xs
xsm
sm
md
lg

กทท.เปิดโต๊ะเจรจา GPC เพิ่มผลตอบแทน สัมปทานแหลมฉบังเฟส3

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360-กทท.เดินหน้าเจรจาต่อรอง กลุ่ม GPC หวังเพิ่มผลตอบแทนสัมปทานแหลมฉบังเฟส 3 ให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุด เผยเอกชนเสนอ1.2 หมื่นล้าน ต่ำกว่ากรอบ ครม. ที่ 3.2 หมื่นล้าน นัดเจรจา 18 มี.ค.นี้ คาดสรุปผลเจรจา เม.ย. ชงบอร์ดอีอีซี เซ็นสัญญาในเดือนพ.ค.63

เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ว่า หลังจากศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2563 ยกฟ้องกรณีที่กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP (ประกอบด้วย บริษัท นทลิน จำกัด บริษัท แอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด บริษัท พริมา มารีน จำกัด บริษัท พีเอชเอส ออแกนิค จำกัด และ China Railway Construction Corporation Limited) ฟ้องเพิกถอนคำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่มีมติให้กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP เป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ทำให้คำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะเดินหน้าตามขั้นตอน โดยจะประชุมในวันที่ 18 มี.ค.2563 เวลา 14.00 น. เพื่อเจรจาผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงิน (ซองที่ 4) ครั้งแรก ซึ่งคาดว่าจะต้องเจรจาหลายครั้ง เนื่องจากทางกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC (ประกอบด้วย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ในกลุ่มบมจ.ปตท (PTT) , บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) , บริษัท China Harbour Engineering Commpany Limited) ยื่นเสนอผลตอบแทนสัมปทานที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ส่วนกรอบผลตอบแทนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติที่ 32,225 ล้านบาท (ผลตอบแทนตลอดอายุสัมปทาน 35 ปี)

"การที่เอกชนเสนอต่ำกว่ากรอบราคากลาง เพราะใน RFP ไม่ได้กำหนดให้ต้องเสนอสูงกว่ากรอบ ครม. โดยผลตอบแทนของเอกชนจะทยอยจ่ายในช่วงแรกต่ำ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปีท้ายๆ ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะเจรจาเพิ่มผลตอบแทนได้อีก คาดว่าจะสรุปผลเจรจาได้ในเดือนเม.ย. และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท. และเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.หรือบอร์ดอีอีซี) และครม. คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ประมาณเดือนพ.ค.2563 เปิดให้บริการในปลายปี 2566 ซึ่งเลื่อนจากเป้าหมายอีอีซี ที่กำหนดจะเปิดต้นปี 2566 หรือล่าช้าประมาณ 1 ปี"

ทั้งนี้ ข้อเสนอผลตอบแทนมี 2 ส่วน คือ ผลตอบแทนคงที่ และผลตอบแทนที่แปรผันตามปริมาณตู้ ซึ่งเบื้องต้นเสนออัตรา กว่า 100 บาท/ตู้ ซึ่งถูกต้องตามที่ประเมิน โดยคณะกรรมการฯ จะเจรจาเพิ่มผลตอบแทนทั้ง 2 ส่วน แต่จะเน้นที่ผลตอบแทนคงที่เพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่าผลตอบแทนแปรผัน โดยเอกชนจะเริ่มจ่ายผลตอบแทนในปีที่ 3 หลังจากลงนามสัญญา โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีหน้าที่เจรจาผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐได้สูงที่สุด ส่วนอำนาจตัดสินใจ คือ คณะกรรมการอีอีซี ตาม พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พ.ศ.2561มาตรา 11 (8)

สำหรับแหลมฉบังเฟส 3 นั้น มีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณตู้สินค้า ซึ่งมีอัตราการเติบโตประมาณ 3-4% ต่อปี คาดว่าแหลมฉบังจะเต็มใน 5-6 ปี จึงต้องเริ่มดำเนินการเฟส 3 ในตอนนี้ เพราะต้องใช้เวลาก่อสร้าง และหากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยุติ คาดว่าตู้สินค้าจะกลับมาเพิ่มตามปกติ

เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ยังไม่ได้เปิดซองข้อเสนอการเงินของกลุ่ม NCPที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ ดังนั้น จึงไม่ทราบตัวเลข มีเพียงตัวเลขจากข่าว ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นขั้นตอนการคืนซอง ซึ่งจะทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน RFP ส่วนซองที่ 5 ของกลุ่ม GPC เป็นข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการ ซึ่งหลังเจรจาซอง 4 เรียบร้อย จะเจรจาซอง 5 ต่อ เพื่อให้รัฐได้ผลประโยชน์สูงสุดเช่นกัน

ส่วนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 กทท.ดำเนินการเอง มี 4 ส่วน ได้แก่ 1.งานก่อสร้างทางทะเล วงเงิน22,000 ล้านบาท 2.งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค 6,700 ล้านบาท 3.งานก่อสร้างระบบรถไฟ 4.งานจัดหา ประกอบและติดตั้งเครื่องจักรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ก่อสร้างไม่น้อยกว่า 52 เดือน ซึ่ง งานก่อสร้างทางทะเล เปิดประมูลด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) แล้ว ขายเอกสารตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2563 ถึง 5 พ.ค.2563 กำหนดยื่นข้อเสนอ วันที่ 7 พ.ค.2563

นายธาริศร์ อิสสระยั่งยืน ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า ผลตอบแทนที่เอกชนเสนอต่ำกว่ากรอบ ครม. อนุมัตินั้น อีอีซีได้กำหนดให้คณะกรรมการฯ คัดเลือกเจรจาให้ใกล้เคียงกับที่รัฐต้องการมากที่สุด หากเจรจาถึงที่สุด ยังไม่ถึงกรอบที่ ครม. อนุมัติ คณะกรรมการฯ ต้องชี้แจงเหตุผล ชึ่งทางอีอีซีจะตรวจสอบรายละเอียดเหตุผลอีกที ว่ารับฟังได้หรือไม่ หรือมีอะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลงทำให้ตัวเลขไม่เป็นไปตามที่ศึกษาไว้เดิม ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ ยังมีอีกมาก และต้องพิสูจน์ให้เกิดความชัดเจน และยืนยันว่าที่มาของกรอบผลตอบแทน มีการศึกษาจากสมมุติฐานจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งที่ปรึกษามั่นใจว่าตัวเลขมีความเหมาะสมถูกต้อง ส่วนเอกชนมีสิทธิ์เสนอตัวเลข ส่วนรัฐก็มีสิทธิ์เจรจาและไม่รับได้ อยู่ที่ตกลงกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น