ผู้จัดการรายวัน 360 - ประชาชนแห่นำทองคำออกมาขายแน่เยาวราช หลังราคาทองคำโลกพุ่งสูงสุดในรอบ 7 ปี นายกสมาคมฯ "จิตติ" รับร้านทองกำลังลำบากมีแต่คนแห่ขาย ไม่มีคนซื้อ ส่งผลให้หลายร้านต้องขนาดสภาพคล่องจนปิดกิจการ ระบุลูกค้ารายใหญ่นำทองมาขายอาจจะต้องรับเงินล่าช้าไป 5-7 วัน
วานนี้ (14 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ย่านเยาวราชแขวงสัมพันธวงศ์เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ได้มีประชาชนไปยืนต่อแถวเพื่อขายทองคำเป็นจำนวนมาก หลังราคาทองคำไปปรับตัวเพิ่มขึ้นอยางต่อเนื่อง
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ประธานกรรมการห้างทองจินฮั้วเฮง กล่าวว่า ลูกค้าจำนวนมากนำทองคำมาขายทำกำไรที่ร้านทองย่านเยาวราช เนื่องจากราคาทองคำ Gold Spot สูงถึง 1,724.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี สาเหตุจากลงทุน และกองทุนต่างประเทศ เช่น กองทุน SPDR กลับมาซื้อทองคำเพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างจากพิษโควิด-19 ซึ่งทำให้ราคาทองคำในประเทศผันผวน เปลี่ยนราคาไปแล้ว 6 ครั้ง ปรับขึ้น 300 บาท จากช่วงเช้าที่ปรับขึ้น 550 บาท ซึ่งทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปรับขึ้นมากที่สุดหากเทียบกับหุ้น ตราสารหนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาทองคำในประเทศ ปรับตัวขึ้นถึง 6,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะทำนิวไฮใหม่ และมีโอกาสลบสถิติเดิมที่เคยสูงสุดที่ 27,100 บาท ต่อบาททองคำเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดทองคำยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะไม่สามารถส่งออกทองคำไปขายต่างประเทศได้จากเหตุการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ และสายการบินหยุดบิน ทำให้ผู้ประกอบการร้านขายทองคำกำลังย่ำแย่ ประสบปัญหาสภาพคล่อง หลายแห่งอาจจะต้องมีการปิดกิจการเพราะลูกค้าแห่กันมาขายทองคำจำนวนมากและใช้วิธีสลับกันปิดสาขาชั่วคราว ดังนั้น หากลูกค้ารายใหญ่นำทองคำมาขายที่ร้าน ทางร้านอาจจะต้องชะลอการจ่ายเงินไปอีก 5-7 วัน ส่วนรายย่อยทางร้านจะจ่ายเงินสดให้ทันที โดยขณะนี้ร้านทองขนาดใหญ่จะต้องมีเงินสดสำรองต่อวันไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้ที่นำทองคำมาขาย
“ยอมรับว่าสถานการณ์ร้านทองตอนนี้หนักมาก อยู่วงการทองคำมานานเพิ่งเคยเจอสถานการณ์นี้ มีคนมาขายทองเป็นจำนวนมาก แต่ร้านค้าทองส่งออกทองคำไปขายในต่างประเทศไม่ได้เพราะสายการบินหยุดบิน และมีแต่คนเอาทองมาขาย แต่ไม่มีคนซื้อ หากเป็นแบบนี้ต่อไปร้านค้าทองคงปิดกิจการเพราะไม่มีเงิน ไม่มีสภาพคล่อง” นายจิตติกล่าว
นายจิตติ กล่าวว่า ทางร้านทองให้ความสำคัญต่อการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ลูกค้าที่นำมาทองคำมาขายต้องใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนที่จะเข้าร้าน
วานนี้ (14 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ย่านเยาวราชแขวงสัมพันธวงศ์เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ได้มีประชาชนไปยืนต่อแถวเพื่อขายทองคำเป็นจำนวนมาก หลังราคาทองคำไปปรับตัวเพิ่มขึ้นอยางต่อเนื่อง
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ประธานกรรมการห้างทองจินฮั้วเฮง กล่าวว่า ลูกค้าจำนวนมากนำทองคำมาขายทำกำไรที่ร้านทองย่านเยาวราช เนื่องจากราคาทองคำ Gold Spot สูงถึง 1,724.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี สาเหตุจากลงทุน และกองทุนต่างประเทศ เช่น กองทุน SPDR กลับมาซื้อทองคำเพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างจากพิษโควิด-19 ซึ่งทำให้ราคาทองคำในประเทศผันผวน เปลี่ยนราคาไปแล้ว 6 ครั้ง ปรับขึ้น 300 บาท จากช่วงเช้าที่ปรับขึ้น 550 บาท ซึ่งทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปรับขึ้นมากที่สุดหากเทียบกับหุ้น ตราสารหนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาทองคำในประเทศ ปรับตัวขึ้นถึง 6,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะทำนิวไฮใหม่ และมีโอกาสลบสถิติเดิมที่เคยสูงสุดที่ 27,100 บาท ต่อบาททองคำเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดทองคำยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะไม่สามารถส่งออกทองคำไปขายต่างประเทศได้จากเหตุการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ และสายการบินหยุดบิน ทำให้ผู้ประกอบการร้านขายทองคำกำลังย่ำแย่ ประสบปัญหาสภาพคล่อง หลายแห่งอาจจะต้องมีการปิดกิจการเพราะลูกค้าแห่กันมาขายทองคำจำนวนมากและใช้วิธีสลับกันปิดสาขาชั่วคราว ดังนั้น หากลูกค้ารายใหญ่นำทองคำมาขายที่ร้าน ทางร้านอาจจะต้องชะลอการจ่ายเงินไปอีก 5-7 วัน ส่วนรายย่อยทางร้านจะจ่ายเงินสดให้ทันที โดยขณะนี้ร้านทองขนาดใหญ่จะต้องมีเงินสดสำรองต่อวันไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้ที่นำทองคำมาขาย
“ยอมรับว่าสถานการณ์ร้านทองตอนนี้หนักมาก อยู่วงการทองคำมานานเพิ่งเคยเจอสถานการณ์นี้ มีคนมาขายทองเป็นจำนวนมาก แต่ร้านค้าทองส่งออกทองคำไปขายในต่างประเทศไม่ได้เพราะสายการบินหยุดบิน และมีแต่คนเอาทองมาขาย แต่ไม่มีคนซื้อ หากเป็นแบบนี้ต่อไปร้านค้าทองคงปิดกิจการเพราะไม่มีเงิน ไม่มีสภาพคล่อง” นายจิตติกล่าว
นายจิตติ กล่าวว่า ทางร้านทองให้ความสำคัญต่อการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ลูกค้าที่นำมาทองคำมาขายต้องใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนที่จะเข้าร้าน