ช่วงนี้จะว่าพักยกสำหรับการปะทะกันโดยตรงระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านก็ไม่เชิง ฝ่ายอิหร่านได้ยิงจรวด “สตาลิน ออร์แกน” ใส่ฐานทัพในอิรักชุดที่ 2 ซึ่งมีทหารสหรัฐฯ พักพิงอยู่ มีบาดเจ็บหลายราย เป็นศึกล้างแค้นต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีทหารอเมริกันบาดเจ็บ
อิหร่านและกองกำลังสนับสนุนอิหร่านในตะวันออกกลาง โดยเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธชีอะห์ และฮิซบอลเลาะห์ และอื่นๆ ยังหาจังหวะเล่นงานเป้าหมายต่างๆ ซึ่งเป็นของสหรัฐฯ และเชื่อมโยงกับสหรัฐฯ ถือว่าเป็นปฏิปักษ์กันยืดเยื้อนาน 41 ปี
การตัดสินใจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการสั่งสังหารนายพลตรีกอเซ็ม สุไลมานี และผู้นำกองกำลังชีอะห์ในอิรัก ทำให้การเป็นปฏิปักษ์ของทั้ง 2 ชาติได้ยกระดับอีกชั้น ไม่มีวี่แววว่าจะคืนดีกันได้ และยังอยู่ห่างจากโต๊ะเจรจากันด้วย
ถ้าจะประเมินว่าใครได้ ใครเสีย ก็ยังขึ้นอยู่กับว่าใครอยู่ฝ่ายใด เป็นผู้ประเมิน และสงครามยังไม่จบ รบกันยังไม่เลิก ก็ยังสรุปผลไม่ได้ แต่ก็น่าจะมองว่าเป็นอย่างไร
ว่าด้วยสหรัฐฯ ก่อน ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสังหารนายพลคนดัง มีอิทธิพลมากถือว่าเป็นผู้นำอันดับ 2 ของอิหร่านรองจากอยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี เท่านั้น เป็นผู้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนอิหร่านและอิรักเพราะมีผลงานการรบต้านไอซิส
ทรัมป์อ้างได้ว่าตัวเองกล้าตัดสินใจกำจัดศัตรูตัวกลั่น ผู้ทำให้ทหารอเมริกันตายกว่า 600 นาย เป็นการสกัดไม่ให้ก่อเหตุอีก โดยก่อนหน้านี้ทั้งจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัค โอบามา ไม่กล้าสั่งฆ่าเพราะเกรงว่าจะเกิดผลกระทบลุกลาม คุมไม่อยู่
คุ้มหรือไม่คุ้มกันแน่ เพราะทันทีหลังจากการสังหาร สภาของอิรักได้ลงคะแนนเสียงให้กองกำลังต่างชาติ ซึ่งหมายถึงอเมริกันเป็นหลัก ออกจากดินแดนอิรักโดยเร็ว ทำให้สหรัฐฯ เสียหาย เสียโอกาสจะได้คุมบ่อน้ำมัน โดยอ้างว่าจะอยู่รบกับไอซิสต่อ
ด้วยเหตุนี้ ทรัมป์ขู่ว่าถ้าทหารสหรัฐฯ ออกไป อิรักจะเผชิญกับการคว่ำบาตรหนักหนาสาหัสกว่าที่อิหร่านได้เผชิญมา และจะไม่ยอมออก ทำให้ทหารสหรัฐฯ ในพื้นที่ตะวันออกกลางรวมกว่า 5 หมื่นนายเสี่ยงกับการต้องเป็นเป้าของการโจมตีโดยอิรัก
ทำให้ทหารสหรัฐฯ ในประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางตกเป็นเป้าหมายด้วย ทำให้แผนของทรัมป์ที่จะไล่บี้ชาติมุสลิมซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ลำบากไปด้วย ทรัมป์เสียความน่าเชื่อถือข้ออ้างการสั่งฆ่านายพลสุไลมานี ขาดเหตุผลน่าเชื่อถือ
ในระยะสั้น การตัดสินใจของทรัมป์ถือว่าผิดพลาด ได้ไม่คุ้มเสีย เสียงสนับสนุนในพรรครีพับลิกันหายไปหลายเสียง และมีทั้งระดับแกนนำในวุฒิสภา และทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศ และคนอื่นๆ ได้รับผลกระทบด้านความน่าเชื่อถือ
การมีกองกำลังทหารในตะวันออกกลางจะเผชิญกับภาวะกดดัน เพราะประเทศเหล่านั้นไม่อยากตกเป็นเป้าการโจมตีของอิหร่านและพันธมิตร สถานทูตและหน่วยงานต่างๆ ในประเทศอื่นๆ จะต้องถูกเฝ้าระวังอย่างมาก
ชาวสหรัฐฯ ซึ่งทำงานในอิรักต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อความปลอดภัย รวมทั้งในประเทศก็ต้องยกระดับการเฝ้าระวังเช่นเดียวกัน ทรัมป์และสมาชิกครอบครัวก็ต้องได้รับการอารักขาเข้มงวดเพราะเสี่ยงต่อการถูกเอาคืนด้วย
อิรักซึ่งเป็นพื้นที่สังหาร ก็ได้จังหวะหาทางให้กองกำลังสหรัฐฯ ต้องออกไป เปิดทางให้อิหร่านและอาจรวมถึงรัสเซียเข้ามามีอิทธิพลในตะวันออกกลาง เป็นภาระหนักสำหรับซาอุดีอาระเบีย และอิสราเอลซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับอิหร่าน
การสังหารนายพลสุไลมานีทำให้อิรักและอิหร่านกระชับความสัมพันธ์ระดับหนึ่งแม้จะมีเสียงเรียกร้องให้อิหร่านหยุดการขยายอิทธิพลครอบงำอิรักก็ตาม แต่การนับถือนิกายชีอะห์ในอิรักและอิหร่านถือว่าเป็นตัวเชื่อมด้านยุทธศาสตร์ต้านสหรัฐฯ
เห็นได้ชัดว่าทั้งคนอิรัก อิหร่านร่ำไห้ อาลัยในช่วงการจัดงานศพ การเสียชีวิตของสุไลมานีทำให้ผู้ประท้วงรัฐบาลอิรัก และอิหร่านสงบชั่วคราว มาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แม้หลังจากนั้นทั้งคนอิรักและอิหร่านจะหวนมาประท้วงรัฐบาลอีก
ถ้าสหรัฐฯ ต้องถอนกำลังออกไป ผลประโยชน์ต่างๆ เกี่ยวโยงกับบ่อน้ำมันซึ่งเป็นขุมทรัพย์มหาศาลก็จะลดลง หรือสิ้นสุดไปด้วย การลงทุนต่างๆ ในการฟื้นฟูอิรักจากความเสียหายในสงครามก็ถือว่าเป็นการสูญเปล่า ถ้าโกยผลประโยชน์อีกไม่ได้
สำหรับอิหร่านนั้นได้รับผลกระทบจากการสูญเสียนายพลคนสำคัญในการรบกับไอซิสและการขยายอิทธิพลสร้างเครือข่ายกับกลุ่มกองกำลังต่างๆ ในตะวันออกกลาง แต่ก็หาตัวแทนได้ไม่ยากเพราะขยับคนรองสุไลมานีมารับหน้าที่แทนแล้ว
ความเสียหายที่คาดไม่ถึงคือการได้ยิงเครื่องบินโดยสารของยูเครนตกด้วยความเข้าใจผิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 176 คน แม้ไม่ได้ตั้งใจ และไม่ถูกประณามอย่างรุนแรงหลังจากการขออภัยต่อประเทศที่เกี่ยวข้องก็ยังมีความบาดหมางตามมา
นั่นคือต้องรับผิดชอบด้านความเสียหาย คนอิหร่านซึ่งไม่ชอบรัฐบาลก็ได้เหตุประท้วงอีกรอบ เรียกร้องให้อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ทรัมป์ได้ทีรีบสนับสนุน และปรามว่าอิหร่านต้องไม่ฆ่าผู้เข้าร่วมประท้วง
อิหร่านได้ประกาศยกเลิกข้อตกลงด้านการควบคุมการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และจะเร่งผลิตอาวุธเต็มที่ เพราะสหรัฐฯ ได้ทิ้งข้อตกลงไว้ก่อนหน้านี้ในปี 2016 แต่จะต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรไม่รู้จบ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ต้องมีวิกฤตรุนแรงกว่าเดิม
ทรัมป์ถูกสภาคองเกรสออกกฎหมายควบคุมการใช้อำนาจในการนำประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม และต้องติดอยู่ในกระบวนการถอดถอน มีผลต่อความพยายามรักษาตำแหน่ง แต่ศึกสหรัฐฯ-อิหร่านยังต้องมียกใหม่ จะเบาหรือแรงแค่ไหนต้องรอดู