xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

โควิด-19ขวิด “ธรรมนัส” แชตร้อนป่วน “ปชป.-พปชร.” ถอดรหัสลีลา“พรรคแมลงสาบ” สารพัดก๊วน“ค่ายลุงตู่”เปิดวอร์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ยามหน้าสิ่วหน้าขวานก็ไม่สน

สถานการณ์โรคระบาด “โควิด-19” ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งโลก แต่สำหรับประเทศไทยงัดมาเป็น “เกมการเมือง” ได้ตลอด สำคัญที่ครั้งนี้ดันเป็นเกมที่งัดกันเองภายในฝ่ายรัฐบาลซะด้วย

เอาเข้าจริงตาม “ปฏิทินการเมือง” ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมง้างดาบปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้แล้ว แต่เกิดคิวแทรกจากโรคโควิด-19 ทำให้คนที่หวิดจะได้เป็นรัฐมนตรี ทั้ง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ประธาน ส.ส.พรรคพลังระชารัฐ และ “เสี่ยแฮ้ง” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท รองประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ต้องคอยเวลาต่อไป

พูดไม่ผิดว่าวาระ “ปรับ ครม.” ที่แม้โดนโควิด-19แทรกไปแล้ว แต่ก็เป็นเหตุทำให้กลุ่ม-ก๊วนในฝ่ายรัฐบาลเริ่มขยับกันแรง จนประสานงากันไปหลายดอก

โดยเฉพาะรายของ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่องค์ “ตำบลกระสุนตก” กลับเข้าร่าง หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้รับคะแนนรั้งท้าย 6 รัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก และยังถูกวิจารณ์ว่า “ตอบไม่เคลียร์” ทั้งเรื่องวุฒิการศึกษา และคดีความยาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย

น่าสนใจว่าเป็น “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ที่เริ่มออกลายตั้งแต่คืนก่อนลงมติ เมื่อมีการปล่อยข่าวออกมาว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์บางส่วน เสนอให้ไม่ลงมติไว้วางใจ “ธรรมนัส” ด้วยมองว่า ชี้แจงไม่ชัดเจน และยังมีคุณสมบัติไม่เหมาะกับการเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่ต้น

ถึงขั้นมี “ข่าวตั้งใจหลุด” ว่าพรรคประชาธิปัตย์ปิดห้องประชุมกันกลางดึกเพื่อลงมติชี้ขาด ปรากฏว่า ส.ส. 24 คน เห็นว่าควรไว้วางใจ “ผู้กองมนัส” ส่วนที่ไม่ไว้วางใจมีถึง 17 เสียงด้วยกัน

สุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่บิดพลิ้ว ลงมติไว้วางใจ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กันอย่างพร้อมเพรียง แม้กระทั่ง เทพไท เสนพงศ์-อันวาร์ สาและ- สาธิต วงศ์หนองเตย - พนิต วิกิตเศรษฐ์ ที่ก่อนโหวตเรียงหน้ามาแถลงข่าวโจมตี “ธรรมนัส” ก็ยังอ้างว่า “ฝืนใจ” โหวตให้ทำตามมติพรรค

มีก็แต่พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มี 5 เสียง เลือก “งดออกเสียง” จนทำให้คะแนน “ผู้กองมนัส” รั้งบ๊วย

ความวัวไม่ทันหาย ก็มีเรื่องแทรก พอเกิดเรื่อง “แก๊งตุนหน้ากากนามัย” ที่ “ร.อ.ธรรมนัส” ถูกเชื่อมโยงจาก “ผู้ติดตาม” ที่เป็นไปพบปะกับ “แก๊งปั่นราคา” เป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นปลด “ผู้ติดตาม” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่พอถูกเปิดแผล “ขาประจำ” ก็เลยได้ทีออกมากระทุ้งอีก โดยมี “ไลน์หลุด” ออกมาจาก “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดเผยว่า ส.ส.บางคนไม่ปลื้มกับการที่ “ธรรมนัส” ยังเป็นรัฐมนตรี ถึงขั้นว่า ให้ถอนตัวออกจากรัฐบาล “อย่าพายเรือให้โจรนั่ง” จนถูกฝั่งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น ตอกกลับไปหลายดอกเหมือนกัน

สำทับด้วย สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่เปิดศึกภายใน ออกมาขย่มเก้าอี้ “ผู้กองมนัส” ให้ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ “ทีมผู้กอง” อย่าง ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร สวนกลับอย่างดุเดือดในไลน์กลุ่ม ส.ส.ของพรรค

อาจจะดูเหมือนเป็นประเด็นของ “ธรรมนัส” เพียงเรื่องเดียว แต่ลึกๆ แล้วซ่อนร่องรอยความบาดหมางของหลายกลุ่มหลายก๊วนในพรรคพลังประชารัฐไว้เพียบ

เมื่อ “พรรคหลัก-พรรคร่วม” ล่อกันนัวเนีย สถานการณ์ “เรือเหล็กประยุทธ์” ยามนี้ก็เลยเหมือนมี “ระเบิดเวลา” ที่รอเวลาปะทุอยู่ตลอดเวลา

น้ำเน่าสไตล์ “พรรคแมลงสาบ”

ว่ากันที่ความคงเส้นคงวาของ “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ เข้าของสมญา “รัฐอิสระ” ที่สื่อทำเนียบรัฐบาลมอบให้ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามธรรมเนียมในโอกาสขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา

โดยมองว่าตั้งแต่ร่วมตั้งรัฐบาลมา แนวทางของพรรคประชาธิปัตย์กับรัฐบาล ไม่ตรงกันซะทีเดียว มีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันบ่อยครั้ง คุ้นตากันดีทั้ง “เสี่ยคึก” เทพไท เสนพงศ์ และ “เสี่ยตาล” สาธิต วงศ์หนองเตย

ทั้งการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการ “โหวตสวน” ให้เห็นอยู่หลายต่อหลายครั้ง บางจังหวะลุกขึ้นอภิปรายตำหนิรัฐบาล เหมือนลืมตัวว่าตัวเองเป็นฝ่ายรัฐบาล

หรือการทำงานในรัฐบาลในส่วนของทีมเศรษฐกิจ ที่ดูเหมือนกระทรวงพาณิชย์ในกำกับของ “จุรินทร์” รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ แยกตัวไปเป็น “ศิลปินเดี่ยว” ไม่ดูจังหวะองคาพยพเศรษฐกิจ กระทรวงอื่นเลย

หรือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้กำกับ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยออกลวดลายกรณี “แบน 3 สารพิษ” มีวิวาทะกับ “ค่ายบุรีรัมย์” พรรคภูมิใจไทย จนเสียขบวนกันมาแล้ว

กระทั่งวิกฤตโควิด-19 ปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอ ก็หวดกันตรงๆ ระหว่าง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กับ “จุรินทร์” รมว.พาณิชย์ กรณีที่หน้ากากอนามัยไม่เพียงพอต่อบุคลากรทางการแพทย์

ก่อนจะมาเกิดกรณี “เสี่ยบอย ล้านแมสก์” ที่ “ผู้กองมนัส” ถูกโยงไปเอี่ยวกับขบวนการ ทั้งที่การตรวจสอบยังไม่ชัดเจน กลับกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ไปเอาล่อเอาเถิดกันใน “กลุ่มไลน์อดีตส.ส.” ที่รวมทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน และอดีต ส.ส.ของค่ายสะตอ

ที่มาที่ไปเริ่มจาก ปู่นายเจริญ คันธวงษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดประเด็นในกลุ่มไลน์ภายในถึง “เรื่องคนใกล้ชิด รมช.เกษตรฯ คนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องขายหน้ากากอนามัย เป็นการส่งสัญญาณแล้วว่า มีคนไม่เหมาะสมเข้ามาร่วม ครม. เป็นนักการเมืองเลวอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยด่านักการเมืองตอนยึดอำนาจใหม่ๆ ปชป.ต้องเตือนอย่างแรงว่า หาก รมต.เช่นนี้ยังอยู่ใน ครม. ปชป.ขอลาออกเพราะรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ดังเช่น ปลายรัฐบาลชาติชาย มีแววว่า คนใน ครม. มีส่วนร่วมสร้างทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ผมก็เป็น รมช.เกษตรฯ อยู่ด้วย ท่านชวน หลีกภัย เตือนชาติชายแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปชป.ลาออกจากการร่วมรัฐบาล บิ๊กจ๊อดยึดอำนาจต้นปี 2534”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ก่อนจะมีการจุดพลุขึ้นว่า “ควรพิจารณาการร่วมรัฐบาล” โดยมีผู้แสดงความเห็นสนับสนุนหลายคน อาทิ “เสี่ยคึก-เทพไท” ที่ว่า “ความเห็นของ อ.เจริญ ต้องถามเพื่อน ส.ส.ของเราทุกคน ว่า เป็นพฤติกรรมที่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อ ของพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง ผมขอทบทวนความจำนะครับ 1. รับนโยบายประกันรายได้ 2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3. มีการทุจริตคอร์รัปชัน”

แล้วยังมีการอ้างอิงข้อความของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เมื่อนับถือโจรเป็นกัลยาณมิตร หากโจรจะขโมยหน้ากากอนามัยไปขาย ก็ธรรมดานี่ครับ ไม่เห็นแปลก สันดานโจรไง!!!”

ตามมาด้วย “เสี่ยหนุ่ม” พนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่โพสต์ว่า “ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วครับที่เราคงจะต้องตัดสินใจไม่พายเรือให้โจรนั่งแล้วครับ!”

ขณะที่ “บังมาด” สามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.กทม. ก็โพสต์อีกว่า “วันนั้นถ้าเราไม่ไว้ใจธรรมนัส สักคน เราจะดูดีมากในสายตาประชาชน ยกมือไปแต่หัวใจร้องไห้ พรรค ปชป.ถ้าไม่มีเรื่องอุดมการณ์ เราจะแข่งกับคนอื่นยากครับ จุดแข็งเราคืออุดมการณ์ ความศรัทธา ที่มีมากกว่าพรรคอื่น”

งัดเรื่องอุดมการณ์ขึ้นมาเป็นประเด็น ทั้งที่ชาวบ้านโห่ฮากันทั่วว่า “พรรคสะตอ” ไร้ซึ่งอุดมการณ์มานามนมแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าร่วมรัฐบาลชุดนี้ ทั้งที่ประกาศ “โปรดฟังอีกครั้ง” ว่า ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ และไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ

ฉากเดือดๆ ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เลยถูกมองว่า เล่นละครน้ำเน่ากันอีกแล้ว

ปชป.ออกงิ้วเรียกราคา
อย่างไรก็ดี เมื่อเรียกร้องให้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ พิจารณาถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล หาก “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ปรับ “ร.อ.ธรรมนัส” ออกจาก ครม. โดยอ้างทั้งแผลเหวอะจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งกรณีทีมงานปรากฏฝ่ายเกี่ยวข้องกับผู้โพสต์คลิปกักตุนหน้ากากอนามัย

ร้อนแรงถึงขั้นว่า “ให้เลิกพายเรือให้โจรนั่ง” จนใน ครม.มองกันเลิ่กลั่ก คนไหนโจร คนไหนฝีพาย

ย่อมหนีไม่พ้นคำถามไปถึง “นายกฯตู่” ก็ปรากฏว่าตอบไวๆ ว่า “ถอนก็ถอนไปสิ” ราวกลับไม่ยี่หระ

แต่คงเคลียร์กันหลังไมค์เรียบร้อย ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ท่านนายกฯถึงกลับต้องเอ่ยปากขอโทษที่พูดไวไปหน่อย

ทางการเมืองวิจารณ์กันขรมว่า “การเมืองน้ำเน่า” สไตล์ “พรรคแมลงสาบ” ที่ถนัดนักกับบท “เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น”

ทำทีเป็นฮึดฮัดให้มีราคา รู้อยู่ว่า “รัฐบาลพลังประชารัฐ” ยังจำเป็นต้องพึ่ง 53 เสียง ส.ส.ประชาธิปัตย์ แม้ตัวเลขล่าสุดจะทิ้งห่างฝ่ายค้าน จนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ไม่สุ่มเสี่ยงปริ่มน้ำแล้วก็ตาม แต่หากเขี่ย 53 เสียงออกไปเลย ตัวเลขไป-กลับ ก็พลิกกระดานทันที

ก็เลยคิดว่ามี “แต้มต่อ” ถึงงอแงอย่างไรก็ไม่ถูกปรับออกจากรัฐบาล

ครั้นจะอยู่นิ่งๆ พลังต่อรองก็อาจจะลดฮวบฮาบ ด้วยพรรคคู่หูที่เคยมี ส.ส.ใกล้ๆ กันอย่าง “ภูมิใจไทย” ไปสอย ส.ส.แตกรังมาเพิ่มที่นั่งให้ฝั่งรัฐบาลได้นับ 10 ชีวิต สิริรวมตอนนี้พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.แล้วอย่างน้อย 61 คน จากเดิม 52 คน

ส่งผลให้ขยับขึ้นเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ แทนพรรคประชาธิปัตย์ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล

7 ที่นั่งรัฐมนตรีที่เคยได้เท่าๆ กัน อาจจะไม่เหมือนเดิมหากมีการเขย่าใหม่

ก็เลยต้อง “ออกงิ้ว” ให้รู้พิษสงกันบ้าง แต่ก็เป็นการออกงิ้วแบบตี 2 หน้า ฝ่ายหนึ่งออกมาโหวกเหวกโวยวาย อีกฝ่ายก็ออกมาเล่นบท “เด็กดี” อ้าง “มารยาท” อ้าง “มติพรรค” ในการอยู่ร่วมรัฐบาล

แล้วก็เป็นไปตามสคริปต์ ไม่ทันไรกลุ่มที่อยู่ในตำแหน่ง ก็ออกมาแสดงอาการ “กอดอำนาจ” ตั้งแต่ นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ที่บอกว่า “การเข้าร่วมรัฐบาลเป็นไปตามมติพรรค เพราะฉะนั้นการมาบอกว่าพายเรือให้โจรนั่งนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พวกที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ก็ทำหน้าที่กันเต็มความสามารถ ต้องการทำให้เห็นว่า ปชป.เวลามาร่วมรัฐบาลเราก็ทำงานได้ ทำงานเป็นเหมือนกัน ไม่ใช่ดีแต่พูด ดังนั้น ที่บอกว่ามาพายเรือให้โจรนั่งนั้นต้องทบทวนคำพูดให้ดี พูดแล้วมันบั่นทอนกำลังใจคนทำงานเหมือนกัน”

ก่อนที่ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะนำ ส.ส.ของพรรคหลายชีวิต มาแถลงข่าวสนับสนุนการอยู่ร่วมรัฐบาล โดยยกมติเสียงส่วนใหญ่ 24 คน ที่ลงมติเห็นด้วยกับการลงมติไว้วางใจ “ร.อ.ธรรมนัส”

โดยไม่ลืมตบท้ายด้วยคีย์เวิร์ดบังคับ “เรื่องการร่วมรัฐบาลนั้นถือได้ว่าเป็นมติของพรรค”

ที่แจ่มแจ้งแดงแจ๋ที่สุดไม่พ้น “ท่านหัวหน้าจุรินทร์” ที่ว่า “พรรคประชาธิปัตย์ ยึดถือวิถีทางประชาธิปไตยภายในพรรค ที่มีความชัดเจน รวมถึงระบบ ระเบียบ ในช่วงที่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ก็ไม่ใช่ความคิดเห็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นมติร่วมกันของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องโหวตกัน ได้ 61 ต่อ 16 เสียง”

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
อ้าปากเห็นลิ้นไก่ พูดกันตามสคริปต์เป๊ะๆ ไม่ผิดที่เขาว่ากันว่า ออกงิ้วพอเป็นพิธี แล้วหันไปเปิดการ์ด “มติพรรค” เซฟตัวเองในฝ่ายรัฐบาล

กลัวก็แต่ที่เขาเมาท์กันว่า จริงๆแล้วที่ล่อเป้า “ผู้กองมนัส” รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพราะไปขวางลำ “บางเรื่อง” ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี “รัฐมนตรีว่าการ” ชื่อ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หรือเปล่า

ภายใน พปชร.ล่อกันเละ
พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก รายของ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ สะบักสะบอมจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ผ่านพ้นมาได้ตามวิสัยของฝ่ายรัฐบาล ด้วยจำนวนมือในสภามากกว่า

ไม่ทันไรก็โดนพิษไวรัสโควิด-19 ขวิดเข้าให้ หลัง “คนใกล้ตัว” ไปพัวพันแก๊งปั่นราคาหน้ากากอนามัย ก็เลยถูกสังคมรุมถล่มซ้ำ ทำได้แค่ปัดป้องว่าไม่เกี่ยวๆ

ก็เลยยิ่งทำให้ “ภาพลักษณ์” ของ “ธรรมนัส” ยิ่งดิ่งหยักกว่าเก่า เปิดช่องให้ ส.ส.ค่ายสะตอขุดขึ้นมาเล่นงาน กระแอมดังๆว่า ”ต้องเลิกพายเรือให้โจรนั่ง”

ร้ายกว่านั้น คงเป็นคนค่ายเดียวกันอย่าง “ส.ส.สายลุย” สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่สัมภาษณ์หลายครั้งหลายครา ให้ “ผู้กองมนัส” แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์

ทำให้ “ทีมผู้กอง” อย่าง “เสี่ยไผ่” ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ อดรนทนไม่ได้ไป “เปิดวอร์” ในไลน์แชต ส.ส.พรรค ท้าทายกันถึงขั้นให้ต่างฝ่ายต่างลาออกจาก ส.ส. จนเพื่อร่วมพรรคแตะเบรกกันแทบไม่ทัน

เดือดร้อนมาถึง “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่ปากก็บอกว่าเรื่องไม่ใช่เรื่อง แค่คนสองคน แต่ก็ต้องต่อสายตรงไปปรามทั้ง “ไผ่-สิระ” ให้พูดคุยทำความเข้าใจกัน

ทว่าก็เป็น “สิระ” ที่ยังไม่เลิก ตระเวนให้สัมภาษณ์สื่อหลายสำนัก ย้ำประเด็นให้ “ธรรมนัส” ลาออกอย่างต่อเนื่อง

ก็ได้แต่คิดและสงสัยว่า “สิระ” ต้องการอะไรกันแน่

จริงอยู่ภาพของ “เสี่ยสิระ” ติดอยู่กับ “กลุ่มสามมิตร” ของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ - สมศักดิ์ เทพสุทิน หากแต่เกมนี้ว่ากันว่า “2 ส.” ไม่ได้รู้เห็น

และว่ากันไปอีกว่าเป็นเกม “ค่ายโคราช” ของ “เฮียยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ที่เดิมก็ดู๋ดี๋กับ “ค่ายผู้กอง” ดี แต่เกิด “ผิดใจ” กันภายหลัง ทำให้ห่างเหินหมางเมินกัน

กระทั่งมา “แตกหัก” ครั้งใหญ่ เมื่อมีการชักแถว ส.ส.ไปหา “ป๋าป้อม” เพื่อเสนอให้ปลด “วิรัช” ออกจากตำแหน่งประธานวิปรัฐบาล

แม้ครั้งนั้น “บิ๊กป้อม” จะแตะเบรก แต่ “แผลในใจ” ฝังลึกแบบจำกันไม่ลืม พอ “ผู้กองมนัส” พลาดพลั้ง ก็เลยมีขบวนการขย่มเก้าอี้เอาคืน

“ต้องรอดูว่าจบอย่างไร ประเด็นเลื่อยขาเก้าอี้นั้น ไม่ทราบว่าเกิดจากคนในพรรคหรือไม่ แต่อาจเกี่ยวกับการเมืองก็ได้” เป็นคำพูดของ “เสี่ยไผ่” ที่ทิ้งปมไว้อย่างมีนัย

ต้องไม่ลืมว่าเมื่อครั้งที่ “ผู้กองมนัส” เคลื่อนไหวขย่มเก้าอี้ “วิรัช” นั้น ยังกระทบชิ่งไปถึงเก้าอี้ “ปลัดแบงค์” อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ลูกชายของวิรัชด้วย ในทำนองว่าจะขย่มให้หลุดทั้งพ่อ-ลูก

2 ก๊วนใหญ่เปิดวอร์กันรุนแรง กลุ่ม-ก๊วนอื่นในพรรคก็เลยขอ “นั่งบนภู” รอบทสรุป ดีไม่ดีคุยกันไม่ลงตัว ต่างฝ่ายต่างหลุด ก็เปิดหลุมใน ครม.ได้ถึง 2 เก้าอี้

อีกทั้งกลุ่ม-ก๊วนอื่นในพรรค ก็ไม่ค่อยแฮปปี้กับบทบาทของ “วิรัช” เป็นทุน เมื่อ “กลุ่มผู้กอง” ไปเปิดวอร์ ก็เลยอาศัย “สงครามตัวแทน” ที่ไม่ต้องลงไปลุยด้วยตัวเอง

เนื่องจากที่ผ่านมา “วิรัช” สยายปีกคุมพรรค แทบจะเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะการดึง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ว่าที่รัฐมนตรี มาอยู่ใต้ปีกตัวเอง จนเข้านอกออกใน “บ้านบิ๊กป้อม” ได้แบบเช้า-เย็น

ทำให้ “กรรมการบริหารพรรค” แทบไม่มีที่ยืน

งานนี้ก็เลยหวังให้ “ทีมผู้กอง” เปิดให้ก่อน แล้วกลุ่มอื่นๆ จะตามไปสามัคคีถล่ม “ทีมวิรัช” ด้วย

แว่วว่า หลังกลางเดือน มี.ค.นี้ อาจมีปรากฏการณ์ “ฝีแตก” เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ.


กำลังโหลดความคิดเห็น