เอเจนซีส์ –เมื่อวานนี้(31 มี.ค)ทำเนียบขาวออกมาคาดการณ์สถานการณ์โควิด-19ในอเมริกาว่าอาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดอยู่ระหว่าง 100,000 ราย-240,000 ราย ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ เตือนให้ประชาชนในประเทศเตรียมรับความพร้อมภัยร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น สหรัฐฯเสียชีวิตภายในวันอังคาร(31 มี.ค) 830 คน ส่งผลทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตสหรัฐฯ)ล่าสุดอยู่ที่ 4,081 คน ติดเชื้อ 189,633 คน ด้านเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตร์เรส ชี้ว่า วิกฤคโคโรนาถือเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งสหประชาชาติก่อตั้งมา
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันที่ 1 เม.ยว่า ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้(31 มี.ค)ของทีมฉุกเฉินวิกฤตโคโรนาไวรัสประจำทำเนียบขาวได้ออกมาคาดการณ์ว่า ถึงแม้ทั่วสหรัฐฯตั้งแต่ฝั่งตะวันตกไปจนถึงฝั่งตะวันออกจะใช้มาตรการรับมือที่เข้มงวดมากที่สุด แต่ทว่าเชื่อว่าจะมีชาวอเมริกัน 100,000-240,000 คนจะเสียชีวิตอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าโดยอ้างอิงไปถึงโมเดลการศึกษา
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสารเตือนไปยังประชาชนทุกคนว่า “ผมต้องการให้ประชาชนทุกคนเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ยากลำบากมากที่สุดกำลังจะมา พวกเรากำลังจะต้องผ่านเวลา 2 สัปดาห์ที่สาหัส”
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเพิ่มเติมว่า ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้(31 มี.ค)พบว่า ดร. แอนโธนี เอส. เฟาซี(Dr. Anthony S. Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ( National Institute of Allergy and Infectious Diseases) และ ดร. เดบอราห์ แอล. เบิร์กซ์(Dr. Deborah L. Birx) ผู้ประสานงานทีมฉุกเฉินโคโรนาไวรัสทำเนียบขาวได้ชี้ไปถึงโมเดลการศึกษาวิกฤตโควิด-19 พร้อมกับยืนยันว่า ตัวเลขที่แสดงเป็นตัวเลขที่แท้จริง พร้อมประกาศที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเลขลดลง
โดยคนทั้งคู่ระบุว่า จำนวนตัวเลขการเสียชีวิตของชาวอเมริกันจะเพิ่มมากขึ้นหากว่าประชาชนในประเทศไม่ทำตามข้อกำหนดที่เข้มงวดในการหยุดการแพร่ระบาด เป็นต้นว่าไม่ยอมอยู่แต่ที่พักตามข้อกำหนดของรัฐ
หนังสือพิมพ์สหรัฐฯชี้ว่า ผลการศึกษาของทำเนียบขาวระบุว่าหากว่าไม่ทำอะไรเลยจะมีจำนวนตัวเลขชาวอเมริกันเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านคน
ซึ่งการสรุปเหล่านี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องของเคสที่เกิดในสหรัฐฯและได้ทำการเปรียบเทียบโมเดลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญอื่นทั่วโลก
อย่างไรก็ตามในการแถลงของผู้นำสหรัฐฯ เขายังคงยืนกรานว่ายังคงมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ดร.เฟาซีและดร.เบิร์กซ์ออกมาชี้ถึงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19ที่รัฐนิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซีย์ที่มีผู้ติดเชื้อสูงว่าส่วนอื่นของประเทศ โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งคู่กล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในตอนท้ายอาจต่ำกว่าที่คาดหากว่าคนทั้งหมดของรัฐเหล่านี้ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดในเดือนหน้าเป็นอย่างน้อย
ด้านแอนดรูว์ โคโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครต กล่าวยอมรับว่า วิกฤตการระบาดในรัฐจะยังคงร้ายแรงต่อไป เพราะความร้ายแรงสูงสุดไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 1 – 3 สัปดาห์ข้างหน้า
นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า เป็นครั้งแรกที่ทางทำเนียบขาวเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เสียชีวิตออกมาเป็นทางการ
CNN รายงานเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯเสียชีวิตภายในวันอังคาร(31 มี.ค) 830 คน ส่งผลทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตสหรัฐฯ)ล่าสุดอยู่ที่ 4,081 คน ติดเชื้อ 189,633 คน
ขณะเดียวกันด้านเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตร์เรส ชี้ว่า วิกฤคโคโรนาถือเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งสหประชาชาติก่อตั้งมา กูเตร์เรสยืนยันว่าทั้งโลกต้องร่วมมือกันหากว่ามันจ่ะวยลดผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจของไวรัสโคโรนาต่อประชากรทั้งโลก
นอกจากนี้เขายังเปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า ได้จัดตั้งกองทุนตอบโต้และเยียวยาโควิด-19 ขึ้นเพื่อช่วยเหลือประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางเพื่อหยุดการระบาดภายในประเทศ
อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์พบว่า ตัวเลขติดเชื้อรวมทั่วโลกวันพุธ(1)อยู่ที่ 860,793 คน เสียชีวิต 42,354 คน โดยมีอิตาลีเสียชีวิตมากที่สุดที่ 12,428 คน ส่วนสเปนเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 ที่ 178,378 คน และจำนวนผู้หายป่วยทั่วโลก178,378 คน ส่วนไทยมีผู้ติดเชื้อรวม 1,771 คน เสียชีวิต 12 คน หายป่วย 342 คน