ป้อมพระสุเมรุ
ประกาศจะส่งจดหมายเปิดผนึกเชิญมหาเศรษฐกิจ 20 ราย มาร่วมด้วยช่วยกันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไม่ทันข้ามคืน
ก็เจอ “ไอโอ” ฝั่งตรงข้ามรุมกันถล่ม ปั่นแฮชแท็ก “รัฐบาลขอทาน” กันสนุกปาก หาว่า “รัฐบาลลุงตู่” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนปัญญาหาทางช่วยเหลือประชาชน จนสุดท้ายต้องแบกหน้ามาขอรับบริจาค
แต่กลายเป็นว่า ฟังไม่ศัพท์จับไปกระเดียด เพราะไม่มีประโยคไหนที่ “บิ๊กตู่” เอ่ยปากขอเงินสักแดงเดียว มีแต่ระบุว่า ให้ทางมหาเศรษฐีประเทศไทยยื่นมือเข้ามาว่าจะช่วยอะไรบ้างเพื่อให้ประเทศและประชาชนฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ ในนาม “ทีมไทยแลนด์”
ยิ่งเมื่อกางจดหมายที่ “นายกฯตู่” ทำถึง “บิลเลียนแนร์-มิลเลียนแนร์” ของประเทศไทย ก็พบว่า ย้ำชัดว่าไม่ขอรับ “เงินบริจาค” แต่อย่างใด
“...ผมซาบซึ้งใจที่หลายท่านได้ลงมือช่วยเหลือประชาชนไปแล้วหลายเรื่อง แต่ผมต้องการขอให้ทุกท่านทำเพิ่มเติม โดยใช้ศักยภาพของท่านมาทำให้เกิดการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนคนไทยที่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผมขอให้ท่านทำเอกสาร นำเสนอสิ่งที่ท่านพร้อมจะทำเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทย โดยผมไม่ขอรับเป็นเงินบริจาค แต่ผมขอให้ท่านลงมือทำโครงการที่จะออกไปช่วยเหลือประชาชนคนไทยทุกกลุ่มทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาความทุกข์ร้อนของประชาชนทางด้านใดก็ตาม หรือด้วยวิธีการใดก็ตามขอให้เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม...”
สุดท้ายกระแสจะสร่างซา เพราะบรรดาฝั่งตรงข้ามหงายเงิบ เรื่องของเรื่อง เพราะก่อนหน้านี้มี “มหาเศรษฐี” บางรายยื่นความประสงค์จะช่วยรัฐบาลในด้านต่างๆเอง
ทั้งตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยให้โรงพยาบาล หรือตั้งโรงทานแจกจ่ายให้ประชาชน ตลอดจนเข้ารับแรงงานที่ตกงานกันอย่างพุ่งพรวด “บิ๊กตู่” เห็นว่า เป็นเรื่องดี เพียงแต่ว่า ถ้าทำกันแบบลับๆ ล่อๆ อาจจะโดนข้อครหาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เอื้อเจ้าสัวนายทุนที่โดนจับจ้องกันมานานสองนาน
“บิ๊กตู่” เลยบอกว่า ให้มหาเศรษฐีอยู่กันนิ่งๆ ตัวเองจะทำจดหมายเปิดผนึกเชิญแล้วตอบกลับมา เพื่อเป็นการให้เกียรติ และไม่ถูกครหาว่า แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน
จะเห็นได้ว่า ทันทีที่ “บิ๊กตู่” ประกาศไป บรรดามหาเศรษฐีต่างขานรับกันเป็นทิวแถว เพราะนอกจากจะได้รับคำชมแล้ว ยังดีต่อใจ ดีต่อแบรนด์ตัวเอง ชั่วโมงนี้ใครไม่ทำถือว่า “ตกขบวน” เอาง่ายๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไร ใครจะมองอย่างไรถือเป็นเรื่องนานาจิตตัง เอาเป็นว่า นาทีนี้ใครยื่นมือช่วยเหลือประชาชนที่กำลังตกระกำลำบาก ต้องอนุโมทนาสาธุกันไป
ไม่เว้นแม้แต่ “เสี่ยหมื่นล้าน” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในสถานะปัจจุบัน “แกนนำคณะก้าวหน้า” ที่ขอ “เกาะขบวน” ไปกับเขาด้วย หลังก่อนหน้านี้หลายคนตามหาคนหาย
เห็นครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปช่วงวันที่ 22 มี.ค.ที่ “ไพร่หมื่นล้าน” อุดมการณ์พุ่งพล่านแหวกม่านโควิด-19 ควง “จารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล และ “สาวช่อ” พรรณิการ์ วานิช ออกมาแถลงตั้ง “คณะก้าวหน้า”
ตอนออกมาครั้งนั้นต้องบอกเลยว่า “แป้ก” มากกว่า “เปรี้ยง” เพราะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะที่ควร เนื่องจากประชาชนกำลังมะงุมมะงาหรา สนใจแต่ภัย “ไวรัสมรณะ” กันอยู่ เลยไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร หลังจากนั้น “เสี่ยเอก” ก็เลยเงียบๆไป
โผล่มาอีกทีช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ที่เจ้าของสมญา “นายกฯ โซเชียล” โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านสังคมออนไลน์ ระบุว่า
“คนถามมาว่าช่วงสงกรานต์นี้ผมทำอะไร ตอนนี้ผมและทีมงานกำลังเร่งผลิตอุปกรณ์การแพทย์เพื่อมอบแก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ ในการรับมือโควิด-19 สัปดาห์หน้าจะเสร็จสมบูรณ์ ไว้จะมาอัพเดตกันแบบเต็มๆ นะครับ”
พร้อมภาพประกอบ 2 ภาพ เป็นภาพกำลังประชุมวางแผนกับทีมงานโดยมีแบบแปลนคล้าย “ห้องตรวจ” ของแพทย์ กับอีกภาพยืนมองโครงเหล็กขนาดใหญ่ภายในโรงงานอยู่
ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาในสังคมออนไลน์ได้พอสมควร
กระทั่งสัปดาห์ถัดมา ก็ปล่อยคิว “มาดามสมพร” สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่บังเกล้า นำร่องไปก่อน โดยหอบกระเป๋าเงินไปแจกจ่ายกันแบบสดๆ ให้ประชาชนย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเป็น “ลิงแก้แห” กับการเยียวยา 5,000 บาท ไม่ทั่วถึงเท่านั้น รับกับเว็บไซต์ “ทำไมไม่ได้5พัน.com” ที่ “พรรคก้าวไกล” กำลังตีปี๊บอย่างหนัก
ส่วน “เสี่ยใหญ่ไทยซัมมิท” หันมาเล่นอีกกระดาน โดยสวมบท “พระเอก” ควงตัวแทนบริษัท จรูญรัตน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เขตบางนา กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดโรงงานให้สื่อมวลชนเยี่ยมชมขั้นตอนการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ 2 รายการ ที่จะมอบให้แก่ 12 โรงพยาบาลที่แสดงความประสงค์ ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลกับโรงพยาบาลในจังหวัดชายแดนภาคใต้และใกล้เคียง
ได้แก่ “Modula ARI Clinic” ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ห้องปฏิบัติการแรงดันบวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ กับห้องความดันลบสำหรับผู้รับการตรวจ ในรูปแบบที่ยกมาติดตั้งและถอดแยกกันได้อย่างสะดวก
และ “Patient Transportation Chamber” คืออุปกรณ์ติดเสริมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ด้วยระบบแรงดันลบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
“พระเอกหมื่นล้าน” ระบุว่า ได้รับการประสานจากกลุ่มเพื่อนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปลายเดือน มี.ค.ในเรื่องนี้ และเห็นว่ามีกำลังพอที่จะผลิตเพื่อบริจาคได้ จึงเป็นที่มาของโครงการนี้
งานนี้ต้องชื่นชม เพราะถือว่า นาทีนี้ต้อง “ร่วมด้วยช่วยกัน” ไม่ว่าใคร ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายรัฐบาล ภาคธุรกิจ เอกชน ประชาสังคม ใครมีสรรพกำลังพอจะทำได้ก็ต้องลงไม้ลงมือ โดยเฉพาะพวกมหาเศรษฐีอย่าง “ธนาธร” ของแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงแน่
และไม่วัตถุประสงค์ในเรื่องนี้จะเป็นการซ่อนร้อนหรือแอบแฝงประการใด อย่างที่มีคนตาดีสังเกตเห็นโลโก้ “คณะก้าวหน้า” แปะไว้ทุกหย่อมหญ้าของอุปกรณ์ อันนั้นไม่ว่ากัน ก็ไม่ใช่เรื่องจะมาคิดเล็กคิดน้อย เพราะของแบบนี้มหาเศรษฐีรายอื่นๆ ก็ติดแบรนด์กันถ้วนหน้า เป็น “CSR ทางอ้อม” ก็ว่ากันไป
ในเมื่อเขาควักตังค์ จะด้วยหวังผลอะไรถ้าประชาชนได้ประโยชน์ ก็ไม่ต้องไปคิดมากให้ปวดกระดองใจ “ปลูกต้นไม้ก็ต้องหวังผลไม้” เป็นธรรมดา แบบว่า ของฟรีไม่มีในโลกหรอก
นอกจากนี้ ยังโดนแซวนิดๆ ว่า ที่หายไปนาน ที่แท้แอบไปซุ่มทำของพวกนี้มา เพียงแต่ว่า อาจมาช้าไปสักหน่อย เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีการทำและบริจาคกันไปจำนวนมากแล้ว จนไม่ตูมตามเสียเท่าใด
หรือจะพูดได้ว่า “ไม่ว้าว”
แต่เอาน่า อย่างที่สำนวนฝรั่งเขาว่า Better late than never มาช้าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ในทางการเมือง ถือว่า “ธนาธร” วางไทม์ไลน์ช้าไปสักนิด หรืออาจตั้งใจ ออกมาในช่วงที่ “บิ๊กตู่” ประกาศขอความช่วยเหลือมหาเศรษฐีแล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง
แต่ช็อตนี้ที่ไม่เปรี้ยงปร้าง สมยี่ห้อ “ธนาธร” ไม่รู้จะโทษทีมงาน หรือเจ้าของโปรเจกต์ดี เพราะถ้ามาเร็วกว่านี้สักหน่อย ดูจากแบบแปลนการเปิดตัวแล้ว คงต้องการให้ใครบางคนในตึกไทยคู่ฟ้า “หน้าแหก” ที่เอกชน โดยเฉพาะอดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เคยช่วงชิงตำแหน่งกัน มาแย่งซีนหล่อ
ที่สำคัญยังย้ำ “ครหา” เมื่อครั้ง “เสี่ยเอก” เลกเชอร์แก้โควิด-19 เมื่อช่วงเดือนก่อน ที่ถูกกล่าวกาว่าก๊อปแนวทางของ “สื่อนอก” มาทั้งดุ้น
แล้วดูจากการพาทัวร์ชมโรงงาน ประกอบการบทสคริปต์ ฉากหลังที่เวอร์วังอลังการ ความตั้งใจแรกน่าจะต้องการให้สนั่นกันทั้งประเทศ คะแนนนิยมเกรียวกราวกันเลยทีเดียว
แต่ในเมื่อมันช้า ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่เห็น แม้จะมีสื่อในเครือข่าย และโซเซียลโหมประโคมกันมากมาย เพื่อจะช่วยโปรโมต แต่มันก็ดันไม่ขึ้น ทำได้แค่หวือหวาเป็นข่าวต้นชั่วโมง
ไม่ใช่ของใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด แถมบางอย่างยังถูกจับพิรุธว่า ทำผิดแบบแปลนอีกต่างหาก เลยดูจะลดค่าความตั้งใจของ “เสี่ยเอก” ไปโขเหมือนกัน
อีกอย่างคนระดับ “ไพร่หมื่นล้าน” ทายาทธุรกิจแสนล้าน ที่เป็นยักษ์ใหญ่วงการชิ้นส่วนยานยนต์ระดับทวีป มีศักยภาพในมือแบบเต็มพิกัด เอาจริงๆ ทำได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ต้องบอกว่า งานนี้อดีตพรรคอนาคตใหม่ และคณะก้าวหน้า ก้าวช้าไป 1 ก้าว ที่ต้องรู้ว่า นาทีนี้ควรต้องทำอะไร เพราะช่วงที่ผ่านมา นอกจากน้ำลายและการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว เรื่องการช่วยเหลือประชาชนแบบอลังการงานสร้าง เมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ทำไปก่อนหน้า ถือว่า “น้อยกว่ามาก”
การออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล อย่างเช่น การเปิดเว็บไซต์ “ทำไมไม่ได้เงิน5พัน” ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการฉวยจังหวะเข้าซ้ำในช่วงที่รัฐบาลผิดพลาด แต่กลายเป็นว่า “คนไม่อิน”
ที่ไม่อินเพราะการเรียกร้องและโวยวายเรื่องการไม่ได้เงินเยียวยานั้น มันรับรู้ถึงรัฐบาลโดยกว้างขวางไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาตีกิน หรือดิสเครดิตกัน แต่สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือ ความช่วยเหลือ
การด่าหรือตรวจสอบรัฐบาลมันอาจมีคนเห็นด้วยส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำแล้วได้ผลที่สุดนาทีนี้คือ การช่วยเหลือประชาชน ซึ่งชั่วโมงนั้นหากพรรคก้าวไกล ไปเดินไล่แจกเงิน เชื่อหรือไม่ว่า คนที่ตึกไทยคู่ฟ้า ก็ร้อนๆ หนาวๆ อยู่บ้างเหมือนกัน
แต่มาทำอย่างนี้ ยิ่งถูกด่า เพราะมันไม่ใช่เวลาที่จะมาเปิดศึก เล่น “สงครามน้ำลาย” ในช่วงที่ประชาชนในประเทศจะอดตายกันอยู่แล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เป็นมรรคเป็นผลมากที่สุด ที่จับต้องได้มากที่สุดคือ การช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโรงทาน แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค
เอาแบบเป็นรูปธรรม จับต้องได้ อย่างการแจกเงินแบบ “มาดามสมพร” นั่นแหละ ที่เจือไปด้วยภาพ“การเมืองเก่า” ที่ค้ำคอ “ธนาธร” อยู่
ศักยภาพของ “คณะก้าวหน้า” ทำกันได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลทำอย่างเดียว แล้วพอทำได้ไม่ดีก็ออกมาโจมตี ซึ่งประชาชนไม่ได้อะไรเลย
ถึงจะเป็นคิวแป้กๆต่อเนื่องหลายช็อต ของ “คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล” แต่อย่างว่าดีว่า ไม่ทำอะไรเลย.