ป้อมพระสุเมรุ
แกรนด์โอเพ่นนิ่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พรรคก้าวไกล” สังกัดใหม่ของ “อดีตพรรคอนาคตใหม่” ที่นำโดย “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้ได้รับตราตั้งต่อจาก “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในการนำพาผู้คน “55 อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่” เดินทางไปต่อในถนนสายการเมืองอันเชี่ยวกราก
“ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ที่เหลือยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ หลักการที่เคยร่วมกันทำงานในอดีตพรรคอนาคตใหม่ ขอให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจ แม้จะอยู่บ้านหลังใหม่แต่หัวจิตหัวใจยังเหมือนเดิม เรายังคงยืนอยู่ข้างประชาชน ยืนอยู่ข้างประชาธิปไตย ยืนหยัดต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร และผลักดันวาระนโยบายที่ก้าวหน้าต่อไป” คือคำประกาศของ “ทิม-พิธา” เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
เบื้องต้นคาดว่าจะใช้ “ศูนย์ประสานงานฝั่งธนบุรี อดีตพรรคอนาคตใหม่” ซึ่งใช้แถลงข่าวในวันนั้น เป็นที่ทำการพรรคก้าวไกลไปพลางก่อน เนื่องจากมีความจำเป็นต้องย้ายสำมะโนครัวออกจาก “ตึกไทยซัมมิท” เพื่อไม่ให้เกิดภาพถูกครอบงำโดย “เสี่ยใหญ่ไทยซัมมิท” ที่อาจนำไปสู่การถูกยุบพรรคได้อีกในอนาคต
ตามหลัก Brand Recognition ที่ต้องการให้ถูกจดจำแบรนด์ก็การเปิดตัว “โลโก้” พรรคก้าวไกล ผ่านเฟซบุ๊กของสำนักกิจการพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปรากฏว่า พรรคก้าวไกล อยู่ในลำดับที่ 29 ของบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองที่ดำเนินกิจการอยู่ โดยมีการวงเล็บชื่อเดิมว่า “ร่วมพัฒนาชาติไทย” ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Move Forward Party ชื่อย่อ “ก.ก.” หรือ “MFP.” ในภาษาอังกฤษ
โดยตราสัญลักษณ์ มีลักษณะคล้าย “สามเหลี่ยม” เหมือนปุ่ม Forward หรือ ลูกศร ชี้ไปข้างหน้า และมีสีส้ม คล้ายกับโลโก้เดิมอดีตพรรคอนาคตใหม่ เพียงแต่หมุนลูกศรไปคนละด้านเท่านั้น
และขณะที่การย้ายชื่อ-แซ่เข้าบ้านใหม่ยังไม่เรียบร้อย ช่วงนี้ “พิธา” ก็ถือว่า ยังไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลอย่างเป็นทางการ โดยใช้ตำแหน่ง “ประธาน ส.ส.ชั่วคราว”
รวมทั้งตั้ง “เสี่ยโรจน์” วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงไม่ต่างจากทีมโปรด “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงฟุตบอลอังกฤษ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจประเด็น “ไอโอ” ที่ผ่านมา ให้เป็น “โฆษกชั่วคราว”
แต่ยังไม่ทันไร “เสี่ยทิม” ก็โดนรับน้องซะแล้ว เมื่อ “กรรมเก่า” วนเวียนมาหลอกหลอน สำคัญที่ไม่ใช่ “ไอโอทหาร” ที่ไหนตั้งป้อมโจมตี เป็น “อดีตคนกันเอง” ที่ออกมาล่อกันเองนี่แหละ
เป็น “นานา” วิภาพรรณ วงษ์สว่าง อดีตผู้ร่วมก่อตั้งอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่จุดพลุกรณีปัญหาภายในครอบครัวของ “พิธา” กับอดีตภรรยาที่เป็นดารานักแสดงมีชื่อ ถึงขั้นมีเรื่องฟ้องร้องกันใหญ่โต โดยมีประเด็น “ความรุนแรงในครอบครัว” รวมอยู่ด้วย
ซึ่ง “นานา” ย้ำว่าศาลไม่ได้ยกฟ้องเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้อยคำระบุว่า “ศาลมองว่าเรื่องนี้ ไม่รุนแรงพอที่จะเป็นประเด็น”
พร้อมตั้งคำถามถึง “เสี่ยทิม” ว่าในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ที่พรรคเดิมที่ได้เสียงประชาชนโดยชู “ความเป็นธรรมทางสังคม” มาตลอด จะอธิบายจุดยืนเรื่อง “ความเป็นธรรมทางสังคม” อย่างไร
ต่อเนื่องด้วย “อั้ม เนโกะ” ศรัณย์ ฉุยฉาย ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ที่โพสต์ข้อความในทำนองเดียวกับ “นานา” ว่า “ถ้าประยุทธ์ หรือ...ป้อม มีประวัติตบตีเมีย หรือให้เมียกราบตีนขอโทษ แล้วมาสาธยายต่อสื่อว่าจะเปิดตัวพรรคในวันสากลเพื่อสิทธิสตรี คงโดนด่าเละจนขึ้นอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ แต่ทว่ามัน......เป็น ทิม พิธา อดีต ส.ส. พรรคส้มหวาน บรรดาหัวก้าวหน้า นักเคลื่อนไหว สื่อ นักวิชาการ สากกะเบือ หรือพวกคนรุ่นใหม่ ที่อ้างว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยก็เลยเงียบเป่าสากกันไปหมด นักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีต่างๆ ฝั่ง ปชต. ก็พร้อมเงียบปล่อยให้คนแบบนี้คอยเชิดหน้า ชูตา ในฝากฝั่งประชาธิปไตยได้ อย่างไม่ไร้ยางอาย ไร้น้ำยากันจริงๆ”
เป็น “กรรมเก่า” ที่ตามหลอกหลอน ซึ่งเดาไม่ยากว่า “พิธา” ก็คงทำมึนไม่หืออือ หรือเปิดการ์ด “เรื่องส่วนตัว” ถูไถไปได้ แต่ไม่พ้นคำถามเรื่อง “จริยธรรม” ของผู้ทรงเกียรติที่จะปักคาหน้าผากไปตลอด
ขณะที่เรื่องความเก่งกล้าสามารถในเชิงธุรกิจของ “เสี่ยทิม” ที่มี “ตำนานเล่าขาน” ว่ากอบกู้กิจการครอบครัวจากติดลบเป็นร้อยล้าน กลับมามีกำไรเป็นพันล้านได้ในเวลาอันรวดเร็ว จนเคยได้ออกรายการ “อายุน้อยร้อยล้าน” อันโด่งดังมาแล้ว
นานเข้าๆ ชักทะแม่งๆ จนมีคนชี้ทางสว่างว่า อยากรู้จริงเท็จประการใด ผู้ไขคำตอบได้ดีที่สุดน่าจะเป็น “ป๋าดุง” ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตคนสนิทของทักษิณ ว่า “หลานสุดที่รัก” ที่บังเอิญพลิกฟื้นธุรกิจครอบครัวในช่วง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” นั้น เก่งกล้าสามารถอย่างที่โพนทะนากันหรือเปล่า
เห็นว่าถามถึง “หลานทิม” ทีไร “ป๋าดุง” กัดฟันกรอดๆ เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ที่ว่าไปคงเป็นประเด็นเล็กน้อยในมุมมอง “ติ่งส้มหวาน” เพราะคงก็อ้างว่าหลักใหญ่คือ การต่อสู้ตามในเชิงประชาธิปไตยตามแนวทาง “พรรคเก่า” มากกว่า
ดังนั้นประเด็นใหญ่ที่ผู้คนสนใจและจับตา น่าจะเป็นเรื่องแนวทางพรรคว่า เปลี่ยนแบรนด์ ยังแนวทาง “แรง” แบบเดิมหรือไม่ หลังจากที่เมื่อครั้งสัมมนาของอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ จ.นครนายก เมื่อวันที่ 28 ก.พ. - 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็มีข้อเสนอว่า ควร “ลดโทน” การเมือง “บางเรื่อง” ลง
รวมไปถึงความเป็น “นอมินี” ของ “ธนาธร” รวมทั้ง “ป๊อก” ปิยุบตร แสงกนกกุล - “ช่อ” พรรณิการ์ วาณิช อดีตขาใหญ่อนาคตใหม่ หรือเปล่ามากกว่า
อย่าลืมว่าทั้ง “ธนาธร-ปิยุบตร-พรรณิการ์” มีคดีความติดตัวกันเป็นหางว่าว การยังมีพรรคก้าวไกล กับ ส.ส.กว่าครึ่งร้อยชีวิตที่ยังมีร่างเงาของทั้ง 3 คนทาบทับอยู่ในระบบ ก็ย่อมเป็น “พลังต่อรอง” ได้เหมือนกัน
ไม่ต้องอะไรมาก อย่างกรณีที่ กกต. มีมติดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนิน “คดีอาญา” กับ “ธนาธร” จากกรณีถือหุ้น บริษัท วีลัคมีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นข้อห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 และเป็นสาเหตุที่ทำให้ “เสี่ยเอก” หลุดจาก ส.ส.ไปก่อนใครเพื่อน
ส่งผลให้พลพรรค “ก้าวไกล” ถึงกับเดือดปุดๆ ใช้พื้นที่สังคมออนไลน์ของตัวเอง โพสต์ปกป้อง “ธนาธร” ทันที
ไม่ว่าจะเป็น “วิโรจน์” โฆษกชั่วคราว ที่ว่า “ธนาธร คือ หนึ่งในความหวังของประเทศนี้ และประชาชนกำลังรู้สึกว่า เพื่อนของเขาคนนี้กำลังถูกรังแก และความหวังที่พอจะมีเหลืออยู่บ้างของพวกเขา กำลังถูกทำลาย หากวันใดประชาชนจำนวนมาก เชื่อว่า ผู้ที่ใช้กฎหมาย ใช้กฎหมายรังแกประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อพวกพ้องของตน เมื่อความเดือดดาลถึงขีดสุด ต่างคนก็จะระบายความเดือดดาลนั้น แก่ผู้ที่ใช้กฎหมาย โดยไม่สนใจกฎหมายอีกต่อไป และใครก็จะไปสั่งให้ประชาชนระงับความเดือดดาลนั้น ก็ไม่ได้”
หรือ “หนุ่มกาย” ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และอดีตรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ก็ว่าในทำนองเดียวกัน “ผมอยากถามว่า กกต.ออกมาเห็นโลกภายนอกบ้างหรือไม่ ประชาชนรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้ความอดทนของประชาชนหมดลงไป ... ในวันที่ประชาชนออกมา ในวันที่คนหนุ่มสาวไม่อาจก้มหน้าต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป อย่ากล่าวหาว่าพวกเขาออกมาเพราะการเมืองฝ่ายไหน อย่ายัดเยียดให้ใครเป็นผู้ร้าย”
ส่งสัญญาณขู่กันโต้งๆว่า หากเล่นงาน “ธนาธร” ก็อาจทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมา
ปฏิกิริยาของ “อดีตคนออนาคตใหม่” ที่ไปต่อในนามพรรคใหม่ ก็ทำให้นึกย้อนถึงปฏิกิริยาของคน “พลังประชาชน - เพื่อไทย” ที่เคยทำทุกวิถีทางเพื่อ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหนีคุก ยึดนโยบาย “พาทักษิณกลับบ้าน” จนประเทศชาติป่นปี้มาแล้ว
ถ้าพรรคก้าวไกล เดินทางรอบพรรคพลังประชาชน-เพื่อไทย ในการไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ขู่นำคนลงถนน ประวัติศาสตร์คงย้อนกลับมาเร็วกว่าที่คิด
และบอกเลยว่า “ก้าวไกล” ก็คงก้าวไม่ถึง หากยังก้าวไม่พ้น “ธนาธร”.