xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ประชาธิปัตย์” ยุคกักตุน “สปิริต” “เจ๊ติ่ง-เจ๊ตุ๋ยเดอะแมสก์” ทำมาตรฐานดิ่งเหว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“เจ๊ติ่ง” มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข | “เจ๊ตุ๋ย” อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็มาไล่ขวิด

ในจังหวะที่ความอึมครึมใน “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่คลี่คลาย จากกรณี “แชทหลุด” ใน “กลุ่มไลน์ อดีต ส.ส.” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร้อนฉ่า สะเทือนถึงความเป็นไปของรัฐบาล เมื่อ “กลุ่มเพื่อนอภิสิทธิ์” เรียกร้องให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล

โดยเฉพาะถ้อยคำที่ “เสี่ยหนุ่ม” พนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หล่นไว้ว่า “ถึงเวลาแล้วครับ ที่เราคงจะต้องตัดสินใจ ไม่พายเรือให้โจรนั่งแล้ว”

หลังมีความเห็นต่างกันในกรณีการลงมติไว้วางใจ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตร และสหกรณ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ก่อนที่ “ธรรมนัส” จะมาตกเป็น “ผู้ต้องสงสัย” อีกครั้งเมื่อคนใกล้ชิดไปเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย

อันเป็นที่มาของคำแรงๆ อย่าง “เรือโจร”

ไม่แปลกที่ “กัปตันเรือ” อย่าง “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมาอาการฉุน ตะเพิดส่ง “ถอนก็ถอนไปสิ” ก่อนจะมาเสียงอ่อนเอ่ย “ขอโทษ” ในความปากไวภายหลัง

แล้วก็เป็น “นายหัวชิน” ชินวรณ์ บุญยเกียรติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปพรรค ชักแถวกลุ่ม ส.ส. 24 คน แถลงขอสนับสนุนการอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป

เหมือนจะเคลียร์กันจบแล้ว อีกทั้งยังมีมหันตภัย “โควิด-19” มาเบียดจนพื้นที่ “ข่าวการเมือง” สร่างซาไปพอสมควร

แต่ไม่กี่วันต่อมา ก็มีการนำบทสนทนาใน “กลุ่มไลน์ อดีต ส.ส.” ของพรรคประชาธิปัตย์ มาเปิดเผยอีกครั้งว่า “ยังไม่จบ” โดยเป็นการปะทะคารมผ่านแชทระหว่าง อันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กับ “ชินวรณ์”

โดย “อันวาร์” หนึ่งในหัวหอกทีม “เพื่อนอภิสิทธิ์” ที่ยกกรณีของ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน - วิทยา แก้วภราดัย - วิฑูรย์ นามบุตร” แกนนำพรรค ที่อดีตเคยถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันในช่วงที่มีตำแหน่ง ก็ยินยอมที่จะลาออก เพื่อเปิดทางให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์

เป็นการยกขึ้นมาเพื่อทวงถามหา “สปิริต” จาก “ผู้กองมนัส” คนต่างพรรค ก็จริง แต่นัยก็เพื่อให้ “คนค่ายสะตอ” พิจารณา “คนใน-คนนอก” ด้วยบรรทัดฐานเดียวกัน

แล้วยังลามมาถึง “ความใน” กรณีคล้ายคลึงกัน เมื่อช่วงหนึ่ง “อันวาร์” ระบุถึงการยื่นหนังสือถึง “จุรินทร์” เพื่อให้เปิดประชุมพรรคเพื่อทบทวนมติการเข้าร่วมรัฐบาล รวมทั้งเพื่อสอบถามเรื่อง “ขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย” ที่เกี่ยวข้องกับหัวหน้าพรรคในฐานะ รมว.พาณิชย์ ด้วย

“ได้รับแจ้งจากเครือข่ายว่าจะมีการกล่าวหาว่ามีที่ปรึกษากระทรวงพาณิชย์เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะสร้างความเสื่อมเสียให้หัวหน้าพรรคมีมลทิน ผมและเพื่อนส.ส.หวังว่าจะได้พูดกัน เพื่อช่วยหัวหน้าพรรคแก้ไขปัญหา แต่พรรคก็เลื่อนการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างโควิด-19 เรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่ท่าน ถ้าจะปล่อยให้มันครึ้มฟ้าครึ้มฝนต่อไป” คือสิ่งที่ “อันวาร์” ว่าไว้

จากประเด็นรองในวันนั้น กลายมาเป็นกระเด็นหลัก และทำให้อุณหภูมิใน “ค่ายสีฟ้า” เดือดปุดๆ เมื่อทำไปทำมา “ผู้ถูกกล่าวหา” กลับมาเป็น “คนในพรรค” แทน

สำคัญที่เป็นคนใกล้ชิดหัวหน้าพรรคเสียด้วย

สำคัญอีกที่เป็นช่วงเดียวกับที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีคำสั่งเด้ง “วิชัย โภชนกิจ” อธิบดีกรมการค้าภายใน ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ เหตุจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยภายในประเทศ

เป้าก็เลยไปอยู่ที่ “กระทรวงพาณิชย์” ในกำกับของ “จุรินทร์” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่ “อากัปกิริยา” ของ “รัฐมนตรีจุรินทร์” แล้วก็ดูเหมือนว่า มิได้มองเห็นว่าอธิบดีวิชัยมีข้อบกพร่องประการใด และแปลความได้ว่า มิได้เห็นด้วยกับสิ่งที่ “นายกฯลุงตู่” ตัดสินใจเด้ง “อธิบดีวิชัย” พ้นจากเก้าอี้อธิบดีกรมการค้าภายใน

จากนั้นไม่กี่วันต่อมาก็เป็นทนายคนดัง “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่รุกคืบนำหลักฐานข้อมูลการส่งออกและกักตุนหน้ากากอนามัย ไปมอบให้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ที่รับหน้าเสื่อสอบสวนเรื่องนี้อยู่ หลังมีกรณี “บอย แมสก์เยอะ” ที่เคยถูกโยงถึง “ธรรมนัส” ก่อนหน้านี้

“ขบวนการกักตุนและส่งออกหน้ากากอนามัย เชื่อมโยงกับนักการเมืองหลายกลุ่ม มีหญิงสาวที่เป็นปรึกษารัฐมนตรีในรัฐบาลเป็นคนรับส่วนต่างจากบริษัทที่มีการส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังต่างประเทศ และมีข้อมูลว่า 14 บริษัทเอกชนเกี่ยวข้องกับการหายไปของหน้ากากอนามัยจำนวนมาก” คือคำให้สัมภาษณ์ของ “ทนายอัจฉริยะ”

ไม่ทันสิ้นเสียง “ทนายอัจฉริยะ” ก็เป็น “เจ๊ติ่ง” มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ที่ประกาศดำเนินคดีกับ “อัจฉริยะ” ทันที

จากนั้นก็เป็นต้นสังกัดอย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาเทกแอกชัน โดย “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ทางพรรคได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ควบคู่กับกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าหาก ส.ส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคกระทำผิดจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ

แต่วันเดียวกับที่ “เลขาฯต่อ” ประกาศตั้งกรรมการสอบสวน ก็เป็น “เสี่ยจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในพรรค กรณี “ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์-คนใกล้ชิด” ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้อง “แก๊งเดอะแมสก์” ขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย

ระบุชื่อ 2 ผู้ต้องสงสัยชัดเจน หนึ่งคือ “เจ๊ตุ๋ย” อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อีกหนึ่งคือ “เจ๊ติ่ง-มัลลิกา”

ผลการตรวจสอบปรากฏว่า บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีการใช้อำนาจหน้าที่คณะที่ปรึกษารมว. พาณิชย์ในทางมิชอบ 1000%

ทำเอา “คนใน-คนนอก” ได้แต่เกาหัวแกรกๆ อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดคณะกรรมการที่เพิ่งบอกว่าจะตั้ง ทำงานไวยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม ออกหน้าประทับตรา “ผู้บริสุทธิ์” ให้เสร็จสรรพ

ทั้งที่รายละเอียดที่ “เสี่ยจ้อน” กล่าวอ้าง มีแค่ “คำให้การ” ของ “จำเลย” เท่านั้น

และพอไถ่ถามไปที่ “ถวิล ไพรสณฑ์” หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของพรรค ก็ได้รับคำตอบคนละเรื่องเดียวกันว่า ยังไม่มีคำสั่งจากคณะกรรมการบริหารพรรคมาที่ฝ่ายกฎหมายพรรคทำหน้าที่ตรวจสอบใครเลย

สรุปแล้ว ยังไม่ทันตั้งกรรมการสอบสวนเลย แล้ว “เดอะจ้อน” ไปเอาผลสอบมาจากไหน กลายเป็นว่า “เสี่ยจ้อน” ผู้ชูประเด็นปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกหน้าเคลียร์ตัดจบว่า “น้องติ่ง” บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวนแล้ว

ทิ่มเน้นๆ อีกดอก “เสี่ยคึก” เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช หัวหอกทีม “เพื่อนอภิสิทธิ์” อีกราย ที่ระยะหลังเป็น “จอมสวน” สวนทุกสิ่งอย่างทั้งรัฐบาลและพรรค ร่อน “จดหมายน้อย” ถึง “นายหัวอู๊ดด้า” และคณะกรรมการบริหารพรรค ขอให้สมาชิกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลาออก

ยิงลูกโดดไปที่ “เจ๊ติ่ง-มัลลิกา” ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ที่มีข่าวพัวพันกักตุนหน้ากากอนามัย

ไม่ลืมยกมาตรฐานสูงส่ง สมัย “อภิรักษ์กษะโยธิน - วิทยา แก้วภราดัย - วิฑูรย์ นามบุตร” ที่เคยแสดงสปิริต ลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ทั้งผู้ว่าฯกทม. และรัฐมนตรี ตั้งแต่ถูกกกล่าวหา จนพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์

เป็นการเล่นคีย์เดียวกันของ “อันวาร์- เทพไท” ที่เข้าขากันดี ตามประสาทีม “เพื่อนอภิสิทธิ์”

อ่านไม่ยากว่า ไม่ได้ต้องการทวงสปิริตจาก “มัลลิกา” หรอก แต่ถามหามาตรฐานจาก “จุรินทร์” มากกว่า

กลายเป็นว่า “ค่ายสะตอ” วันนี้มาตรฐานดิ่งเหวเสียยิ่งกว่าดัชนีตลาดหุ้น เป็นยุคขาดแคลนสปิริต ที่ไม่รู้ใครเอากักตุนที่ไหน

ในที่สุด “จุรินทร์” ก็ไม่อาจไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้อีกต่อไป เพราะถ้าขืนปล่อยให้ละเลงกันไปเช่นนี้มีแต่ “พังกับพัง” ดังนั้น จึงจดปากกาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี “องอาจ คล้ามไพบูลย์” นั่งเก้าอี้ประธาน ส่วนกรรมการอีก 3 คนประกอบด้วย อิสสระ สมชัย ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์และวิรัช ร่มเย็น โดยมี อภิชาต ศักดิเศรษฐ์ เป็นเลขานุการ

ขณะที่อีกฝั่งก็เต้นเป็นเจ้าเข้าสวนกลับ “เสี่ยคึก-เทพไท” ไปบ้างว่า ถ้าจะให้ “เจ๊ติ่ง” แสดงสปิริต “เสี่ยคึก” ก็ควรลาออกด้วย เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคดีทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งนายเทพไทและมาโนช เสนพงศ์ น้องชายเป็นจำเลยคดีทุจริตการเลือกตั้ง

กรณีนี้อันที่จริงพรรคประชาธิปัตย์ควร Lock down พรรค เคลียร์กันเองก่อนให้จบก่อน เอาให้แน่ว่าจะ “อุดมการณ์” หรือ “ชามข้าว”

แทนที่จะออกมาประจานกันเองแบบนี้.



กำลังโหลดความคิดเห็น