่อข่าวกรองถึงแผนการโจมตีซึ่งหน่วยข่าวกรองได้สรุป (Briefing) ให้ปธน.ทราบล่วงหน้าว่ามีกลุ่มก่อการร้ายได้มาฝึกใช้เรือบินแล้วในสหรัฐฯ
ทั้งเสียหน้าถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศสหรัฐฯ ที่ถูกลูบคมจนแผลเหวอะหวะ หมอไม่รับเย็บ แล้วยังเสียชีวิตคนตายถึง 3 พันคนในอาคารสูงสุดที่ถูกถล่มที่นิวยอร์ก
ตลอดปี 2001 เป็นปีแห่งการล้างแค้นเพื่อกู้ศักดิ์ศรีความยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ คืนมา มีการขนสรรพระเบิดถล่มใส่แทบทุกตารางนิ้วของอัฟกานิสถาน เพื่อตามล่าบิน ลาเดน
แล้วยังมีการวิเคราะห์โทษซัดดัม ฮุสเซน ว่า มีส่วนสำคัญช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในอัฟกานิสถาน ทั้งๆ ที่อิสลามสายสุหนี่และชีอะห์ที่อิรักไม่สุดกู่เหมือนกลุ่มตาลีบัน และอัลกออิดะห์ในอัฟกานิสถาน สังเกตได้เช่น ผู้หญิงอิรักไม่คลุมหน้ามิดชิด (แบบมาเลเซีย อินโดนีเซีย จอร์แดน หรือซีเรีย) และมีบทบาทเด่นแทบทุกด้านเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชาย ทั้งด้านวิทยาศาสตร์, การเมือง เป็นต้น
ปี 2002 เป็นปีที่สหรัฐฯ โดยหน่วยข่าวกรองและเพนตากอน ได้เปิดเผยหลักฐานว่า ซัดดัม ฮุสเซน กำลังรวมหัวกับอัลกออิดะห์ โดยมีการแอบพัฒนาและสะสมอาวุธนิวเคลียร์อยู่ใต้คลังเก็บอาวุธลับใต้ทะเลทราย
ยังมีอาวุธเชื้อโรค (ชีวอินทรีย์) และอาวุธเคมีจำนวนมหาศาลได้แอบซ่อนไว้ โดยสามารถจะนำออกมาล้มล้างประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง (เช่นที่เคยบุกเข้าไปยึดคูเวตช่วงสงครามอ่าวปี 1990) และในภูมิภาคอื่นๆ เพราะสมรรถนะจรวดต่างๆ ของซัดดัมจะสามารถทำลายล้างได้แม้แต่ยุโรปหรืออเมริกาก็ตาม
ปธน.บุช ได้กระเพื่อมข้อมูลโกหกใส่ร้ายซัดดัม จนถึงขนาดนำเรื่องเข้าพิจารณาในคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น นำโดยรมต.ต่างประเทศผิวดำคนแรกของสหรัฐฯ และเป็นอดีตผบ.สส.ในสงครามอ่าว (Desert Storms) ด้วย คือ พลเอกคอลลิน พาวเวลล์
มีการนำเอาเทปลับติดต่อของกองทัพอิรักที่เคลื่อนย้ายหน่วยอาวุธเคมีในทะเลทราย มาเปิดให้ฟังการถ่ายทอดไปทั่วโลก
รัฐบาลโทนี แบลร์ ของอังกฤษ ซึ่งมีนักการ์ตูนของ NYT ล้อว่า เป็นเสมือนหมาพุดเดิลนั่งบนตักของบุช (เพื่อให้ตัวเองมีความสำคัญระดับโลกเทียบเท่าผู้นำประเทศสหรัฐฯ) ได้นำเรื่องให้สภาอังกฤษพิจารณาเพื่อส่งกองทัพอังกฤษไปร่วมกับกองกำลังของสหรัฐฯ ในการไปปราบซัดดัม เพื่อป้องกัน (Pre-emptive Strike) การโจมตีของอิรัก โดยต้องไปตัดไฟแต่ต้นลม
มีการสร้างข้อมูลโกหก (เพิ่งมีการเปิดโปงในภายหลัง) หน่วยราชการลับของอังกฤษที่บอกว่าได้ข้อมูลมาจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ถึงสมรรถนะของอาวุธมหาปะลัยของซัดดัม ที่สามารถติดตั้งได้ใน 45 นาที เพื่อทำลายล้างประเทศ ทั้งในยุโรป และสหรัฐฯ
ครั้งนั้น ซัดดัม พร้อมเปิดประเทศให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ของยูเอ็นเข้ามาตรวจสอบว่า เขาซ่อนอาวุธร้ายแรงไว้จริงรึเปล่า แต่ยังไม่ทันที่ทีมงานนักวิทยาศาสตร์จะเข้าไปตรวจ (นำโดยนายHans Blix อดีตนายกฯ ของสวีเดน) ปรากฏว่า อเมริกาทนไม่ไหวได้ร่วมกับกองกำลังของอังกฤษทำการบุกแบกแดดในปฏิบัติการ Shock & Awe
การบุกครั้งนั้นไม่ผ่านมติยูเอ็น เพราะเยอรมนีและฝรั่งเศสไม่เห็นด้วย จนอเมริกาเดือดดาลกับคำว่า French Fries ต้องเปลี่ยนเป็น Freedom Fries!!
กองทัพผสมจาก Coalition of The Willings ที่ร่วมกับสหรัฐฯ (ซึ่งมีกองทัพทหารช่างของไทยไปร่วมด้วย เพื่อแลกกับสถานะเทียบเท่าประเทศสมาชิกนาโต... (Non-NATO Status) โจมตีถล่มแทบทุกตารางนิ้วของอิรัก เพื่อควานหาตัวซัดดัม และตามล่าอาวุธมหาประลัย (WMD-Weapons of Mass-Destruction) ซึ่งก็หาไม่เจอ
ทหารอเมริกันตายไปเกือบ 4,500 คน และบาดเจ็บเกือบ 32,000 คน ยังไม่รวมทหารของกองกำลังต่างชาติที่ร่วมกับสหรัฐฯ (ซึ่งมีทหารไทยตายด้วย)
และคนอิรักตายหลายแสนคน
และนำมาซึ่งการก่อตัวของอดีตนายพลของซัดดัม ที่มาจัดตั้งกองกำลัง ISIS ในปี 2011
ขณะนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังโหมกระพือใส่ความว่า เจ้าไวรัสร้ายที่กำลังระบาดทั่วโลกนี้ เป็น man-made virus ที่หลุดมาจากแล็บค้นคว้าไวรัสของจีนที่อู่ฮั่น และจีนต้องรับผิดชอบต่อความผิดครั้งนี้ ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตคนมหาศาล และเศรษฐกิจอเมริกา, เศรษฐกิจโลกที่พังพินาศอาจเลวร้ายกว่าการตกต่ำในปี 1930 เสียด้วยซ้ำ
รมต.ต่างประเทศปอมเปโอ บอกมีหลักฐานชัด และทรัมป์บอกว่าหลักฐานนี้เปิดเผยไม่ได้!!
ในประเทศใน 5 Eyes ที่ร่วมมือด้านข่าวกรองกำลังช่วยกันโหมกระพือ นำโดยออสเตรเลีย และแคนาดา
และทรัมป์ขู่ลงโทษจีนโดยจะขึ้นภาษีสินค้าจากจีนจนกว่าจีนจะออกมายอมรับผิด
ไม่เพียงข้อหาว่า จีนอาจจงใจหรือเป็นอุบัติเหตุแต่ได้ปล่อยเชื้อโรคร้ายออกมาทำลายโลกแล้วยังแจ้งเตือนประเทศต่างๆ ช้าเกินไป รวมทั้งมีการกักตุนอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นทุกอย่างไม่ให้ออกมาจากจีน เพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยทั้งโลก
ซึ่งผลประโยชน์ของทรัมป์นั้นชัดมาก เพื่อกลบเกลื่อนความผิดพลาดที่เขาไม่นำพาต่อการเตือนภัยจากจีน+WHO ใน 2 เดือนเต็มคือ มกราคม, กุมภาพันธ์
เขาโทษทั้งสื่อสหรัฐฯ พรรคเดโมแครตที่ล่าแม่มดเพื่อขับเขาออก, โอบามา ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์การแพทย์ไว้เลย, และที่ผิดมากที่สุดคือจีน...ที่ทั้งปล้นงานจากคนอเมริกัน และเอาเชื้อโรคร้ายมาฆ่าคนอเมริกัน และทำลายเศรษฐกิจอเมริกันให้พังพินาศลง