ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา ระบุข้อความ วิเคราะห์ตัวเลขของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจเพิ่มอีกถึง 2 แสน เมื่อถึงวันที่ 10 พ.ค. เผย เป็นห่วงประเทศที่กำลังพัฒนา อาจพบการแพร่ระบาดของเชื้อได้ พร้อมชมระบบสาธารณสุขไทย ทำงานอย่างแข็งขัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าต่ำกว่าประเทศทางตะวันตกอย่างมาก
วันนี้ (7 พ.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” เกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก โดยได้วิเคราะห์ตัวเลขของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ว่า ภายในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ อัตราผู้ป่วยอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านคน จากปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 3.8 ล้านคน พร้อมทั้งชื่นชมการรักษาของประเทศไทย ที่มีอัตราการเสียชีวิตขณะนี้ อยู่ที่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าต่ำกว่าประเทศแถบตะวันตกเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ดีมาก
อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.ยง ได้ระบุข้อความไว้ดังนี้ “โควิด-19 อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้ว รายงานเข้าสู่ระบบ ทั่วโลกจะมีอัตราการเพิ่มขึ้น ตั้งแต่มีผู้ป่วยได้ 1 ล้านคน อัตราการเพิ่มขึ้นจะเป็น 1 ล้านคน ทุก 12 วัน เพิ่มเป็น 2 ล้านคน 3 ล้านคน และจะเป็น 4 ล้านคน ภายในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ อัตราการเพิ่มขึ้นของทั่วโลกที่เป็นแบบนี้เปรียบเสมือนลดน้อยลง ไม่ได้เพิ่มแบบก้าวกระโดด และในอนาคตถ้าควบคุมได้แบบนี้ ก็จะมีแนวโน้มลดลง สิ่งที่เป็นห่วงอย่างยิ่ง คือ การระบาดเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนา ในอเมริกาใต้ และ แอฟริกา รวมทั้ง อินเดีย ที่จะทำให้เกิดการก้าวกระโดด และจะมีตัวเลขที่ไม่ได้รายงานอีกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ตัวเลขที่เห็น ขอยกตัวอย่างเช่น มหานครนิวยอร์ก มีการศึกษาทาง serology มีผู้ติดเชื้อไปแล้วประมาณ 20% แสดงว่า มีผู้ป่วยที่รายงานเป็น 1 ใน 10 ของจำนวนผู้ติดเชื้อเท่านั้น เช่นเดียวกันกับอีกหลายที่ โดยเฉพาะในยุโรป ตัวเลขที่รายงานจำนวนผู้ป่วยจะต่ำกว่าจำนวนที่ติดเชื้อจริงอย่างมาก เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่จะให้อยู่ที่บ้าน นอกจากมีอาการมากจึงจะรับมารักษาที่โรงพยาบาล มีผู้ป่วยจำนวนมากถึงมีอาการ ก็ไม่ได้รับการวินิจฉัย เพราะนอนอยู่ที่บ้าน ประชากรไทยค่อนข้างโชคดี เพราะผู้ติดเชื้อทุกคน ได้รับการดูแลอย่างดีในโรงพยาบาล ไม่ใช่ให้นอนที่บ้าน ภาพรวมของผู้เสียชีวิตในประเทศไทย จึงค่อนข้างต่ำกว่าประเทศทางตะวันตก ในความเป็นจริงอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ ถ้าถูกนับรวมทั้งหมด รวมผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้านของประเทศทางตะวันตกแล้ว น่าจะต่ำกว่าตัวเลขที่ทางตะวันตกรายงานเป็นทางการ จะเห็นว่า ทางตะวันตกไม่ว่ายุโรปหรืออเมริกา อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยค่อนข้างสูงมาก เช่น ในอังกฤษ อิตาลี และ สเปน อยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ในอเมริกาเอง จากตัวเลขอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าการเสียชีวิตในสงครามเวียดนาม รบกันนานกว่า 10 ปี
ประเทศไทย อัตราการเสียชีวิตขณะนี้ อยู่ที่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ นับว่าต่ำกว่าประเทศทางตะวันตกมาก ทั้งที่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ดีมาก เพราะเกิดจากที่ทุกคนช่วยกัน สิ่งที่สำคัญนับแต่นี้ไป เราจะต้องปรับตัวให้สมดุล ในการดำรงชีวิต ให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร ถ้ามีการแบ่งปันกัน และประคับประคองไม่ให้มีผู้ป่วยเกินกว่าระบบสาธารณสุขจะรองรับได้ รอเวลาให้วิกฤตผ่านพ้นไป น่าจะใช้เวลา 1 ปี เราก็จะมียารักษาที่ดีขึ้น มีวัคซีนในการป้องกัน ก็จะกลับคืนมาสู่ชีวิตที่ปกติเหมือนเดิม"