xs
xsm
sm
md
lg

In Clip: “ทรัมป์” ยกโทรศัพท์หารือกับ “ผู้นำจีน” ถกวิกฤตโควิด-19 ระหว่างอีกมือลงนามคำสั่งสนับสนุน “ไต้หวัน” ระดับนานาชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี/เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยในวันศุกร์ (27 มี.ค.) ว่า ได้หารือยาวนานทางโทรศัพท์กับผู้นำจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถึงวิกฤตโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักทั่วโลก ชื่นชมผู้นำจีนมีความเข้าใจเป็นอย่างมากต่อการระบาด ด้านสีตอบกลับ เห็นพ้องตอบกลับทั้งจีนและสหรัฐฯ สมควรร่วมมือสู้วิกฤตการระบาดของโลก 1 วันก่อนหน้าที่ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามกฎหมายไต้หวันให้สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือไต้หวันให้มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับชาติในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

CNBC สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (27 มี.ค.) ว่า สถานีโทรทัศน์ทางการของจีนออกมาเปิดเผยว่าวันศุกร์(27)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ได้หารือกันทางโทรศัพท์ โดยผู้นำสหรัฐฯได้แถลงในวันศุกร์ (27) ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เขาได้พูดคุยเป็นเวลานานเกี่ยวข้องกับปัญหาโรคไวรัศโดโรนาระบาด ที่ในเวลานี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

โดยทรัมป์กล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ด้วยมีน้ำเสียงในทางบวกว่า “เพิ่งสิ้นสุดการสนทนาที่ดีกับประธานาธิบดีจีน สี ได้ถกประเด็นจำนวนมากเกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ซึ่งจีนได้ผ่านมาอย่างหนักและพัฒนาและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อไวรัส เรากำลังร่วมมืออย่างใกล้ชิด นับถืออย่างสูง!”

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า สีได้ออกมาชี้ในวันศุกร์ (27) ว่า เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐฯ จริง และเขาเห็นด้วยที่ทั้งจีนและสหรัฐฯต้องร่วมมือในการต่อต้านการระบาดของโรคโควิด-19 และเขาหวังว่า ทรัมป์จะใช้มาตรการที่มีความเป็นไปได้และมีประสิทธิภาพในการปกป้องชีวิตพลเมืองของตัวเองและชีวิตพลเมืองจีนในสหรัฐฯ

ในระหว่างการสนทนา ผู้นำจีนได้กล่าวว่าได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดให้กับองค์การอนามัยโลก WHO และชาติอื่นๆ รวมไปถึงสหรัฐฯ ตามลำดับเวลา

สีได้กล่าวปกป้องว่า “โรคระบาดนั้นถือเป็นศัตรูร่วมของมนุษยชาติ และไม่เลือกพรมแดนหรือเผ่าพันธุ์” และเขาได้กล่าวว่า ในบางมณฑล บางเมือง และบางบริษัทของจีนได้จัดหาอปุกรณ์ทางการและการสนับสนุนให้แก่สหรัฐฯ

การโทรศัพท์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (26) เกิดขึ้นท่ามกลางการยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกกว่า 533,416 คน โดยมีสหรัฐฯ มาเป็นอันดับ 1 ที่ 85,991 คน

เอเอฟพีชี้ว่า และในการสนทนาทางโทรศัพท์ สียังได้ชี้ว่า สหรัฐฯ สมควรต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ อ้างอิงจากสื่อจีน ซึ่งสีกล่าวย้ำว่า “ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ นั้นเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญ” และกล่าวว่ามีแต่การรวมมือกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมเท่านั้นที่ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ที่ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับสีนั้นพบว่าในช่วงคืนวันพฤหัสบดี (26) เขาได้ลงนามบังคับใช้ร่างกฎหมายไทเป (Taipai Act) เพื่อให้สหรัฐฯ เพิ่มการสนับสนุนไต้หวันในระดับนานาติ อ้างอิงจาก RT สื่อรัสเซีย

เนื้อหาในร่างกฎหมายมีระบุว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มีหน้าที่ต้องช่วยไต้หวันด้านการทูตในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเพื่อต่อต้านการขยายอำนาจของจีน พร้อมกับข่มขู่ที่จะทำโทษต่อชาติที่คุกคามความมั่นคงหรือผลประโยชน์ของไต้หวัน

รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ไต้หวันออกมาแสดงความยินดีต่อความเคลื่อนไหวครั้งนี้โดยประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน ได้แถลงผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “เพื่อนในเสรีภาพ พันธมิตรในความมั่งคั่ง”

และเธอยังกล่าวต่อว่า “เป็นหลักฐานพิสูจน์ของความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันและในขณะที่พวกเรากำลังร่วมกันการตอบโต้ต่อภัยคุกคามโลกด้านสุขภาพของมนุษย์และคุณค่าร่วมกันทางประชาธิปไตยของพวกเรา"

ทั้งนี้ อ้างอิงจากอัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์ รายงานว่า เรือรบพิฆาตสหรัฐฯ USS แม็กเคมป์เบล (USS McCampbell) ที่มีติดหัวรบนำวิถีในวันพุธ (25) ได้แล่นตรวจการผ่านช่องแคบไต้หวันตามตาราง โดยเป็นการแล่นเรือผ่านช่องแคบไปทางเหนือ และได้รับการจับตาจากกองทัพไต้หวัน กระทรวงกลาโหมไต้หวันกล่าวผ่านแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดี (26)

โดยโฆษกกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ชี้ว่า การออกมาลาดตระเวนผ่านช่องแคบไต้หวันในครั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันต่อพันธสัญญาของสหรัฐฯ ต่อความเป็นเสรีและเปิดกว้างของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และเขายังยืนยันว่า สหรัฐฯ จะยังคงแล่นเรือ บินผ่าน และปฎิฏิบัติการในทุกที่ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศอนุญาต





กำลังโหลดความคิดเห็น