ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ลุงตู่” สู้โควิด-19 อ่อนล้าได้ แต่ใจต้องนิ่ง ได้ 5 หมอเก่งมาร่วมกู้ภัยโอกาสได้ชัย นับว่ามาถูกทางแล้ว
ทำเอากองหนุนเหนื่อยอ่อนไปตามๆ กัน กับการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา นั่นเพราะเนื้อหาในคำแถลงที่กินเวลาราว 7 นาที ไม่มีมาตรการอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย มีเพียงภาพรวมสถานการณ์กว้างๆ กับคำแนะนำทั่วๆ ไป ที่ประชาชนก็รู้กันอยู่แล้ว... อย่าง ล้างมือ กินร้อน ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปพื้นที่เสี่ยง ส่วนมาตรการที่มากกว่านั้น ก็เพียงเกริ่นคร่าวๆ ว่า รัฐบาลจะเข้มงวดขึ้น ก่อนตบท้ายว่า “ประเทศไทยต้องชนะ” พร้อมกำมือยกขึ้นทั้ง 2 ข้าง ก็ไม่รู้ว่าใครเขียนสคริปต์ให้นายกฯอ่าน และกำกับท่าทางที่ดูมะล่องก่องแก่ง แบบนี้
คำแถลงที่ไม่ค่อยมีเนื้อมีหนัง จึงถูกฝ่ายที่ตั้งเป้าจะ “ไล่ลุง” อยู่แล้ว นำไปขยายผลทันที
พวกขาประจำอย่าง “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ก็มาทวีตข้อความเยาะเย้ยทันทีว่า “ประเทศไทยต้องชนะครับ!” แพ้ตั้งแต่เห็นหน้าผู้นำแล้ว... หรืออย่าง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็บอกว่าถ้อยแถลงของ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่มีสาระสำคัญอะไรมาก เป็นเพียงการมาบอกเพียงว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง ภาพรวมที่ออกมาไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ว่า มีมาตรการในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 อย่างไร มีแต่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เพราะพูดกลับไปกลับมา
เสียงสะท้อนแม้แต่ “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” นักแต่งเพลงชื่อดัง ที่เป็นกองหนุนลุงตู่ ก็อดรนทนไม่ไหว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึง “ลุงตู่” ว่า ถ้าคุณคือผู้นำที่จะต้องไปรบศึกหนัก คุณจะดูน่าสงสารไม่ได้ วันนี้ผู้นำดูเหนื่อยล้า เหมือนถูกบั่นทอนพลังไปมาก ผอมโกรก ดูโรยมาก เห็นแล้วก็รู้ว่า เครียด กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ.. สปีชสั้นๆ คืนนี้ ไม่เป็นบวกเลย ประชาชนต้องการเห็นผู้นำที่แข็งแรง เปี่ยมพลัง ในยามวิกฤต แต่ก็ไม่ได้น้ำหนักอะไร นอกไปจากการสื่อข่าวเดิมๆ “คุณต้องการคณะทำงานใหม่ครับ คนดี คนตั้งใจจริง แต่คณะทำงานไร้น้ำยา ประชาชนเขาไม่ด่าคณะทำงาน เขาด่าคุณ ผู้นำแต่ละประเทศ ทำงานตัดสินใจอันหนักหน่วง เขาต้องการผู้ช่วยที่วางแผนให้ตัวเขาเข้าถึงประชาชนได้ สื่อสารกันได้อย่างมีจิตวิทยา สปีชสั้นๆ วันนี้ พร้อมกับเครื่องแบบราชการ และตอนจบ “ประเทศไทยต้องชนะ” แบบตาลอยๆ ไม่ค่อยมีแรง คุณต้องไล่คนทำงานที่ทำให้คุณดูเป็นตัวตลกต่อหน้าประชาชนออกไปมั่งเถิด” พร้อมตบท้ายว่า “ผมรักลุง แต่ถ้าลุงไม่ไหว ลุงไขก๊อกได้เลยนะ”
สรุปว่า ในห้วงยามวิกฤตแบบนี้ ผู้นำต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย ไม่ตื่นตระหนก ตัวตนของลุงตู่ในแบบฉบับดั้งเดิมต้องกลับมาได้แล้ว...
แบบชายชาติทหารที่มีความเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด ไม่ใช่ “นักมวยกลัวเจ็บ” จะชกก็กลัวเจ็บ ใจไม่นิ่ง
ที่สำคัญ ทำงานใหญ่ในภาวะแบบนี้ “ใจต้องนิ่ง”
อย่างไรก็ดี การมีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่นายกฯเป็นประธานเอง ก็น่าจะมาถูกทางแล้ว นั่นเพราะถ้าปล่อยให้ระดับกระทรวงรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นก็ไม่เท่ากับที่ ลุงตู่ จะลงมาเอง อ่อนล้า โรยราไปบ้าง ก็ต้องให้กำลังใจกัน
นอกจากนี้ การที่นายกฯได้หมอเก่งๆ 5 คน มาอยู่ข้างกายภายในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ทำให้ประเทศไทยมีความหวัง
หมอเก่งๆ เหล่านั้น มีอาทิ “ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร” อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล “ศ.นพ.อุดม คชินทร” อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ “ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี” อาจารย์แพทย์อายุรศาสตร์ นายกแพทยสมาคม และ “ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์” นายกแพทยสภา
ทั้งหมดถูกเรียกตัวด่วน เพื่อคุยกับนายกรัฐมนตรี ในการให้คำปรึกษาถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา พวกเขาไม่ใช่แค่บรมครูของหมอทั้งประเทศ หากแต่ยังมีชื่อเสียงระดับโลกด้านวงการแพทย์อีกด้วย จากนั้นเราจึงเห็นมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลออกมา โดยเฉพาะเรื่องการงดจัดงานสงกรานต์ ซึ่งมีความหมายต่อการหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ด้วยความรู้ความสามารถของหมอเก่งๆ ทั้ง 5 ท่านนี้ ประเทศไทยจึงมีความหวังว่าวิกฤตไวรัสร้ายนี้จะผ่านไปได้
งานนี้ ประเทศไทยจะชนะได้ต้องร่วมมือกันจริงๆ
**“มัลลิกา” ส่ง “ทนายนกเขา” แจ้งความเอาผิด “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ปูดที่ปรึกษารัฐมนตรีมีเอี่ยวปมดรามาหน้ากากอนามัย
กรณีดรามา “หน้ากากอนามัยหายไปไหน” ที่บรรดา ส.ส.และ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แชตไลน์กันไฟลุก โดยเฉพาะเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัย ที่มีการพาดพิงไปถึงคนใกล้ตัว “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่ามีส่วนพัวพัน
โดยเฉพาะแชตจาก “อันวาร์ สาและ” ส.ส.ปัตตานี และ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวถึง เรื่องกักตุนหน้ากากอนามัย ว่าตั วเขาและเพื่อนส.ส. รู้มามาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว และเตรียมจะนำเรื่องนี้ไปพูดในที่ประชุมพรรคในวันที่ 7 มีนาคม ว่า ให้ระวังคนใกล้ชิด เพราะตั้งแต่เมื่อมีข่าวเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัย ถูกโยงมาเกี่ยวข้องกับ “ท่านหัวหน้าพรรค” ในฐานะ รมว.พาณิชย์ ก็ได้รับแจ้งจากเครือข่ายว่า จะมีการกล่าวหาว่ามี “ที่ปรึกษากระทรวงพาณิชย์” เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะสร้างความเสื่อมเสียพลอยให้ท่านหัวหน้าพรรคมีมลทินไปด้วย จึงเตรียมนำเรื่องนี้มาพูดกันในที่ประชุม เพื่อช่วยท่านหัวหน้าแก้ไขปัญหา แต่พรรคก็เลื่อนการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างปัญหา โควิด-19
ในขณะที่โซเชียลฯ นอกพรรค “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ก็ได้ไลฟ์สดผ่านเพจชมรมฯ ถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ระบุว่า มีหญิงสาวซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีในรัฐบาล มีส่วนรู้เห็นการส่งออกหน้ากากอนามัยไปต่างประเทศ...แน่นอนว่า เรื่องนี้ก็ได้รับความสนใจจากสังคมโซเชียลฯ เข้ามาติดตาม คอมเมนต์กันเป็นจำนวนมาก
ระหว่างที่ “มโน” กันว่า หญิงสาวที่ปรึกษารัฐมนตรีที่ถูกกล่าวถึงนั้น เป็นใครกันแน่... “มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข” ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้มอบอำนาจให้ “ทนายนกเขา” นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” จากการไลฟ์สดดังกล่าว ฐาน “นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด” ...ซึ่ง “ทนายนกเขา” ก็ได้ไปที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แจ้งความ พร้อมมอบหลักฐาน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวานนี้ (17 มี.ค)
“ทนายนกเขา” บอกว่า นายอัจฉริยะ มีการไลฟ์สด กล่าวหา พาดพิงนางมัลลิกา หลายครั้งว่า มีความเชื่อมโยงกับการส่งออกหน้ากากอนามัย ...ถึงแม้ นายอัจฉริยะ จะไม่ได้ระบุชื่อตัวบุคคล แต่มีการเปิดเผยทั้งตำแหน่ง และกระทรวง ซึ่งก็ชัดเจนว่า หมายถึงใคร ...
“เมื่อมีการพาดพิงบุคคล พรรคก็ต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถ้าผลออกมาว่าคุณมัลลิกา ไม่เกี่ยวข้อง คนเปิดเผยข้อมูลก็ต้องรับผิดชอบ หากคุณมัลลิกา ผิด ทางทนายความก็จะถอนตัว”
เมื่อเรื่องราวเดินไปถึงขั้นนี้แล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์จะนิ่งเฉยก็ใช่ที่ เพราะเรื่องหน้ากากอนามัยนี้ ประชาชนกำลังเป็นเดือดเป็นแค้น ที่ไม่สามารถซื้อหามาใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของเจ้าวายร้าย ไวรัสโควิด-19 ... ยิ่งมีการโจษจัน พาดพิงว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนพัวพันเช่นนี้ “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องออกมาแถลงว่า ทางพรรคสนับสนุนให้มีการตรวจสอบอย่างเต็มที่ ตรวจสอบให้ถึงที่สุด ทำความจริงให้ปรากฏ ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง จะไม่มีการปกป้องเด็ดขาด หากพบว่ามีมูลความผิด ก็ต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งเรื่องนี้จะต้องฟังข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย
ส่วนแนวทางปฏิบัติที่เคยเป็น “มาตรฐาน” ของพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นหัวหน้าพรรคนั้น หากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค ถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริต ประพฤติมิชอบ ก็จะให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ทันที ...แต่ประชาธิปัตย์ยุคนี้ “นายราเมศ” บอกว่า ต้องรอให้ “มัลลิกา” ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งการทางพรรคจะให้มีการชี้แจงในวันนี้ (18 มี.ค.)
...เรื่องหน้ากากอนามัยนี้ สังคมให้ความสนใจมาก เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศ ยิ่งปรากฏมีข่าวพัวพันไปถึงนักการเมือง ก็ยิ่งเป็นที่จับตาว่า สุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ...โปรดติดตาม