xs
xsm
sm
md
lg

ทลฉ.เดินหน้าเฟส 3 ท่าเทียบเรือ F ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของ EEC

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - ท่าเรือแหลมฉบัง ยังคงเดินหน้าเฟส 3 ท่าเทียบเรือ F ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นประตูการค้าเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมยกระดับเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค

เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ว่า ในขณะนี้โครงการพัฒนาต่างๆ เพื่อยกระดับท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ทั้งโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (SRTO) โครงการท่าเทียบเรือชายฝั่งเอ และในเรื่องของการแก้ไขปัญหาการจรจร รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับการขยายตัวของตู้สินค้า ส่งเสริมการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

เรือโทยุทธนา กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาบริหารนั้นอยู่ในระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาล เนื่องจากมีปัญหาตามที่เป็นข่าวมาระยะหนึ่ง ส่วนในด้านอื่นๆ ที่ทางท่าเรือแหลมฉบังยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้โครงการหยุดชะงัก และเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่ทางรัฐบาลวางไว้ โดยได้เดินหน้าในส่วนของการก่อสร้าง ล่าสุด ทางคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้มีมติอนุมัติให้จ้างบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด และบริษัท โชติจินดา คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ส่วนที่ 1-4) โดยวิธีคัดเลือก ซึ่งได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา

สำหรับงานก่อสร้างซึ่งเป็นส่วนที่การท่าเรือฯ เป็นผู้ลงทุนก่อสร้างเองนั้น จะแบ่งงานออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค ส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหา ประกอบและติดตั้งเครื่องจักรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมระยะเวลาในการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 52 เดือน

โดยได้เริ่มดำเนินการประกวดราคาจ้างงานในส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) โดยประกาศขายเอกสารตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. ถึงวันที่ 5 พ.ค.นี้ และกำหนดยื่นข้อเสนอในวันที่ 7 พ.ค.63 สำหรับงานก่อสร้างส่วนที่ 2 คือ งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ อยู่ระหว่างการขอความเห็นชอบประกาศร่างขอบเขตของงาน (TOR) ครั้งที่ 2

“ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังมีปริมาณการขนถ่ายตู้สินค้าผ่านท่าเรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และไวรัสโควิด-19 แต่ยังมีความจำเป็นต้องมีการตระเตรียมสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับการขนส่งในอนาคต จึงยังคงนโยบายเร่งพัฒนาโครงการระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้านทีอียูต่อปี เป็น 18 ล้านทีอียูต่อปี โดยจะดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำหรับรองรับเรือขนาดใหญ่ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในการเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาระบบการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ให้ได้มาตรฐาน โดยใช้ระบบจัดการตู้สินค้าแบบอัตโนมัติมาสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงการเป็นประตูการค้า สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและการค้าของประเทศต่อไป”






กำลังโหลดความคิดเห็น