xs
xsm
sm
md
lg

คุณหมอ Fauci คนเก่งและกล้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


นายแพทย์แอนโทนี เฟาว์ชี่ ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ สหรัฐฯ
กลางเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและคนตายด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อโควิด-19 ที่สหรัฐฯ กำลังเริ่มทะยานสูงขึ้น เรียกว่า 2 วันจะมีตัวเลขเพิ่มเป็น 2 เท่าทีเดียว

ปธน.ทรัมป์ ผู้บอกว่า เขาคือ The Chosen One หรือบุคคลที่พระเจ้าส่งมาโปรดเพื่อปัดเป่าความทุกข์ร้อนของมนุษย์ และพร่ำพูดเสมอว่า เขารู้ดีกว่าใครๆ ทั้งหมด...รู้ดีกว่าบรรดาเหล่านายพลทั้งหลายในด้านความมั่นคง และกลยุทธ์กลศึกต่างๆ...ได้ประกาศทันทีว่า

“ประเทศสหรัฐฯ จะต้องกลับมาสู่ภาวะปกติในวันอีสเตอร์นี้”

คือวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน อันเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ของคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลก-อันเป็นวันรำลึกถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าซึ่งได้มาไถ่บาปให้แก่มวลมนุษยชาติ จะได้ฟื้นขึ้นมาจากการถูกตรึงกางเขนแล้วเสด็จสู่สรวงสวรรค์

และเป็นวันเริ่มต้น อย่างเป็นทางการของฤดูใบไม้ผลิ ที่สิ่งมีชีวิตในโลก (ซีกเหนือ) จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตามฤดูกาลที่สดใส-หลังการถือศีลหรือหนาวเหน็บตลอดช่วงฤดูหนาว

ทรัมป์บอกว่า เป็นวันสำคัญที่คริสต์ศาสนิกชนจะไปทำพิธีทางศาสนา อย่างเบิกบาน และถือว่า หมดทุกข์หมดโศก จากเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวของโควิดเสียที

นั่นหมายถึง พิธีทางศาสนาตามโบสถ์ต่างๆ ที่สหรัฐฯ จะกลับมา แน่นขนัด เพื่อรับศีล และการพบปะใกล้ชิดของผู้คน หลังจากอยู่ภายใต้ข้อกำหนดให้อยู่ห่างๆ กันมาถึง 2 เดือนเต็ม

ทรัมป์มีความห่วงใยมากกับการหยุดสนิทของกิจกรรมต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งทางการเมืองด้วย หลังจากมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ตามรัฐต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลกลางที่ดี.ซี. เพื่อสามารถระดมสรรพกำลังในการสู้รบกับเจ้าไวรัสร้ายโควิดที่เข้ามาบุกอเมริกา ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม

ในการประกาศยุติการต้องมีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ก็เพื่อต้องรีบกลับมาเปิดโรงงาน ให้คนกลับมาทำงาน ก่อนที่เศรษฐกิจจะทรุดลงไปมากกว่านี้

และถ้าเศรษฐกิจทรุดไปนานๆ การจะฟื้นกลับมาก็อาจจะยากยิ่งขึ้น

ทรัมป์เกรงว่า ถ้าเศรษฐกิจทรุดยาวไปถึงฤดูร้อน ก็อาจจะกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะฐานเสียงของเขา ที่ชื่นชมและหลงคารมของเขาที่ว่า เขาเป็นผู้วิเศษ ที่ทำให้เศรษฐกิจดีมากที่สุดในประวัติศาสตร์; ทำให้คนว่างงานต่ำสุดย้อนหลังไปถึง 50 ปี; และตลาดหุ้นก็ทำลายสถิติอยู่ทุกๆ วัน

แต่พอเจ้าไวรัสร้ายนี้มาเยือนช่วงกลางมกราคม ทำเอาดัชนีตลาดทุนเริ่มลดลงอย่างน่าใจหาย

ไตรมาสแรกผ่านไปชนิดที่ดัชนีดาวน์ร่วงไปถึง ¼ ทำความมั่งคั่งของผู้ถือหน่วยลงทุนคือกว่าครึ่งหนึ่งของครัวเรือนอเมริกันต้องจนลงกลายเป็นเทวดาตกสวรรค์ กันทั้งหมด

คุณหมอแอนโทนี เฟาว์ชี่ (Anthony Fauci) ซึ่งเป็นหมออาวุโสที่มีผลงานเป็นที่น่าเชื่อถือของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาถึง 6 คนตั้งแต่สมัยปธน.เรแกน จนมาถึงโอบามา (ที่ท่านได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์สูงสุดฝ่ายพลเรือนคือ Medal of Freedom) เพราะเป็นแพทย์ที่ทุ่มเทให้กับการวิจัยค้นคว้าเรื่องโรคระบาดต่างๆ ตั้งแต่โรค HIV/AIDS, EBOLA, SARS, MERS, H1N1-โอ้ยสารพัดชนิด และได้นั่งเป็นผอ.ของสถาบันแห่งชาติด้านโรคติดต่อ และโรคแพ้ต่างๆ มาเป็นเวลานานมาก

คุณหมออายุ 79 (และจะเต็ม 80 ในเดือนธันวาคมนี้) แต่ยังเฉียบแหลม และเป็นที่ยอมรับของสถาบันการแพทย์ และวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวางทั่วโลก...และได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลเมื่อ 7 ปีมาแล้ว ด้วยผลงานดีเด่นทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อมนุษยชาติ

ทรัมป์ถูกโจมตีอย่างหนักว่า เขาโอหังและไม่นำพาต่อการระบาดของไวรัสร้ายนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม และกำลังถูกเหล่าผู้ว่ารัฐใหญ่ๆ ทางสหรัฐฯ ออกมากดดันให้ประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อเข้าช่วยเหลือรัฐต่างๆ ในการทำศึกกับโควิดนี้

ในที่สุด ทรัมป์ก็ได้เชิญคุณหมอเฟาว์ชี่เข้ามาอยู่ในหน่วยงานเฉพาะกิจ (Task Force) ที่ทำเนียบขาว เพื่อคอยให้คำแนะนำเมื่อช่วงกุมภาพันธ์นี้เอง เพราะก่อนนั้นทรัมป์ปฏิเสธว่าโรคระบาดนี้เป็น “HOAX” คือ เป็นเรื่องโกหก ไม่มีการระบาดจริง

ณ ปลายมกราคม ที่สหรัฐฯ เริ่มมีการติดเชื้อ 15 ราย ทรัมป์บอกว่า พวกเขาจะหายป่วยจนเหลือศูนย์; ไม่มีการระบาดโรคร้ายจริง, เป็นเรื่องที่เดโมแครต “กุ” ขึ้นมาเพื่อทำให้สังคมตื่นกลัว-และเศรษฐกิจจะชะลอ-เป็นแผนทำลายเขาทางการเมือง

พอตัวเลขคนติดเชื้อเป็นสามหลัก และคนตายเริ่มพุ่งขึ้น คุณหมอเฟาว์ชี่ถูกจับให้มายืนเป็นผ้ายันต์ เวลาทรัมป์สรุปสถานการณ์เป็นรายวันเรื่องการแพร่ระบาดแก่ประชาชน

พอทรัมป์บอกว่าจะให้เปิดประเทศกลับมาวันอีสเตอร์ คุณหมอเฟาว์ชี่ก็คงต้องหาทางหว่านล้อมให้ทรัมป์เปลี่ยนใจ

คุณหมอนำเอากราฟแสดงถึงจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะแพร่ระบาดเป็นหลายล้านคนในสหรัฐฯ ในช่วงเดือนเมษายนนี้แหละ เพราะสหรัฐฯ เริ่มต้นช้ามากกว่าจะห้ามการอยู่ใกล้ชิดกัน

และถ้าไม่ได้คุณหมอคนเก่งกล้านี้ สหรัฐฯ อาจจะยิ่งซ้ำเติมการระบาดและการตาย เป็นล้านๆ คน ถ้ากลับมาเปิดประเทศในวันอีสเตอร์

ขณะนี้ มีร้านขายคัพเค้ก และโดนัท รวมทั้งถุงเท้าหลายแห่งก็ได้นำเอาหน้า และชื่อของคุณหมอมาติดที่สินค้าของตน ปรากฏขายดี มากๆ เพราะผู้คนเชื่อถือและเลื่อมใสในตัวคุณหมอมากกว่าทรัมป์ หลายเท่านัก เพราะท่านพูดความจริง มากกว่าพูดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและการเงินส่วนตัว


กำลังโหลดความคิดเห็น